เสียงร้องล้มประมูลรถไฟฟ้าสีส้ม จาก 'พรรคการเมือง-สภาผู้บริโภค'

เสียงร้องล้มประมูลรถไฟฟ้าสีส้ม จาก 'พรรคการเมือง-สภาผู้บริโภค'

สภาผู้บริโภค เสนอรัฐบาลใหม่ล้มประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม แยกสัญญาจ้างก่อสร้างกับสัญญาจ้างเดินรถ “ก้าวไกล” ชี้หากเป็นรัฐบาลจะประมูลใหม่ “ประชาธิปัตย์” แนะรอศาลปกครอง พร้อมเจรจาบีอีเอ็มลดเงินอุดหนุน “ชาติไทยพัฒนา” ชี้ไม่โปร่งใส “ภูมิใจไทย” ย้ำล้มประมูลต้องดูกฎหมาย

Key points

  • หลังจาก ครม.ตีกลับผลประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มได้มีเสียงเรียกร้องให้ประมูลใหม่
  • สภาผู้บริโภคเสนอให้แยกสัญญางานโยธาและสัญญาเดินรถไฟฟ้าออกจากกัน
  • พรรคประชาธิปัตย์เสนอให้เจรจา BEM เพื่อลดการขอรับเงินอุดหนุนค่าก่อสร้าง
  • หากพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาลจะจัดให้ประมูลโครงการนี้ใหม่ทันที

การประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก ซึ่งครอบคลุมงานโยธาช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมฯ และบริหารเดินรถไฟฟ้าทั้งเส้น (บางขุนนนท์-มีนบุรี) ถูกคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตีกลับเมื่อวันที่ 14 มี.ค.2566 

ขณะนี้มีเสียงเรียกร้องให้จัดการประมูลใหม่ หลังจากบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ชนะการประมูล แต่มีข้อเสนอทางการเงินที่เปรียบเทียบกับข้อเสนอในการประมูลครั้งที่ 1 ของบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC ผู้ให้บริการรถไฟฟ้า BTS ต่างกันถึง 68,000 ล้านบาท

นางสาวสาลี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค เปิดเผยในเวทีสภาผู้บริโภค “เปิดนโยบายแก้ไขปัญหารถไฟฟ้าสายสีส้มและสายสีเขียว” โดยระบุว่า จุดยืนของสภาผู้บริโภค คือ ต้องการผลักดันให้โครงสร้างรถไฟฟ้าเป็นของภาครัฐ เพื่อแก้ปัญหาค่าโดยสารให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน อีกทั้งภาครัฐจะออกนโยบายตั๋วร่วมเพื่อลดค่าแรกเข้าระหว่างรถไฟฟ้าได้ด้วย

ทั้งนี้ ปัจจุบันมีเพียงรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่เอกชนลงทุนงานโยธา ซึ่งกำลังจะหมดสัมปทานปี 2572 ดังนั้นสภาผู้บริโภคสนับสนุนไม่ให้ต่อสัมปทานเอกชน และนำโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวมาให้ภาครัฐบริหาร แต่ขณะนี้ภาครัฐผลักดันให้เอกชนเป็นเจ้าของโครงสร้างงานโยธาอีกโครงการ คือ รถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมฯ ซึ่งจะทำให้ปัญหาค่าโดยสารแพงกลับมาอีก เพราะเกิดจากเอกชนต้องร่วมลงทุนโยธา และนำมาคิดเป็นต้นทุนบริหารโครงการ

สำหรับข้อเสนอของสภาผู้บริโภค ต้องการให้รัฐบาลใหม่แก้ไขปัญหาค่าโดยสารแพง จึงขอให้ยกเลิกการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มที่เป็นงานโครงสร้างช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมฯ และบริหารการเดินรถทั้งเส้นทางช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) 

เสียงร้องล้มประมูลรถไฟฟ้าสีส้ม จาก 'พรรคการเมือง-สภาผู้บริโภค'

รวมทั้งขอให้ภาครัฐใช้แนวคิด 3 จ เพื่อบริหารโครงการรถไฟฟ้า ประกอบด้วย 1.จ้างเอกชนก่อสร้างงานโยธา 2.จ้างเอกชนเดินรถ โดยใครให้ราคาถูกก็ให้สัมปทานไป 3.จัดการหารายได้เชิงพาณิชย์ เพื่อลดค่าโดยสารให้มากขึ้น

