กรมการค้าภายในแจงราคาสินค้าสำคัญปรับลดลงแล้ว

กรมการค้าภายในแจงราคาสินค้าสำคัญปรับลดลงแล้ว

กรมการค้าภายใน แจงสถานการณ์การราคาสินค้า เผย หมู ไก่ ไข่ไก่ ลดลงลดลง 3-9% จากปริมาณผลผลผลิตออกสู่ตลาดต่อเนื่อง ขณะที่ปุ๋ยราคาก็ลดลง ยันไม่ขาดแคลน ย้ำผู้ประการการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด

ร.ต.จักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยถึงสถานการณ์ราคาสินค้าว่า สถานการณ์ราคาสินค้าช่วงสัปดาห์ที่ 2 (ณ 9 มี.ค.66) ของเดือน มี.ค. 66 เทียบกับเดือน ก.พ. 66 ที่ผ่านมา  พบว่า ราคาขายปลีกหมู ไก่ และไข่ไก่ เฉลี่ยทั่วประเทศ ปรับตัวลดลง 3-9% เนื่องจากผลผลิตออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยหมูเนื้อแดง ราคาเฉลี่ย 149 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) ลดลง 9% ไก่-น่องติดสะโพก ราคาเฉลี่ย 70 บาทต่อกก. ลดลง 3% น่องไก่ ราคาเฉลี่ย 72 บาทต่อกก. ลดลง 4% สะโพกไก่ ราคาเฉลี่ย 76 บาทต่อกก. ลดลง 4% อกไก่ (ติดหนัง) ราคาเฉลี่ย 76 บาทต่อกก. ลดลง 5% และไข่ไก่ เบอร์ 3 ราคาเฉลี่ย 3.59 บาทต่อฟอง ลดลง 7%

โดยสินค้าที่มีราคาจำหน่ายถูกที่สุดในห้าง ในส่วนของหมูเนื้อแดง พบว่า มีราคาถูกสุดที่ 117 บาทต่อกก. จำหน่ายที่ห้างแม็คโคร ไก่น่องติดสะโพก ราคาถูกที่สุด 55 บาทต่อกก. น่องไก่ ราคาถูกที่สุด 57 บาท สะโพกไก่ ราคาถูกที่สุด 67 บาทต่อกก. จำหน่ายที่ห้างแม็คโคร ส่วนอกไก่ (ติดหนัง) ราคาถูกที่สุด 65 บาทต่อกก. จำหน่ายที่ห้างแม็คโคร โลตัส และบิ๊กซี สำหรับไข่ไก่ เบอร์ 3 ราคาถูกที่สุด 3.30 บาทต่อฟอง จำหน่ายที่ห้างแม็คโคร

กรมการค้าภายในแจงราคาสินค้าสำคัญปรับลดลงแล้ว
         


 

ส่วนราคาถูกสุดในตลาดสด พบว่า ตลาดที่ขายหมูเนื้อแดงถูกสุดในประเทศ อยู่ที่ตลาดโพธิ์ชัย จ.หนองคาย 130 บาทต่อกก. ถูกที่สุดในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 140 บาทต่อกก. เช่น ตลาดฐานเพชรนนท์ ตลาดเงินวิจิตร ตลาดหลังห้างวันเดอร์ ตลาดหทัยมิตร ไก่-น่องติดสะโพก ถูกที่สุดในประเทศอยู่ที่ตลาดสดเทศบาล 1 จ.เชียงราย 56 บาท ถูกที่สุดในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 65 บาทต่อกก. เช่น ตลาดฐานเพชรนนท์ ตลาดหลังห้างวันเดอร์ ตลาดทุ่งครุพลาซ่า และไข่ไก่ เบอร์ 3 ถูกที่สุดในประเทศอยู่ที่ตลาดตระกูลสุข จ.สระแก้ว และตลาดเทศวิวัฒน์ จ.ปัตตานี 3.0 บาท ถูกที่สุดในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 3.50 บาทต่อฟอง เช่น ตลาดใหม่สำโรง ตลาดลาดพร้าว 123 ตลาดหทัยมิตร และตลาดพรานนก

