‘พิธา’ เดินสายพบ ส.อ.ท. สร้างความเชื่อมั่นนโยบายเคลื่อนเศรษฐกิจ

‘พิธา’ เดินสายพบ ส.อ.ท. สร้างความเชื่อมั่นนโยบายเคลื่อนเศรษฐกิจ

‘พิธา’ เดินสายสร้างความเชื่อมั่นเอกชน พบ ส.อ.ท. ที่แรก หารือนโยบายขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรม มุ่งเศรษฐกิจโตแบบลดความเหลื่อมล้ำ

วันที่ 23 พ.ค. ที่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และว่าที่นายกรัฐมนตรี นำทีมพรรคก้าวไกล อาทิ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล นายวีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร เข้าหารือกับ นายเกรียงไกร เธียรนุกุลประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) พร้อมผู้บริหาร ส.อ.ท. อาทิ นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานส.อ.ท. นายกฤษณ์ อิ่มแสง เลขาธิการ ส.อ.ท. เพื่อหารือนโยบายเศรษฐกิจ

นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธาน ส.อ.ท. เปิดเผยว่า การพูดคุยวันนี้เป็นการพบปะเพื่อสร้างความเข้าใจ และสร้างความเชื่อมั่น อาทิ ประเด็น ค่าแรง ค่าไฟ-ค่าน้ำ การช่วยเหลือและผลักดันเอสเอ็มอี และการปฎิรูปกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการเดินหน้าเศรษฐกิจ ถือเป็นอีกมิติใหม่ที่พรรคจัดตั้งรัฐบาล มีการเข้ามาเปิดมุมมองและแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน 

สำหรับประเด็นการปรับขึ้นค่าแรง ภาคเอกชนมองว่าจะต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน ไม่กังวลว่าจะมีการปรับขึ้นแต่ต้องเหมาะสมกับทุกฝ่าย 

นายพิธา เปิดเผยก่อนเข้าหารือว่า จุดประสงค์ในการเข้าพบวันนี้เพื่อสร้างความมั่นใจต่อภาคเอกชนและนักธุรกิจถึงเสถียรภาพของรัฐบาล โดยพร้อมรับฟัง 6 ข้อเสนอของภาคเอกชน ที่คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร. นำเสนอไปก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นไป ตามนโยบายพรรคคือ เน้นบรรเทาทุกข์ เน้นความเท่าเทียม เน้นเรื่องความทันสมัย มุ่งขับเคลื่อนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ลดความเหลื่อมล้ำด้วย ซึ่งเชื่อว่าเมื่อนักธุรกิจได้รับฟังก็จะเห็นภาพที่ชัดเจน ในการเดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจในช่วงที่เศรษฐกิจโลกซบเซา 

‘พิธา’ เดินสายพบ ส.อ.ท. สร้างความเชื่อมั่นนโยบายเคลื่อนเศรษฐกิจ “สำหรับนโยบายการปรับขึ้นค่าแรง 450 บาท บางเรื่องที่ต้องรวดเร็วก็ต้องรวดเร็ว บางเรื่องที่ต้องรอบคอบก็ต้องรอบคอบสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์แรกที่มีคณะกรรมการเปลี่ยนผ่านฯ จึงต้องมาคุยกับส.อ.ท. และกกร.เพื่อรับฟังภาคเอกชน ทั้งเรื่องของ แรงงาน เอสเอ็มอี ซึ่งเราจะพิจารณาให้รอบด้านภายในสัปดาห์นี้ และจะนำไปคุยกับพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งพรรคเพื่อไทยเองก็เห็นด้วยกับการขึ้นค่าแรง”

ส่วนเรื่องตัวเลขอัตราค่าจ้างนั้นก็เข้าใจว่า การขึ้นค่าแรงในลักษณะนี้ อาจจะกระชากไปนิดนึง แต่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกเพราะเคยเกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์มาแล้ว แต่ทางคณะกรรมการเปลี่ยนผ่านกำลังไปศึกษาแพ็กเกจการขึ้นค่าแรงสมัยปี2556 และจับมาอัพเดตรายละเอียดเรื่องการช่วยเหลือแรงงาน และภาคอุตสาหกรรมด้วย 

พร้อมพิจารณาเรื่องขีดความสามารถในการแข่งขัน ตามข้อเสนอของภาคเอกชน ให้ปรับแบบ pay by skill โดยหลักการของพรรคก้าวไกลเองก็มีแนวคิดเช่นกัน 

สำหรับกรณีที่เอกชนอยากให้เร่งจัดตั้งรัฐบาลให้แล้วเสร็จก่อนเดือนสิงหาคมนั้น  พิธาบอกว่า เรื่องนี้อยู่ในกรอบของกฎหมาย และต้องรอกกต.รับรอง ถ้ารับรองเร็ว กระบวนการจัดตั้งรัฐบาลก็จะเป็นไปอย่างรวดเร็ว