“อยากให้ทุกพรรคการเมืองทำให้สายสีเขียวและสายสีส้ม ลดความซับซ้อน ลดคดีความ ดังนั้นเมื่อมีรัฐบาลใหม่ต้องมาประมูลใหม่ให้โปร่งใส ควรแยกการทำสัญญาแบบ 3 ข้อเสนอนี้เพื่อให้รัฐมีรายได้เพิ่ม และเอกชนหลายรายร่วมประมูลได้ โดยเฉพาะการแยกสัญญางานโยธากับงานเดินรถออกจากกัน รวมทั้งเปิดกว้างหาเอกชนเพื่อรายได้เชิงพาณิชย์มาสนับสนุนราคาค่าโดยสารลดลง”

ก้าวไกลดันประมูลใหม่หากเป็นรัฐบาล

นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ รองเลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า หากพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาลจะดำเนินการประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มใหม่ เพราะกังวลว่าจะมีการฟอกขาวให้ถูกต้อง โดยศาลอาจพิจารณาว่าข้อมูลของ BTSC เป็นข้อมูลนอกสำนวน เพราะไม่เคยเปิดเผยว่าถูกยกเลิกด้วยกระบวนการที่ไม่เป็นธรรม เพราะข้อเท็จจริงต้องยอมรับว่าปัจจุบันเอกชนเดินรถในไทยมี 2 รายใหญ่เท่านั้น ซึ่งการเข้าร่วมประมูลหากมีรายใดรายหนึ่งไม่ได้เข้าร่วมจะเกิดปัญหา

“พรรคก้าวไกลชัดเจนว่ารถไฟฟ้าสายสีส้มต้องประมูลใหม่อย่างเป็นธรรม จะเขียนเกณฑ์อะไร ข้อเท็จจริงต้องยอมรับว่ามี 2 เจ้าใหญ่ที่เป็นเอกชนเดินรถไฟฟ้า และ 2 เจ้าใหญ่ต้องเข้าแข่งขันได้ จะไปเตะตัดขา เปลี่ยนเกณฑ์ตัดตอนเอกชนไม่ได้ ดังนั้นหากจะให้การประมูล

เกิดขึ้นแบบเร็วที่สุด คือ ใช้สัญญาเดิมมาประมูลใหม่ และเปิดกว้างสองเจ้าใหญ่ต้องเข้าได้ ไม่ให้มีส่วนต่าง 6.8 หมื่นล้านบาท”

ส่วนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่จะหมดสัมปทานปี 2572 ยืนยันว่าไม่ควรขยายสัญญาตามร่างสัญญาใหม่ที่จะต่ออีก 30 ปี แต่ควรดำเนินการตามตอนของ พ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.2562 และควรประมูลหาเอกชนเดินรถในสัญญาใหม่ แม้ว่า BTSC จะมีโอกาสกลับมาบริหารมากกว่าเอกชนรายอื่น เพราะพร้อมด้านระบบและการบริหารจัดการ แต่ต้องประมูลให้โปร่งใส

นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสที่จะได้แสดงให้เห็นว่าโครงสร้างราคาไม่ได้คิดเกินควร ถือโอกาสในการกางรายรับรายจ่ายแต่ละปีให้ชัดเจน ตัวเลขที่ยุติธรรมก็ต้องมีการศึกษาทั้งสายหลัก และส่วนต่อขยาย ดังนั้นสีเขียวควรเดินตาม พรบ.ร่วมทุน และเปิดประมูลใหม่

ปชป.แนะเจรจาลดเงินอุดหนุน

นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์มีข้อเสนอเกี่ยวกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มให้ รฟม. 2 ทางเลือกในกรณีที่รอผลการพิจารณาจากศาลปกครองสูงสุด คือ 

