ครม.ไฟเขียว! เปิดทางส่งออกเมล็ดกาแฟคั่ว-ผลิตภัณฑ์กาแฟ กระตุ้นส่งออก

ครม.ไฟเขียว! เปิดทางส่งออกเมล็ดกาแฟคั่ว-ผลิตภัณฑ์กาแฟ กระตุ้นส่งออก

ครม.ไฟเขียว! เปิดทางส่งออกเมล็ดกาแฟคั่ว และผลิตภัณฑ์กาแฟ ที่ผสมเมล็ดกาแฟในประเทศกับนำเข้า เพิ่มโอกาสส่งออก

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2566 ว่า ครม.อนุมัติร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้กาแฟเป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตและมีหนังสือรับรองในการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ เพื่อปรับปรุงการกำกับดูแลการส่งออกกาแฟให้เหมาะสม และสอดคล้องกับสถานการณ์การผลิตและการตลาดภายในประเทศ รวมถึงสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยสามารถส่งออกเมล็ดกาแฟคั่ว และผลิตภัณฑ์กาแฟที่ผลิตจากเมล็ดกาแฟดิบที่นำเข้าจากต่างประเทศผสมกับเมล็ดกาแฟดิบภายในประเทศไปยังต่างประเทศได้

จากเดิมที่สามารถส่งออกได้เพียงผลิตภัณฑ์กาแฟที่แปรรูปจากเมล็ดกาแฟดิบที่นำเข้าจากต่างประเทศเท่านั้น ทั้งนี้ กาแฟคั่วจากเมล็ดกาแฟดิบหลายชนิดที่นำมาผสมกันได้ เช่น กาแฟบราซิลและกาแฟเคนย่า ที่นำเข้าจากต่างประเทศ มาผสมกับเมล็ดกาแฟดิบที่ผลิตภายในประเทศ เช่น กาแฟอาราบิก้า ส่วนใหญ่ผลิตได้ทางภาคเหนือ เช่น กาแฟดอยช้าง และกาแฟโรบัสต้า ส่วนใหญ่ผลิตได้ทางภาคใต้ เช่น กาแฟจาก จังหวัดระนอง
 
สำหรับสาระสำคัญของร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ฉบับนี้ เป็นปรับปรุงประกาศ กระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การส่งกาแฟออกไปนอกราชอาณาจักร พ.ศ.2551 ที่ใช้บังคับมานาน 

โดยแก้ไขส่วนที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกกาแฟ ที่ผลิตจากเมล็ดกาแฟดิบที่นำเข้าจากต่างประเทศ ดังนี้

1.เพิ่มคำนิยาม “เมล็ดกาแฟคั่ว” หมายความว่า เมล็ดกาแฟที่คั่วแล้ว ทั้งที่บดแล้ว และยังไม่บด (จากเดิมไม่มี)
 
2.ปรับแก้กรณีที่ไม่ต้องมีหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าตามข้อบังคับขององค์การกาแฟระหว่างประเทศ (International Coffee Organization: ICO) โดยเพิ่มกรณีการส่งออกเมล็ดกาแฟคั่วและเมล็ดกาแฟดิบที่นำเข้าจากต่างประเทศผสมกับเมล็ดกาแฟดิบภายในประเทศ (จากเดิมไม่มี) เนื่องจากแนวทางการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าตามข้อบังคับของ ICO กำหนดว่าไทยควรออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าเฉพาะสินค้าที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศเท่านั้น ซึ่งกรณีนำเมล็ดกาแฟไปผสม ไม่ต้องมีหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า อีกทั้ง ข้อบังคับของ ICO ไม่ได้กำหนดสิทธิประโยชน์ทางภาษีไว้สำหรับสินค้ากาแฟที่มีหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า
 
3.ปรับแก้ข้อยกเว้นไม่ต้องขอใบอนุญาตในการส่งออก และไม่ต้องมีหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า โดยเพิ่มกรณีส่งคืนสินค้ากาแฟกลับประเทศต้นทาง เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการกาแฟไทยที่ได้สินค้ากาแฟไม่ตรงตามความต้องการหรือสินค้ากาแฟนั้นเสื่อมสภาพ (จากเดิมไม่มี)
 
ส่วนสาระสำคัญอื่น ๆ ยังคงเดิม อาทิ

1. ให้กาแฟเป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาต ในการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร

2.ให้กาแฟเป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าตามข้อบังคับของ ICO ซึ่งออกโดยกรมการค้าระหว่างประเทศ ในการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร

นางสาวรัชดา กล่าวด้วยว่า ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้กาแฟเป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตและมีหนังสือรับรองในการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร พ.ศ. ฉบับนี้ จะช่วยส่งเสริมให้ผู้ประกอบการกาแฟไทย สามารถส่งออกกาแฟแปรรูปที่ผลิตจากเมล็ดกาแฟดิบในประเทศได้ และทำให้ผลิตภัณฑ์กาแฟแปรรูปเพื่อการส่งออกมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งจะเป็นการเพิ่มมูลค่าการผลิตเมล็ดกาแฟคั่วในประเทศผสมกับเมล็ดกาแฟดิบนำเข้าและเพิ่มโอกาสการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