‘คิงส์เกต’ ไล่ซื้อหุ้นคืนจากทุน ‘มอริเชียส’ ก่อนเปิดเหมืองทอง ’อัครา’

‘คิงส์เกต’ ไล่ซื้อหุ้นคืนจากทุน ‘มอริเชียส’ ก่อนเปิดเหมืองทอง ’อัครา’

‘คิงส์เกต’ ซื้อหุ้นอัคราคืนจากบริษัทในมอริเชียส ดันสัดส่วนหุ้นจาก 7.06% พุ่งขึ้นมาเป็น 48.24% ก่อนเปิดเหมืองทองอัครา เผยรออุตสาหกรรมตรวจความพร้อมโรงถลุง เครื่องจักร ก่อนเปิดเดินเครื่องอีกครั้งในไตรมาส 1

ความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลไทยกับบริษัทคิงส์เกต ผู้ถือหุ้นในบริษัทอัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ที่ดำเนินการเหมืองทองอัครา ที่อยู่รอยต่อ จ.พิจิตร จ.พิษณุโลก และ จ.เพชรบูรณ์ เกิดขึ้นหลังจากมีคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้ระงับประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2560

หลังจากนั้นคิงส์เกตทำหนังสือแจ้งรัฐบาลไทยลงวันที่ 3 เม.ย. 2560 เพื่อใช้สิทธิ์หารือ (Consultation Process) ภายใต้ข้อตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) ไทย-ออสเตรเลีย แต่ไม่เป็นผลทำให้วันที่ 2 พ.ย.2560 นำเรื่องเข้าอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ และการเจรจามีความยืดเยื้อตลอดช่วง 6 ปี ที่ผ่านมา และกำลังจะได้ข้อสรุปเมื่อคิงส์เกตเตรียมจะถอนเรื่องออกจากอนุญาโตตุลาการ

แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ระหว่างกระบวนการอนุญาโตตุลาการที่ผ่านมาคิงส์เกต ได้แสดงจุดยืนเจรจาหาทางออกร่วมกับรัฐบาลไทย โดยการเจรจาของทั้ง 2 ฝ่ายมีความคืบหน้าต่อเนื่อง ล่าสุด มีความเป็นไปได้ที่บริษัทคิงส์เกตจะถอนคดีออกจากกระบวนการอนุญาโตตุลาการและทำข้อตกลงที่จะไม่กลับมาฟ้องในข้อพิพาทเดิมอีก โดยให้ต่างฝ่ายต่างรับผิดชอบค่าทนายของตนเอง 

ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลกำหนดกรอบงบประมาณเป็นค่าใช้จ่ายดำเนินการระงับข้อพิพาทดังกล่าว 796.67 ล้านบาท ในช่วงปี 2560-2566

ขณะที่บริษัทอัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) เคยประเมินการเสียโอกาสทำเหมืองที่จะผลิตโลหะใน 8-10 ปี ข้างหน้า แบ่งเป็นโลหะทอง 8.9 แสนออนซ์ มูลค่า 37,020 ล้านบาท และโลหะเงิน 8.3 ล้านออนซ์ มูลค่า 3,984 ล้านบาท รวมมูลค่า 41,004 ล้านบาท

แหล่งข่าว กล่าวว่าระหว่างนี้ บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ได้เตรียมเปิดการทำเหมืองแร่ทองคำชาตรีอีกครั้ง โดยลงทุนปรับปรุงซ่อมแซม 600 ล้านบาท และยื่นหนังสือถึงสำนักงานอุตสาหกรรมอุตสาหกรรมจังหวัดพิจิตร และสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดเพชรบูรณ์ เมื่อวันที่ 20 ม.ค.2566 ซึ่งได้ส่งต่อให้สำนักงานอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ เขต 5 พิษณุโลก (สรข.5) เพื่อส่งเจ้าหน้าตรวจพิจารณาความพร้อมโรงถลุง เครื่องจักรและสารเคมีและอาจเริ่มเดินเครื่องได้ภายในเดือน ก.พ.2566

 

เปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้น คิงส์เกต

รายงานข่าวระบุว่า คิงส์เกต มีการเปลี่ยนแปลงหุ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยบริษัทอัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) มีทุนจดทะเบียน 590 ล้านบาท มีจำนวนหุ้น 1,024 ล้านหุ้น และเว็บไซต์ของบริษัทอัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) เคยแจ้งว่า เมื่อปี 2556 คิงส์เกตถือหุ้นสัดส่วน 48.2% ในขณะที่ข้อมูลการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นที่แจ้งต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเมื่อวันที่ 30 ต.ค.2562 ระบุว่าสัดส่วนการถือหุ้นของคิงส์เกตเหลือเพียง 7.06%

ทั้งนี้ ข้อมูลการถือหุ้นเมื่อปี 2562 พบว่า การถือหุ้นแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ

1.ผู้ถือหุ้นสัญชาติไทย 51.76% มีนางณุชรีย์ ไศละสูต ถือหุ้น 530 ล้านหุ้น แต่ทั้งหมดเป็นหุ้นบุริมสิทธิ์ที่ไม่มีสิทธิออกเสียงในการบริหาร และผู้ถือหุ้นรายย่อยชาวไทย 4 คน ถือหุ้นสามัญรวม 100 หุ้น

2.ผู้ถือหุ้นสัญชาติมอริเชียส โดยเอเชีย โกลด์ ลิมิเต็ด ถือหุ้นสามัญ 421.75 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 41.19%

3.ผู้ถือหุ้นสัญชาติออสเตรเลีย 7.06% มีบริษัทคิงส์เกต แคปิตอล จำกัด ถือหุ้นสามัญ 68.24 ล้านหุ้น และหุ้นบุริมสิทธิ์ 4 ล้านหุ้น และมีนายรอส โดนัลด์ สมิธ-เคิร์ก ซึ่งเป็นกรรมการบริษัทอัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นสามัญ 20 หุ้น

ขณะเดียวกันกรุงเทพธุรกิจตรวจสอบการถือหุ้นที่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งล่าสุดเมื่อเดือน ต.ค.2565 ซึ่งเป็นช่วงที่การเจรจาระหว่างคิงส์เกตและกระทรวงอุตสาหกรรมมีความคืบหน้ามากทำให้คิงส์เกตตัดสินใจรับโอนหุ้นจากเอเชีย โกลด์ ลิมิเต็ดสัญชาติมอริเชียสทั้งหมด 421.75 ล้านหุ้น ส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นแบ่งเป็น 3 ดังนี้

1.ผู้ถือหุ้นสัญชาติออสเตรเลีย มีบริษัทคิงส์เกต แคปิตอล จำกัด เพิ่มการถือหุ้นเป็น 493.99 ล้านหุ้น ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของคิงส์เกต เพิ่มจาก 7.06% เพิ่มขึ้นมาเป็น 48.24% และมีหุ้นของนายรอส โดนัลด์ สมิธ-เคิร์ก ซึ่งเป็นกรรมการบริษัทอัครารีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นสามัญ 20 หุ้น

2.ผู้ถือหุ้นสัญชาติไทย 51.76% มีนางณุชรีย์ ไศละสูต ถือหุ้น 530 ล้านหุ้น แต่ทั้งหมดเป็นหุ้นบุริมสิทธิ์ที่ไม่มีสิทธิออกเสียงในการบริหาร และผู้ถือหุ้นรายย่อยชาวไทย 4 คน ถือหุ้นสามัญรวม 100 หุ้น

ทั้งนี้ พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงในสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทคิงส์เกต แคปปิตอล จำกัด สัญชาติออสเตรีย ซึ่งมีจำนวนหุ้นเพิ่มขึ้นจาก 72.25 ล้านหุ้น เพิ่มเป็น 493.99 ล้านหุ้น โดยหุ้นที่เพิ่มขึ้น 421.75 ล้านหุ้น เป็นหุ้นของบริษัทเอเชีย โกลด์ ลิมิเต็ดสัญชาติมอริเชียส ที่เข้ามาถือหุ้นหลังจากมีคำสั่งปิดเหมือง

ในขณะที่สัดส่วนผู้ถือหุ้นรายอื่นคงเดิม คือ นายรอส โดนัลด์ สมิธ-เคิร์ก , นางรัตนา พูนสมบัติ , นายโยธิน อินทรประสงค์ , นางสาวจุฑารัตน์ อนรรฆธนะกุล และนางกาญจนา สุทธิประภา ถือหุ้นรวมกัน 120 หุ้น