ไทยสมายล์ในมือ ‘ปิยสวัสดิ์’ ตั้งเอง-ยุบเอง

“ไทยสมายล์” ขาดทุนต่อเนื่องตลอด 9 ปี นับตั้งแต่ก่อตั้งเมื่อปี 2556 ขาดทุนสะสมเกินหมื่นล้าน ขาดทุนหนักช่วงโควิดทะลุปีละ 3 พันกว่าล้านบาท ส่งผลต้องยุบรวมกับการบินไทย ยกเลิกรหัสบิน WE เผยการบินไทยต้องเผื่อด้อยค่าเงินลงทุนทั้งจำนวน
Key points
- ไทยสมายล์จัดตั้งขึ้นมาเมื่อปี 2556 ในสมัย 'ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์' เป็น DD การบินไทย
- ครม.มีนโยบายให้สร้างความชัดเจนระหว่าง Full Service Carriers และ Low Cost Carriers
- ผลดำเนินงานของบินไทยสมายล์ขาดทุนตั้งแต่เริ่มก่อตั้งสายการบินจนถึงปัจจุบัน
- มีข้อเสนอให้ยุบรวมเข้ากับการบินไทยตั้งแต่ช่วงทำแผนฟื้นฟูกิจการเมื่อปี 2563
ภายหลังจาก บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เข้าแผนฟื้นฟูกิจการมาตั้งแต่ปี 2564 ได้มีการปรับปรุงโครงสร้างองค์กร และขายสินทรัพย์ที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก รวมถึงมีการขายหุ้นในสายการบินนกแอร์ออกไป ในช่วงที่จัดทำแผนฟื้นฟูกิจการการบินไทยได้มีข้อเสนอให้มีการยุบสายการบินไทยสมายล์ที่การบินไทยเป็นบริษัทลูกของการบินไทย แต่ยังมีความเห็นแย้งกันระหว่างผู้จัดทำแผนฟื้นฟูกิจการ
ล่าสุดการบินไทยได้ปรับโครงสร้างองค์กรอีกครั้ง โดยมีแผนควบรวมสายการบินไทยสมายล์ให้กลับมาอยู่ภายใต้การบินไทย ซึ่งดำเนินงานตามแผนฟื้นฟูองค์กรที่กำหนดไว้ว่าท้ายที่สุดจะต้องเหลือเพียงสายการบินไทยเป็นแบรนด์เดียวในการดำเนินงาน เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการบริหารจัดการ และการศึกษาแนวทางดังกล่าวจะเสร็จในเดือน พ.ค.2566 ดังนั้นจะเห็นความชัดเจนของการควบรวมองค์กรภายในปี 2566
นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การควบรวมจะทำให้การดำเนินงานคล่องตัว โดยเฉพาะการบริหารเส้นทางบิน บริหารการจัดใช้ชั่วโมงบิน รวมทั้งจะมีการยกเลิกรหัสการบิน WE ของไทยสมายล์และใช้รหัส TG ของการบินไทยทั้งหมด โดยจะมาใช้สิทธิการบินเดียวกัน และการบินไทยจะนำเครื่องบินแอร์บัส A320 ของไทยสมายล์ไปทำการบินเส้นทางระยะใกล้
สำหรับขั้นตอนการยุบรวมกับการบินไทยจะต้องเสนอคณะกรรมการเจ้าหนี้การบินไทย เพื่อขอความเห็นชอบ ก่อนเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เพื่อปรับปรุงแผนธุรกิจ ก่อนเสนอสำนักงานคณะกรรมการการบินพลเรือน (กบร.) เบื้องต้นจึงคาดว่าภายในสิ้นปี 2566 จะบริหารงานที่เป็นทีมเดียวกันได้
“ต่อไปจะเห็นการบินไทยที่มีพนักงานใส่ชุดยูนิฟอร์มสีม่วง และสีส้ม เป็นการบริหารต้นทุนร่วมกัน” นายปิยสวัสดิ์ กล่าว
สำหรับสายการบินไทยสมายล์แอร์เวย์ ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 24 ก.ย.2556 ในสมัยที่ นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ เป็นกรรมการผู้อำนวยการใหญ่การบินไทย โดยการบินไทยลงทุนเริ่มแรก 1,800 ล้านบาท โดยเป็นการสร้างความแตกต่างระหว่างสายการบินไทยและสายการบินไทยสมายล์แอร์เวย์ในรูปแบบและคุณภาพบริการ
