นายกฯ ยินดียอดจดทะเบียนธุรกิจจดทะเบียนใหม่ เดือนเมษายน 2566 กว่า 6 พันราย

นายกฯ ยินดียอดจดทะเบียนธุรกิจจดทะเบียนใหม่ เดือนเมษายน 2566 กว่า 6 พันราย

โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ ยินดียอดจดทะเบียนธุรกิจจดทะเบียนใหม่ เดือนเมษายน 2566 กว่า 6 พันราย รวม 4 เดือนแรกปี 2566 มากกว่า 3 หมื่น 2 พันราย ยอดสูงสุดในรอบ 10 ปี

วันที่ (17 พฤษภาคม 2566) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึง ผลการจดทะเบียนธุรกิจ ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ประจำเดือนเมษายน 2566 ซึ่งมีประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทใหม่ทั่วประเทศในเดือนเมษายน 2566 จำนวน 6,041 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 20,897.87 ล้านบาท

โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชื่นชมผลความสำเร็จที่แสดงออกมาเป็นตัวเลขการจดทะเบียนธุรกิจ และขอบคุณทุกหน่วยงานที่ร่วมสนับสนุนการทำธุรกิจในไทย เชื่อความร่วมมือจะสร้างเศรษฐกิจไทยให้ก้าวอย่างมั่งคง ยั่งยืน 

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากผลการจดทะเบียนธุรกิจของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ประจำเดือนเมษายน 2566 มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทใหม่ทั่วประเทศในเดือนเมษายน 2566 จำนวน 6,041 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 20,897.87 ล้านบาท

โดยประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่

  1. ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 434 ราย คิดเป็น 7.19% ร
  2. ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 405 ราย คิดเป็น 6.70%
  3. ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร จำนวน 262 ราย คิดเป็น 4.34% ตามลำดับ 

โดยยอดการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจ เดือนเมษายน 2566 จำนวน 6,041 ราย เพิ่มขึ้น 12.37% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา และภาพรวมการจัดตั้งธุรกิจในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2566 มีจำนวนการจัดตั้งธุรกิจเพิ่มขึ้น มียอดการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจสูงสุดในรอบ 10 ปี จำนวน 32,223 ราย

“นายกรัฐมนตรีเชื่อว่าไทยยังมีโอกาส และช่องทางเติบโตในทางเศรษฐกิจได้อีกมาก จำนวนการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจที่เพิ่มขึ้นเป็นเครื่องสะท้อนความสำเร็จในการดำเนินงานสนับสนุนการประกอบธุรกิจ บรรยากาศทางธุรกิจ ความเชื่อมั่นทางธุรกิจ และความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ขอบคุณทุกหน่วยงานที่ร่วมกันทำงานจนเห็นความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมอย่างต่อเนื่อง นายกรัฐมนตรีเชื่อว่าด้วยความร่วมมือกันของทุกหน่วยงาน ภาคส่วน ประเทศไทยจะมีเศรษฐกิจที่มั่นคง ยั่งยืน” นายอนุชาฯ กล่าว