ครม.ไฟเขียวบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ 14.5 ล้านคน วงเงิน 9.14 พันล้าน

ครม.ไฟเขียวบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่  14.5 ล้านคน วงเงิน 9.14 พันล้าน

ครม.ไฟเขียวบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ 14.5 ล้านคน วงเงิน 9,140 ล้านบาท ประชาชนผู้มีสิทธิ์ได้ใช้ 1 เม.ย. 66 นี้ ส่วนที่ไม่ได้ยังมีสิทธิ์อุทธรณ์ได้ตามขั้นตอน

แหล่งข่าวจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (28 ก.พ.) เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เห็นชอบ โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ "บัตรคนจน" รอบใหม่ ประจำปี 2565

วงเงินรวม 9,140 ล้านบาท โดยมีจำนวนผู้ที่มีรายได้น้อยที่ได้รับสิทธิ์ 14.59 ล้านคน จากที่ลงทะเบียนไว้ 22 ล้านคน

ก่อนหน้านี้ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกล่าวว่า เมื่อที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบโครงการโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 แล้ว กระทรวงการคลัง จะเปิดให้ตรวจสอบสิทธิ และยืนยันตนตัว ผ่านทางเว็บไซต์ welfare.mof.go.th ช่องทางเดียว โดยจะไม่มีการประกาศรายชื่อเป็นเอกสารต่อไป

ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง คาดว่า จะเริ่มการจ่ายเงินได้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2566 เป็นต้นไป

ก่อนหน้านี้

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม เผยว่า จากที่ประชุมเมื่อวันที่ 23 ก.พ. ที่ผ่านมา ได้มีมติให้ประกาศรายชื่อผู้ผ่านคุณสมบัติรับสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ "บัตรคนจน" จำนวน 14.50 ล้านคน ในวันที่ 1 มี.ค. 2566 นี้ และให้ผู้ที่ผ่านคุณสมบัติยืนยันตัวตนภายใน 30 วัน เพื่อเริ่มรับและใช้สิทธิตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2566 เป็นต้นไป

ส่วนผู้ที่ไม่มีชื่อเพราะไม่ผ่านคุณสมบัติ สามารถยื่นอุทธรณ์ได้ที่ธนาคารกรุงไทย ภายใน 60 วัน หลังจากการประกาศรายชื่อ และคาดว่าผลการอุทธรณ์จะทราบได้ในช่วงเดือน พ.ค. 2566 เป็นต้นไป ถ้าหากผู้ที่ยื่นอุทธรณ์ผ่านแล้วได้รับสิทธิบัตรคนจน กระทรวงการคลัง จะให้สิทธิย้อนหลังเริ่มเดือน เม.ย. 2566

สำหรับการ "ยื่นอุทธรณ์" ให้เป็นหน้าที่ของธนาคารกรุงไทย เนื่องจากธนาคารกรุงไทยไม่ได้ให้รายละเอียดของผู้ที่ไม่ผ่านสิทธิกับกระทรวงการคลัง เนื่องจากกลัวจะผิดพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือพีดีพีเอ จึงให้ธนาคารกรุงไทย ทำหน้าที่รับอุทธรณ์และชี้แจงเหตุผลกับประชาชนที่ไม่ผ่านคุณสมบัติ

ทั้งนี้ ได้มีการรายงานให้ที่ประชุมรับทราบว่า จากจำนวนผู้ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิบัตรคนจนทั้งหมด 22 ล้านคน ผลปรากฏว่า มีประชาชนกรอกข้อมูลไม่ครบ 1.2 ล้านคน เมื่อส่งตรวจข้อมูลกับกรมการปกครอง ไม่ผ่านคุณสมบัติ 1 ล้านคน

ทำให้รอบแรกมีผู้ผ่านคุณสมบัติรวม 19 ล้านคน ต่อมาได้ส่งไปตรวจสอบข้อมูลกับหน่วยงานราชการ 6 หน่วยงาน เช่น กรมที่ดิน บัญชีเงินฝาก การถือครองบัตรเครดิต เป็นต้น ผลปรากฏว่าไม่ผ่านคุณสมบัติอีก 5 ล้านคน ทำให้เหลือผู้ผ่านคุณสมบัติครบถ้วนตามหลักเกณฑ์รวม 14.5 ล้านคน