สำหรับน้ำมันปาล์ม ราคาเฉลี่ยทั่วประเทศ 46 บาทต่อขวด ลดลง 1% จากเดือนก่อน โดยราคาถูกที่สุดอยู่ที่ห้างแม็คโคร 41.75 บาทต่อขวด และน้ำมันถั่วเหลือง ราคาเฉลี่ยทั่วประเทศ 61 บาท ราคาถูกที่สุดอยู่ที่ห้างโลตัส 57 บาทต่อขวด

ร.ต.จักรา กล่าวว่า ส่วนราคาปัจจัยการเกษตร โดยเฉพาะปุ๋ยเคมี ราคาปรับตัวลดลงต่อเนื่อง โดยปุ๋ยยูเรีย ที่ใช้กันมาก ราคาลดลงแล้ว 33% เมื่อเทียบกับช่วงสูงสุดของกลางปีที่แล้ว ราคาตอนนี้เฉลี่ย 1 พันบาทเศษ ๆ แต่มีหลายพื้นที่ราคาต่ำกว่า 1 พันบาทแล้ว ส่วนปุ๋ยสูตร 21-0-0 ที่ใช้ในการปลูกปาล์มน้ำมัน ราคาลดลงแล้ว 31% และสต๊อกปุ๋ยเคมีทั่วประเทศอยู่ที่ 1.2 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 20% เกษตรกรมั่นใจได้ว่าจะไม่มีปัญหาปุ๋ยขาดแคลน และแนวโน้มราคาก็ปรับลดลงต่อเนื่อง ทั้งนี้ กรมยังได้จัดโครงการจับคู่ปุ๋ย ซื้อตรง ถูกเงิน ถูกใจ ระหว่างกลุ่มเกษตรกรกับโรงงานปุ๋ย เพื่อลดต้นทุนการใช้ปุ๋ยให้กับเกษตรกรด้วย

กรมการค้าภายในแจงราคาสินค้าสำคัญปรับลดลงแล้ว

ทางด้านวัตถุดิบอาหารสัตว์ ขณะนี้ต้นทุนวัตถุดิบ เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ราคาสูงขึ้น อยู่ที่ 12.1-12.3 บาทต่อกก. มันสำปะหลัง 3.2-3.55 บาทต่อกก. ซึ่งเป็นผลดีต่อเกษตรกรผู้ปลูก แต่ในส่วนของผู้ผลิตอาหารสัตว์ กรมได้ติดตามสถานการณ์ต้นทุนวัตถุดิบและราคาจำหน่ายอย่างใกล้ชิด โดยดูแลราคาให้สอดคล้องกับต้นทุนและคุมราคาอยู่ เพื่อไม่ให้กระทบภาระต้นทุนเกษตรกร

ขณะที่สินค้าทั่วไป มีทั้งเพิ่มขึ้นและลดลง แต่ภาพรวมยังเป็นปกติ โดยพบว่าบางตัวต้นทุนลด บางตัวต้นทุนเพิ่ม และน้ำมัน ที่เป็นต้นทุน ก็มีแนวโน้มลด ส่วนค่าไฟ แนวโน้มไม่น่าจะเพิ่ม ซึ่งต้องติดตามกระทรวงพลังงานประกาศอีกครั้ง

นายอุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า กรมได้ติดตามสถานการณ์การผลิตหมูเป็น และราคาจำหน่ายปลีกหมูเนื้อแดงอย่างใกล้ชิด เพราะที่ผ่านมา มีปัญหาหมูเป็นปรับลดลง แต่หมูหน้าเขียงไม่ลด ซึ่งได้เข้าไปตรวจสอบ และกำชับให้ผู้ค้าจำหน่ายในราคาที่สอดคล้องกับต้นทุนการผลิตแล้ว