1.หากศาลมีคำพิพากษาว่าการยกเลิกประมูลชอบด้วยกฎหมาย และการคัดเลือกเอกชนครั้งใหม่ไม่กีดกัน ขอเสนอให้ รฟม.เจรจากับ BEM ลดรับเงินสนับสนุนสุทธิจากรัฐในวงเงิน 78,000 ล้านบาท ให้เหลือใกล้เคียงกับ BTSC ที่เสนอในการประมูลครั้งแรก 9,000 ล้านบาท ถ้าไม่ยอมให้ยกเลิกและประมูลใหม่ 

2.หากศาลพิจารณาว่าเป็นการกระทำไม่ชอบด้วยกฎหมายไม่ว่าคดีใดคดีหนึ่ง ขอให้ รฟม.ให้ยกเลิกประมูล เพื่อไม่ให้โครงการล่าช้าไปอีก เพราะคดียังอยู่ในศาลชั้นต้น ในขณะที่งานโยธาฝั่งตะวันออกช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) จะล่าช้าอีกและภาครัฐจะเสียค่าบำรุงรักษา โดยส่วนตัวสนับสนุนให้ รฟม.ยกเลิกการประมูลและเปิดประกวดราคาใหม่

ส่วนปัญหารถไฟฟ้าสายสีเขียวทางพรรคประชาธิปัตย์เสนอแนวทางการแก้ปัญหา ซึ่งเป็นแนวทางที่ตนได้พูดตลอดมา ประกอบด้วย 2 ทางเลือก คือทางเลือกที่ 1 ชำระหนี้ให้ BTSC แล้วเปิดประมูลหาผู้เดินรถไฟฟ้าใหม่ก่อนถึงปี 2572 และทางเลือกที่ 2 หากไม่สามารถชำระหนี้ได้ก็ขยายสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนหลักให้ BTSC เช่นเดียวกับที่ รฟม.แก้ปัญหารถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย โดยการขยายสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนหลักให้ BEM

“พรรคเรามีแนวคิดเสนออัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้า 50 บาทตลอดวันแบบไม่อั้น มั่นใจว่าทำได้แน่นอน ไม่กระทบสัมปทาน เพราะที่ผ่านมาค่าโดยสารแพง ส่วนการประมูลสายสีส้มต้องแก้ปัญหาคดีพิพาทก่อน ซึ่งเห็นต่างจากสภาผู้บริโภคที่ให้แยกเรื่องรายได้เชิงพาณิชย์เพราะอาจทำให้ค่าโดยสารแพงอีก และหากจะไม่ต่อสัญญาสายสีเขียวก็ต้องแก้สัญญาสายสีน้ำเงินที่ต่อไปถึง 2592 ถึงจะแก้ทุกระบบจริง”

ภูมิใจไทยชี้ล้มประมูลต้องดูกฎหมายให้ชัด

นายสิริพงษ์ อังสกุลเกียรติ พรรคภูมิใจไทย เผยว่า ปัญหารถไฟฟ้าสายสีเขียวและสายสีส้ม ต้องยอมรับว่าขณะนี้อยู่ในกระบวนการศาลพิจารณาแล้ว ส่วนตัวมองว่าควรปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการควรรอการตัดสินของศาลปกครองสูงสุดก่อน 

ส่วนการยกเลิกประมูลไม่ได้เสียหายอะไร แต่ต้องพิจารณาให้ละเอียดเพราะวันนี้เมื่อเปิดซองไปแล้ว จะยกเลิกได้ไหม ขัดกฎหมายหรือไม่ ต้องพิจารณาข้อกฎหมายด้วย

นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ว่าที่รองหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา และกรรมการและยุทธศาสตร์ พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า ปัญหารถไฟฟ้าสายสีส้มเมื่อมีข้อคลางแคลงใจเรื่องการประมูลทำให้มีต้นทุนสูงและประชาชนต้องรับภาระ ส่วนตัวมองว่าหากไม่โปร่งใสควรประมูลใหม่เพื่อพิสูจน์ความโปร่งใส 

ขณะที่ปัญหาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวต้องไปดูว่าเมื่อภาครัฐเป็นหนี้ต่อเอกชนจะต้องแก้ไขปัญหาอย่างไรได้บ้าง เร่งรัดให้เกิดการจ่ายหนี้ เพราะเชื่อว่าวันนี้ภาคเอกชนก็ไม่ได้ต้องการข้อเสนอต่อสัมปทาน