คลังสั่งกรุงไทยแจง 8 ล้านคน ‘ตกรอบ’ บัตรคนจน

คลังเตรียมประกาศผู้มีสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 14 ล้านคน ภายในเดือนก.พ.นี้ เพื่อเริ่มใช้สิทธิรอบใหม่ในวันที่ 1 มี.ค.นี้ พร้อมสั่ง”กรุงไทย”แจงเหตุยอดผู้ลงทะเบียนไม่ผ่าสิทธิสูงถึง 8 ล้านคน

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า กระทรวงการคลัง ยืนยันที่จะประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิในโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ปี 2565 ภายในเดือนก.พ.นี้ เพื่อให้ทันกำหนดประกาศใช้ในวันที่ 1 มี.ค.นี้ โดยเท่าที่ได้รับรายงานจากธนาคารกรุงไทย ในฐานะผู้ตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ลงทะเบียนครั้งล่าสุด พบว่า มีผู้ได้รับสิทธิจำนวน 14 ล้านคน จากที่ลงทะเบียนทั้งหมดประมาณ 22 ล้านคน

สำหรับจำนวนผู้ที่ไม่ผ่านสิทธิดังกล่าวนั้น กระทรวงการคลัง จะเปิดให้มีการอุทธรณ์ผ่านธนาคารกรุงไทยอีกครั้ง ทั้งนี้ คนที่ไม่ผ่านสิทธิดังกล่าว ถือว่า มีสัดส่วนสูงเกือบ 40 % ซึ่งทำให้กระทรวงการคลัง หวั่นวิตกว่า จำนวนคนยื่นอุทธรณ์จะล้นทะลักกระทรวง ซึ่งปัญหาดังกล่าว ทำให้กระทรวงการคลัง จึงยังไม่สามารถประกาศรายชื่อผู้ที่ได้รับสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐได้ในขณะนี้
ทั้งนี้ ธนาคารกรุงไทย ในฐานะที่เป็นสถาบันการเงินที่รับเหมาในการจัดการระบบการลงทะเบียนเพื่อรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งมีคนมาลงทะเบียนในช่วงที่ผ่านมา รวม 22 ล้านคน ในรอบแรกระบบของธนาคารกรุงไทย ได้คัดกรองคนที่ผ่านคุณสมบัติ ตามที่กำหนด จนเหลือคนที่ได้รับสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รวม 19 ล้านคน แต่เมื่อทำการคัดกรองคัดสุดท้าย ปรากฏว่า เหลือคนที่ผ่านการคัดกรองจำนวน 14 ล้านคนเท่านั้น
“คนที่ไม่ผ่านการคัดกรอง จำนวน 8 ล้านคน คิดเป็นประมาณ 40 % ของจำนวนคนที่ลงทะเบียนทั้งหมด 22 ล้านคน ถือว่า เป็นจำนวนคนที่ไม่ผ่านการคัดกรองเป็นจำนวนมาก ผมจึงได้สั่งการให้ธนาคารกรุงไทย ส่งข้อมูลมาให้กระทรวงการคลังพิจารณาว่า มีคนกลุ่มไหนไม่ผ่านเกณฑ์ และไม่ผ่านเกณฑ์เพราะอะไร”
เขากล่าวว่า แม้ว่า ระบบการพิจารณาเพื่อรับสิทธิดังกล่าว จะมีระบบให้ผู้ที่ไม่ผ่านการคัดกรอง สามารถอุทธรณ์ได้ก็ตาม แต่ตามปกติ คำขออุทธรณ์ควรมีประมาณหนึ่ง ไม่ใช่เป็นจำนวนมาก หรือเกือบ 40 %ของคนที่ลงทะเบียนทั้งหมด
สำหรับคุณสมบัติของผู้ที่จะได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ คือ ผู้มีสัญชาติไทย อายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป โดยมีรายได้ไม่เกินปีละ 100,000 บาท/คน และรายได้เฉลี่ยของครอบครัวของผู้ลงทะเบียนไม่เกินปีละ 100,000 บาท และผู้ลงทะเบียนต้องไม่มีวงเงินกู้ หรือมีวงเงินกู้ ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง แต่ไม่เกินหลักเกณฑ์ เช่น วงเงินกู้สำหรับที่อยู่อาศัยรวมไม่เกิน 1.5 ล้านบาท และวงเงินกู้สำหรับยานพาหนะรวมไม่เกิน 1 ล้านบาท และไม่มีบัตรเครดิต