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ปริมาณสุกรเริ่มกลับมามากขึ้น จากเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา การเลี้ยงสุกรเหลือเพียง 15 ล้านตัวต่อปี แต่ในปี 2566 ปริมาณการเลี้ยงสุกรเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่กว่า 18 ล้านตัวต่อปี และคาดว่าในเร็วๆ นี้ ปริมาณสุกรจะเพิ่มเป็น 19 ล้านตัว ซึ่งเป็นปริมาณเท่ากับช่วงก่อนเกิดปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด รวมทั้งเวลานี้ วัตถุดิบการเลี้ยงสุกรไม่ได้สูงขึ้น โดยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์อยู่ที่ 12 บาทต่อกก. มันสำปะหลัง เฉลี่ยอยู่ที่กว่า 3 บาทต่อกก.และต้นทุนในด้านต่างๆ อยู่ในระดับไม่สูงมาก ทำให้ราคาสุกรเป็น อยู่ที่ 81 บาทต่อกก. และสุกรหน้าเขียง อยู่ที่ 149 บาทต่อกก. เท่านั้น 

โดยกระทรวงพาณิชย์ ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อป้องปรามไม่ให้ผู้ค้ามีการฉวยโอกาสขายราคาเนื้อสุกรที่ผิดปกติที่จะส่งผลต่อกลไกราคาตลาดในประเทศ หรือไม่สอดคล้องกับราคาต้นทุนในการเลี้ยงสุกร ตลอดจนการปิดป้ายแสดงราคาจำหน่าย เพื่อให้ประชาชนผู้บริโภคได้รับความเป็นธรรมและป้องปรามมิให้มีการฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาสินค้าและเอาเปรียบผู้บริโภค โดยตรวจสอบเป็นประจำทุกวัน

ทั้งนี้ ปริมาณสุกรของประเทศในปีนี้ ถือว่าเพียงพอต่อการบริโภคภายในประเทศ และยังเพียงพอต่อการเปิดประเทศที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยแน่นอน และที่สำคัญอีกเหตุผลปัจจัยที่กังวลก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นสงคราม 2 ประเทศที่ดูแล้วไม่น่าจะรุนแรงขึ้น และขณะนี้ราคาพลังงานในตลาดโลกเริ่มลดลง ค่าเงินบาทที่เคยอ่อนค่าลงถึง 38 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ก็กลับมาแข็งค่าขึ้น และแนวโน้มค่าไฟฟ้าก็อาจจะไม่สูงมากนัก ซึ่งปัจจัยเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำให้ราคาสินค้าโดยรวมเริ่มลดลง แม้จะมีบางรายการสินค้าปรับขึ้นไปบ้าง แต่ก็เป็นไปตามฤดูกาลเป็นหลัก

ด้านราคามะนาว เมื่อเข้าสู่หน้าร้อนทุกปี ราคาจะสูงขึ้น ตอนนี้ ต่ำสุดลูกละ 2 บาท สูงสุด 8 บาท เฉลี่ย 4.75 บาท แต่ต่ำกว่าเฉลี่ยปีก่อน 5.03 บาท โดยกรมได้ติดตามใกล้ชิด หากจังหวัดไหนราคาสูงขึ้น ปริมาณไม่เพียงพอ ก็จะเชื่อมโยงนำไปจำหน่ายทันที ทั้งผ่านโครงการพาณิชย์ลดราคา ออนทัวร์ ทั่วไทย และเปิดจุดจำหน่ายตามความเหมาะสม สำหรับผักสด มีทั้งเพิ่มและลด แต่สถานการณ์ยังปกติ ไม่มีรายการใดมีปัญหา

นายสมทรง กล่าว่า  ขอเน้นย้ำให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างถูกต้อง  หากประชาชนไม่ได้รับความเป็นธรรมในการซื้อสินค้าและบริการ สามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ กรมจะจัดส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบและหากพบ การกระทำความผิด จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด กรณีไม่ปิดป้ายแสดงราคามีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท กรณีจำหน่ายสินค้าราคาสูงเกินสมควร กักตุนสินค้าและปฏิเสธการจำหน่ายต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