โจทย์หินก้าวไกล ปมค่าแรง 450 บาท หลังพบหอการค้าไทยไร้ข้อสรุป

โจทย์หินก้าวไกล ปมค่าแรง 450 บาท หลังพบหอการค้าไทยไร้ข้อสรุป

วง หอฯถก”พิธา”ปมค่าแรง 450 บาท สุดชื่นมื่น 2 ฝ่ายนำเสนอข้อมูล เอกชนไม่ค้านสุดโต่ง สะท้อนปัญหาการขึ้นค่าแรง หวั่นกระทบการลงทุน ตั้งทีมจับเข่าคุย ขึ้นค่าแรง 450 บาท

การพบปะหารือกันระหว่างนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ผู้บริหารสภาหอการค้าไทยกับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และคณะผู้บริหารพรรคก้าวไกล ประกอบด้วย นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคฝ่ายนโยบาย ดร.สิทธิพล วิบูลย์ธนากุล นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล นายวรภพ วิริยะโรจน์ และ นายศุภโชติ ไชยสัจ ว่าที่ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อเมื่อวันที่ 31 พ.ค. ที่ผ่านมา  โดยใช้เวลาหารือ 2 ชั่วโมง โดยทางหอการค้าไทยได้ให้ผู้บริหารเสนอประเด็นด้านเศรษฐกิจแต่ละด้านโดยให้เวลาคนละ 3 นาที ขณะที่นายพิธา ใช้วิธีการพรีเซนต์นโยบายของพรรคก้าวไกลเสนอต่อที่ประชุม  

นายพิธา กล่าวถึงการเข้าร่วมหารือกับหอการค้าฯว่า มี 3 วาระหลัก ในการมานำเสนอและหารือกับหอการค้าฯ คือ 1. ความคืบหน้าในการจัดตั้งรัฐบาลภายใต้แนวทาง 23 ข้อหลัก ใน MOU ของพรรคร่วม และการเตรียมความพร้อมในการเปลี่ยนผ่านไปสู่รัฐบาลชุดใหม่ของคณะทำงาน 7 ด้าน ซึ่งจำเป็นต้องจัดลำดับความสำคัญของนโยบายต่าง ๆ ของพรรคที่จะจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน 

โจทย์หินก้าวไกล ปมค่าแรง 450 บาท หลังพบหอการค้าไทยไร้ข้อสรุป

ไฮไลท์ สำคัญของการหารือครั้งนี้หนีไม่พ้นนโยบายการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำวันละ 450 บาท ภายใน 100 วัน  ซึ่งถือเป็นปมร้อนๆของพรรคก้าวไกลในฐานะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล  โดยนโยบายขึ้นค่าแรงมีเสียงสะท้อนหลากหลายทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย  โดยเฉพาะภาคเอกชนผู้ที่เป็น”นายจ้าง”ที่ต้องควักเงินในกระเป๋าเพิ่มเพื่อจ่ายเป็นค่าแรง ที่ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายเพราะหากมีการปรับขึ้นจะส่งผลกระทบหลายด้านโดยเฉพาะเรื่องของต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่สูงอยู่แล้ว  

อย่างไรก็ตามในที่ประชุมทั้ง 2 ฝ่าย ได้เปิดให้แสดงความเห็น และนำเสนอข้อมูลในมุมมองของแต่ละฝ่าย โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความถ้อยทีถ้อยอาศัยซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะภาคเอกชนมองว่า หากปรับขึ้นทันทีจะเป็นการกระชาก ซึ่งอาจมีปัญหาต่อระบบเศรษฐกิจได้ ดังนั้นต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน  ไม่ได้กลัวว่าจะมีการปรับขึ้น แต่การปรับขึ้นต้องพิจารณาตามความเหมาะสมกับทุกฝ่าย  

นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานหอการค้าไทย กล่าวว่า บรรยากาศในที่ประชุมเป็นไปด้วยดีต่างฝ่ายก็มีข้อมูลสนับสนุนความเห็นของตนเอง แต่ก็ยังไม่ได้มีข้อสรุป ซึ่งทุกคนเห็นพ้องกันว่า ยังมีเวลาหารือกันในรายละเอียด ทางซีกหอการค้าไทยไม่ได้คัดค้านการขึ้นค่าแรง 450 บาท แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องอ่อนไหวมาก  อัตราการขึ้นค่าแรง ระยะเวลา อาจจะต้องมีการหารือในรายละเอียดที่เหมาะสมอีกครั้ง ท้ายสุดก็เห็นว่า จะมีการตั้งทีมงานหรือคณะกรรมการร่วมระหว่างภาคเอกชนและพรรคก้าวไกลเพื่อหาข้อสรุปที่เหมาะสม 

นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานหอการค้าไทย กล่าวว่า  นโยบายรัฐบาลใหม่ที่จะเดินหน้าปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทันที 450 บาทจะเป็นผลกระทบต่อภาคการค้าและอุตสาหกรรมรุนแรงมาก  ดังนั้น ภาคเอกชนขอให้พรรคการเมืองที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลพิจารณาการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำบนพื้นฐานของกฎหมายและพิจารณารอบด้านก่อนใช้นโยบายนี้เพราะคนสั่งไม่ได้จ่าย คนจ่ายไม่ได้สั่ง

ดังนั้นจึงอยากให้การปรับค่าแรงเป็นไปตามกลไกไตรภาคี ซึ่งหากปรับขึ้นค่าแรงทันทีจะกระทบต่อภาคเอกชนเดิมและเอกชนใหม่ที่จะเข้ามาลงทุนในไทยทำให้ไม่กล้าเข้ามาลงทุนในประเทศไทยแน่นอน รวมทั้งยังจะกระทบต่อภาคการเกษตรที่ต้องจ่ายค่าแรงเพิ่มแต่ขายสินค้าเกษตรเท่าเดิมหรือน้อยลงได้ จึงอยากเสนอแนะว่าจะต้องพิจารณาทุกให้รอบด้านก่อน 

ปมค่าแรง 450 บาท ถือเป็นเผือกร้อนในมือว่าที่รัฐบาลก้าวไกล แม้ว่าบรรยากาศการหารือร่วมกันระหว่างหอการค้ากับนายพิธา จะจบลงแบบชื่นมื่น ด้วยการตั้งคณะกรรมการร่วมภาคเอกชนกับพรรคก้าวไกล แต่การขึ้นค่าแรง 450 บาทจะเป็นไปได้จริงหรือไม่คงต้องรอดูผลสรุปกันต่อไป