ประชาชนหวังการเมืองแก้ ‘คอร์รัปชัน’!

“มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน ต่อนโยบายต่อต้านคอร์รัปชันของพรรคการเมืองและนักการเมืองไทยในการเลือกตั้ง 2566 ชี้ให้เห็นว่าปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันเป็นปัญหาสำคัญที่จะต้องแก้ไขมากที่สุดอันดับแรก”

อธิการบดี และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ธนวรรธน์ พลวิชัย ระบุ ผลสำรวจจากกลุ่มตัวอย่างทั่วประเทศ 2,255 ตัวอย่าง สำรวจระหว่างวันที่ 5-25 มกราคม 2566 นโยบายพรรคการเมืองควรชัดเจนเป็นรูปธรรม ควรตรวจสอบได้ ปฏิบัติได้จริง ใช้งบประมาณคุ้มค่า ปัญหาสำคัญที่จะต้องแก้ไขมากที่สุด 3 ลำดับแรก คือ ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน การศึกษา ลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม 

ส่วนใหญ่ระบุว่า นโยบายต่อต้านคอร์รัปชันของพรรคการเมืองและนักการเมืองมีผลต่อการตัดสินใจลงคะแนนมาก ต้องการพรรคการเมือง นักการเมืองที่มีความชัดเจนต่อนโยบายต่อต้านคอร์รัปชัน ปฏิบัติได้จริง โปร่งใสสุจริตในการทำงาน สามารถตรวจสอบได้ ช่วยแก้ไขวัฒนธรรมการทุจริตในทุกรูปแบบ 

มาตรการและนโยบายที่รัฐบาลควรให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอรัปชัน 3 อันดับแรก ต้องเปิดเผยข้อมูลสาธารณะให้ประชาชนเข้าถึงง่าย รับฟังเสียงประชาชน ปกป้องและสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน สนับสนุนให้องค์กรตรวจสอบ เช่น ป.ป.ช. ได้อย่างเป็นอิสระ ปัญหา 3 อันดับแรกที่ส่งผลเสียและต้องการให้รัฐบาลจัดการกับปัญหาคอร์รัปชัน คือ ปัญหาทุจริตในระบบราชการ กระบวนการยุติธรรม เงินบริจาคแก่สถาบันศาสนา

ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) และประธานกรรมการมูลนิธิ "เพื่อคนไทย" วิเชียร พงศธร  ระบุ จากผลโพลชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าประชาชนอยากเห็นการเปลี่ยนแปลง แก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน อยากได้นักการเมืองที่ซื่อสัตย์สุจริต อยากเห็นนโยบายที่ชัดเจน 80% ของกลุ่มตัวอย่างบอกว่าหากพรรคการเมืองไม่มีนโยบายเรื่องการต่อต้านคอร์รัปชัน ไม่ใช่คนซื่อสัตย์สุจริต ซื้อเสียง จะไม่เลือก และเมื่อได้เข้ามาแล้วจะต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ เชื่อว่าประชาชนมีความหวังร่วมกันว่าประเทศไทยจะปลอดคอร์รัปชัน มีการแก้ปัญหาชัดเจน มีนักการเมืองที่ซื่อสัตย์สุจริต มีนโยบายการแก้ไขอย่างชัดเจนเป็นรูปธรรม