สิงห์ เอสเตท ตั้งเป้ารายได้แตะ 1.7 หมื่นล้าน

ปี 2566 บริษัทตั้งเป้ารายได้ไว้ราว 1.7 หมื่นล้านบาท เติบโตขึ้นสูงถึง 34% จากปีก่อนที่ 1.25 หมื่นล้านบาท เนื่องจากในทุกกลุ่มธุรกิจของบริษัทมีการเติบโตอย่างโดดเด่น

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. สิงห์ เอสเตท ฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ระบุ ปี 2566 บริษัทตั้งเป้ารายได้ไว้ราว 1.7 หมื่นล้านบาท เติบโตขึ้นสูงถึง 34% จากปีก่อนที่ 1.25 หมื่นล้านบาท เนื่องจากในทุกกลุ่มธุรกิจของบริษัทมีการเติบโตอย่างโดดเด่น รวมทั้งบริษัทยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และจากปัจจัยดังกล่าวน่าจะผลักดันให้กำไร All-time High ได้ 

นอกจากนี้ บริษัทจะเพิ่มแต้มต่อธุรกิจ เสริมแกร่งศักยภาพในการแข่งขัน เน้นการสร้าง Synergy ที่เกื้อหนุนกันระหว่าง 4 ธุรกิจ และความร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำ เพื่อสร้างการเติบโตเฉลี่ยปีละ 20% ตลอด 3 ปี รวมถึงการพัฒนาอย่างยั่งยืนโดยตั้งเป้าบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2573 และกำหนดแผนอนุรักษ์ในพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพในบริเวณธุรกิจตั้งอยู่

สำหรับปีนี้ บริษัทได้วางงบลงทุน ไว้ราว 6-7 พันล้านบาท แบ่งเป็น กลุ่มธุรกิจที่อยู่อาศัยอยู่ที่ 4-5 พันล้านบาท กลุ่มธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐานอยู่ที่ 1 พันล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นเงินลงทุนกลุ่มโรงแรมและอื่นๆ เพื่อเสริมศักยภาพและสนับสนุนการเติบโตของบริษัทในอนาคตให้ดียิ่งขึ้น

สำหรับกลุ่มธุรกิจที่พักอาศัยเตรียมต่อยอดความสำเร็จเปิดตัวโครงการบ้านแนวราบใหม่ บนทำเลศักยภาพ ขยายฐานเจาะตลาดหลากหลายเซกเมนต์ อีก 5 โครงการ ประกอบด้วย บ้านเดี่ยวระดับราคา 15-30 ล้านบาท และระดับราคา 30-50 ล้านบาท Cluster Home ระดับราคาตั้งแต่ 100 ล้านบาทขึ้นไป พร้อม Flagship Cluster Home Project ซึ่งมีระดับราคาเริ่มต้นสูงถึง 550 ล้านบาทต่อหลัง มูลค่ารวม 5 โครงการกว่า 10,000 ล้านบาท ขณะที่ปัจจุบันมียอดขายที่รอโอน (Backlog) ในกลุ่มธุรกิจที่อยู่อาศัย คิดเป็นมูลค่าราว 3 พันล้านบาท โดยคาดน่าจะสามารถดำเนินการส่งมอบและรับรู้รายได้ต่อเนื่องไปจนถึงช่วงสิ้นปีนี้หรือไม่เดือนธันวาคม 2566

กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้ามีสัญญาณการฟื้นตัวดีอย่างต่อเนื่องตั้งเป้าผลประกอบการเพิ่มขึ้น 20% ด้วยอัตราการเช่าพื้นที่สูงกว่า 90% ในทุกโครงการ 

กลุ่มธุรกิจโรงแรมภายใต้การบริหารงานของ ‘เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท’ หรือ ‘SHR’ คาดรายได้เติบโตถึง 60% จากปีก่อนหน้า ในขณะที่รายได้จากโรงแรมในมัลดีฟส์จะเติบโตขึ้น 30% หนุนรายได้รวมทะลุ 10,000 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้นกว่า 20% ทั้งนี้ ในปี 2566 จะเน้นการเติบโตของอัตราการเข้าพักรวมแตะระดับ All-time High ที่ 75% 

กลุ่มธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ตั้งเป้ายอดโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินในนิคมอุตสาหกรรม เอส อ่างทอง เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า แรงหนุนสำคัญจากทั้งปัจจัยมหภาค โดยบีโอไอคาดระดับการลงทุนจากต่างประเทศคงตัวได้ที่ราว 5-6 แสนล้านบาท ความร่วมมือกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) และจุดแข็งของนิคมอุตสาหกรรม เอส อ่างทอง ซึ่งตอบโจทย์ธุรกิจที่หลากหลาย