นิคมปิ่นทอง เผยยอดขายที่ดินไตรมาสแรกโต 34% ชูจุดเด่น EEC คาดทั้งปีแตะ 420 ไร่

นิคมปิ่นทอง เผยยอดขายที่ดินไตรมาสแรกโต 34% ชูจุดเด่น EEC คาดทั้งปีแตะ 420 ไร่

ปิ่นทอง เปิดเผยผลดำเนินงาน ไตรมาส 1/2566 รายได้รวมขยายตัว 29% รับยอดขายที่ดินในนิคมฯ โต 34% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน สะท้อนเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น รับลงทุนต่างชาติโดยเฉพาะจีน สนลงทุนอุตสาหกรรอีวี อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องกล อาหาร เหล็ก

นายพีระ ปัทมวรกุลชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ PIN เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2566 บริษัทฯ มีรายได้รวม 490 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน กำไรสุทธิ 157 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% โดยมีปัจจัยบวกขากยอดขายและโอนที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทองแก่ลูกค้าเพิ่มขึ้น 34% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

สะท้อนถึงศักยภาพโครงการนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทองที่มีความโดดเด่นของทำเลที่ตั้งซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษตะวันออก หรือ EEC และรูปแบบการให้บริการแบบ One Stop Service ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่นักลงทุนต่างชาติ ส่งผลให้ลูกค้าในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมเครื่องมือเครื่องกล อุตสาหกรรมอาหารและอุตสาหกรรมเหล็กโลหะ เข้ามาตั้งฐานการผลิตในนิคมฯ เพิ่มขึ้น

ขณะเดียวกัน PIN ยังได้รับอานิสงค์เชิงบวกภาพรวมเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้นส่งผลให้กิจกรรมการผลิตของลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น เป็นผลให้กลุ่มธุรกิจ Recurring Income ประกอบด้วยรายได้จากการให้บริการเช่าโรงงานและคลังสินค้า และค่าบริการสาธารณูปโภคภายในโครงการ เพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 

“ผลงานในไตรมาสแรกปีนี้ เราผลักดันการมีการเติบโตได้ดีต่อเนื่อง รับกับโอกาสการเติบโตของเศรษฐกิจทำให้ยอดขายเติบโตดีในทุกกลุ่มธุรกิจ ทั้งการขายที่ดิน รายได้จากค่าเช่าโรงงานและคลังสินค้าและรายได้จากการให้บริการสาธารณูปโภค ตอกย้ำให้เห็นถึงศักยภาพของโครงการนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทองในทุกด้าน สามารถตอบสนองความต้องการนักลงทุนต่างชาติที่ย้ายฐานการผลิตเข้ามาในประเทศไทยได้เป็นอย่างดี”

ขณะที่แนวโน้มการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกของปีนี้คาดว่าจะเติบโตที่ดีได้อย่างต่อเนื่อง จากปริมาณนักลงทุนต่างชาติเข้าเยี่ยมชมที่ดินในโครงการนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทองในช่วงเดือนเม.ย. ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นถึง 5 เท่า โดยในไตรมาสแรกปีนี้มีลูกค้าเข้าชมโครงการฯ เติบโตถึง 140% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

"ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนจากประเทศจีน สะท้อนถึงความสำเร็จในการทำตลาดและสร้างการรับรู้ถึงจุดเด่นโครงการนิคมอุตสาหกรรมไปยังกลุ่มนักลงทุนประเทศจีน รวมถึงนักลงทุนทั่วโลกผ่านช่องทางออนไลน์"

ขณะเดียวกันบริษัทฯ อยู่ระหว่างการเจรจานักลงทุนที่สนใจเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์อีวี ทั้งชิ้นส่วน อะไหล่ และแบตเตอรี่ เข้ามาตั้งฐานการผลิตในนิคมอุตสาหกรรมเพิ่มเติม ซึ่งจะช่วยสร้างโอกาสการขายและผลักดันเป้ายอดขายที่ดินปีนี้ 420 ไร่ หรือเพิ่มขึ้น 20%