กรมพัฒน์ เผย 3 เดือนแรกปี 66ยอดขาย มอเตอร์ไซต์ ในไทย พุ่งแตะ 5.6 แสนคัน

กรมพัฒน์  เผย 3 เดือนแรกปี 66ยอดขาย มอเตอร์ไซต์ ในไทย พุ่งแตะ 5.6 แสนคัน

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดยอดจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจจำหน่ายรถจักรยานยนต์ อะไหล่ และบริการที่เกี่ยวเนื่อง 4 เดือนแรกปี66 เพิ่มขึ้น 40% เทียบเคียงยอดขายรถจักรยานยนต์ 3 เดือนแรกปี 66 พุ่งแตะ 5.6 แสนคัน สูงกว่ายอดขายรถยนต์ถึง 4.5 เท่า ส่งผลธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องติบโตตาม

นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า  จากการสำรวจการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ พบว่า ธุรกิจจำหน่ายรถจักรยานยนต์ อะไหล่ และบริการที่เกี่ยวเนื่อง มีอัตราการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดย 4 เดือนแรก (ม.ค.-เม.ย.) ปี 2566 จัดตั้ง 134 ราย เพิ่มขึ้น 39 ราย หรือ  41.06 % ทุน 193.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 64.94 ล้านบาท หรือ 50.69 % เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปี 65 จัดตั้ง 95 ราย ทุนจดทะเบียน 128.12 ล้านบาท

 การลงทุนในธุรกิจส่วนใหญ่เป็นคนไทย มูลค่าการลงทุน 2.16 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 61.91% ของการลงทุนในธุรกิจทั้งหมด และมีการลงทุนจากชาวต่างชาติ ประกอบด้วย ญี่ปุ่น มูลค่า 1.18 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 33.96%  จีน มูลค่า 419 ล้านบาท คิดเป็น 1.20% มาเลเซีย มูลค่า 221 ล้านบาท คิดเป็น 0.63% และ อื่นๆ 805 ล้านบาท คิดเป็น 2.30%

ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 30 เม.ย. 2566) มีธุรกิจจำหน่ายรถจักรยานยนต์ อะไหล่ และบริการที่เกี่ยวข้องที่ดำเนินกิจการอยู่จำนวน 3,690 ราย คิดเป็น 0.42 %ของธุรกิจทั้งหมดที่ดำเนินการอยู่ 871,041 ราย และมีมูลค่าทุน 34,963.03 ล้านบาท คิดเป็น 0.16 %ของธุรกิจทั้งหมดที่ดำเนินการอยู่ 21.23 ล้านล้านบาท

กรมพัฒน์  เผย 3 เดือนแรกปี 66ยอดขาย มอเตอร์ไซต์ ในไทย พุ่งแตะ 5.6 แสนคัน

ทั้งนี้ตัวเลขการจดทะเบียนจัดตั้งของธุรกิจจำหน่ายรถจักรยานยนต์ อะไหล่ และบริการที่เกี่ยวข้องที่เพิ่มขึ้น สอดคล้องกับยอดการจำหน่ายรถจักรยานยนต์และรถยนต์นั่งส่วนบุคคล (ที่มา : ธนาคารแห่งประเทศไทย) โดย 3 เดือนแรก (ม.ค. – มี.ค.) ปี 2566 ประเทศไทยมียอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ จำนวน 557,843 คัน (ม.ค. 174,980 คัน ก.พ. 179,091 คัน และ มี.ค. 203,772 คัน) ยอดจำหน่ายรถยนต์นั่งส่วนบุคคล จำนวน 122,812 คัน (ม.ค. 35,387 คัน ก.พ. 41,051 คัน และ มี.ค. 46,410 คัน) เมื่อเทียบสัดส่วนจะพบว่ายอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์มีมากกว่ายอดจำหน่ายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลถึง 435,031 คัน หรือ มากกว่าประมาณ 4.5 เท่า

ปัจจัยหลักมาจากการที่รถจักรยานยนต์มีความคล่องตัว หาที่จอดง่าย ประหยัดน้ำมัน ค่าบำรุงรักษาไม่สูง แปลงเป็นเครื่องมือทำมาหากินได้ง่าย ที่สำคัญได้รับความนิยมทุกพื้นที่ นอกจากนี้ รถจักรยานยนต์มีการออกแบบหลากหลายประเภทให้เหมาะกับการใช้งาน เช่น ระยะทาง สภาพจราจร การท่องเที่ยว กีฬา การแข่งขัน และอีกด้านหนึ่ง รถจักรยานยนต์ยังเป็นของเล่นสำหรับกิจกรรมอดิเรก เป็นของสะสม และมีผู้บริโภคบางกลุ่มที่ชื่นชอบตกแต่งรถให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ส่งผลให้ธุรกิจอื่นที่มีความเกี่ยวเนื่อง เช่น ธุรกิจอะไหล่ตกแต่งรถจักรยานยนต์ ธุรกิจบริการซ่อมบำรุง ได้รับประโยชน์ไปด้วย ในขณะเดียวกัน ผู้บริโภคอาจซื้อรถจักรยานยนต์ผ่านระบบสินเชื่อเช่าซื้อ จึงส่งผลให้ธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์เติบโตตามยอดขายที่เพิ่มสูงขึ้นเช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม แม้ว่ารถจักรยานยนต์จะเป็นพาหนะที่มีความสะดวกในสภาพการจราจรที่มีการติดขัด และการใช้งานในเมืองมีความสะดวกสบาย แต่รถจักรยานยนต์ก็เป็นยานพาหนะที่มีสถิติการเกิดอุบัติเหตุสูงที่สุด โดยข้อมูลของกรมการขนส่งทางบก พบว่า ปี 2565 มีจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน จำนวน 17,347 คน เป็นรถจักรยานยนต์จำนวน 8,751 คน คิดเป็นร้อยละ 50.45 ดังนั้น ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ต้องใช้ความระมัดระวังและไม่ทำพฤติกรมเสี่ยง ทั้งการขี่รถเร็ว การขี่รถย้อนศร และการไม่สวมหมวกกันน็อค เพื่อช่วยลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้น