ทั้งนี้ ครม.กำหนดให้ไทยสมายล์ต้องมีบริการที่ไม่ขัดแย้งกับบริการของสายการบินไทยและมีอัตราค่าบริการที่สามารถแข่งขันกับสายการบินคู่แข่งในตลาดได้ โดยโจทย์สำคัญที่ ครม.กำหนดให้ คือ ต้องมีความชัดเจนระหว่างสายการบินที่ให้บริการเต็มรูปแบบ (Full Service Carriers) และสายการบินราคาประหยัด (Low Cost Carriers)
หลังจากที่ได้รับความเห็นชอบจาก ครม.แล้วได้ยื่นจดทะเบียนตั้งบริษัท ไทยสมายล์แอร์เวย์ จำกัด ตั้งเมื่อ 17 ต.ค.2556 ทุนจดทะเบียน 1,800 ล้านบาท โดยการบินไทยถือหุ้น 100% และเริ่มทำการบินครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 เม.ย.2557 จากสนามบินสุวรรณภูมิ 10 เส้นทาง ภายใต้รหัสสายการบิน WE ต่อมาวันที่ 25 ต.ค.2557 ได้เพิ่มเส้นทางในอาเซียน จีน ไต้หวันและอินเดีย
สำหรับผลดำเนินงานของไทยสมายล์ที่แจ้งต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่าขาดทุนต่อเนื่องนับตั้งแต่ตั้งสายการบินเมื่อปี 2556 และขาดทุนต่อเนื่องมาตลอด ดังนี้
ปี 2556 ขาดทุน 3.12 ล้านบาท
ปี 2557 ขาดทุน 577 ล้านบาท
ปี 2558 ขาดทุน 1,852 ล้านบาท
ปี 2559 ขาดทุน 2,081 ล้านบาท
ปี 2560 ขาดทุน 1,626 ล้านบาท
ปี 2561 ขาดทุน 2,602 ล้านบาท
ปี 2562 ขาดทุน 112 ล้านบาท
ปี 2563 ขาดทุน 3,266 ล้านบาท เป็นปีที่เริ่มมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด
ปี 2564 ขาดทุน 3,792 ล้านบาท เป็นปีที่ขาดทุนมากที่สุดนับตั้งแต่ตั้งสายการบิน
ปี 2565 ยังไม่รายงานกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
แหล่งข่าวจากการบินไทย กล่าวว่า ในช่วงที่การบินไทยเตรียมเข้าสู่แผนการฟื้นฟูกิจการได้มีการประเมินสถานะการเงินของสายการบินไทยสมายล์ต่อเนื่อง เพื่อพิจารณาว่าจะมีนโยบายในการบริหารบริษัทลูกอย่างไร หลังจากที่การแพร่ระบาดของโรคโควิดที่ทำให้อุตสาหกรรมการบินได้รับผลกระทบอย่างหนัก
ทั้งนี้การบินไทยได้สรุปฐานะทางการเงินของไทยสมายล์งวด มิ.ย.2563 ขาดทุนสะสมถึง 10,305 ล้านบาท โดยสรุปสถานการณ์ของไทยสมายล์ว่า การแพร่ระบาดของโรคโควิดทำให้มีข้อบ่งชี้ที่อาจเกิดการด้อยค่าของเงินลงทุนของการบินไทยในไทยสมายล์แอร์เวย์
รวมทั้งการบินไทยเคยประเมินว่าจะได้รับคืนของเงินลงทุนต่ำกว่ามูลค่าบัญชี และได้มีการพิจารณาตั้งค่าเผื่อด้อยค่าของเงินลงทุนทั้งจำนวน จึงทำให้มีข้อเสนอการยุบรวมสายการบินไทยสมายล์กับการบินไทยตั้งแต่ก่อนเข้าสู่แผนฟื้นฟูกิจการ
คณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการการบินไทยเคยมีการหารือแผนยุบรวมสายการบินไทยสมายล์กับการบินไทยมาตั้งแต่ปี 2563 ซึ่งมีทั้งผู้ที่สนับสนุนและผู้คัดค้าน โดยเหตุผลของผู้จัดทำแผนฟื้นฟูกิจการที่สนุนให้ยุบรวม คือ การที่การบินไทยถือหุ้นในไทยสมายล์ 100% แต่มีการแยกบริหารและแยกคณะกรรมการบริษัท ทำให้การบินไทยเข้าไปควบคุมไทยสมายล์ไม่ได้
รวมทั้งมีการนำผลขาดทุนของไทยสมายล์มาให้กับการบินไทย ดังนั้นเมื่อการบินไทยต้องเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการจึงไม่สามารถแบกรับภาระของผู้อื่นได้







