7 ผู้ผลิตรายใหญ่ ยอมตรึงราคา"ผ้าอ้อมเด็กและผู้ใหญ่”

7 ผู้ผลิตรายใหญ่ ยอมตรึงราคา"ผ้าอ้อมเด็กและผู้ใหญ่”

กรมการค้าภายในถกผู้ผลิตและจำหน่ายผ้าอ้อมเด็ก-ผู้ใหญ่ 7 ราย หลังมีข่าวขอปรับขึ้นราคา เผย ทุกบริษัทพร้อมให้ความร่วมมือตรึงราคา แถมช่วยจัดสินค้าราคาพิเศษขายในโครงการ “พาณิชย์ลดราคาส่วนสถานการณ์สินค้าดีขึ้นต่อเนื่อง รับน้ำมันลงปรับราคาสินค้าลงทันทีไม่ได้

นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมฯ ได้หารือกับผู้ผลิตและผู้ประกอบการที่จำหน่ายผ้าอ้อมเด็กและผู้ใหญ่ 7 รายสำคัญ ได้แก่ บมจ.ดีเอสซี อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) ผ้าอ้อมเด็ก เบบี้เลิฟ ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ เซอร์เทนตี้ , บจ.ยูนิชาร์ม (ประเทศไทย) ผู้ผลิตผ้าอ้อมเด็ก มามี่โพโค ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ ไลฟรี่ , บจ.โมเดิร์น ซอฟท์ โปรดักส์  ผู้ผลิตผ้าอ้อมผู้ใหญ่ ไอแคร์ , บจ.คาโอ อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) ผ้าอ้อมเด็กเมอร์รี่ส์ , บจ.พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล เทรดดิ้ง หรือ พีแอนด์จี (ประเทศไทย) ผ้าอ้อมเด็กแพมเพิร์ส , บจ.คิมเบอร์ลี่ย์-คล๊าค ประเทศไทย ผ้าอ้อมเด็กฮักกี้ส์ และบจ.ฟูเบิร์ก อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) ผ้าอ้อมเด็กทีโน่ ผ้าอ้อมผู้ใหญ่อันอัน อันแคร์ และฟิลฟรี

โดยได้ขอความร่วมมือให้ตรึงราคาสินค้าไปก่อน หลังจากที่มีข่าวว่าจะขอปรับขึ้นราคาตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมี.ค.2566 เป็นต้นไป ซึ่งผู้ผลิตและผู้ประกอบการยินดีที่จะให้ความร่วมมือตรึงราคาไว้เท่าเดิม และไม่ปรับขึ้น และได้แจ้งไปยังห้างและร้านค้าแล้ว

โดยทั้ง 7 รายยังจะร่วมมือกับกรมฯ ในการจัดสินค้าผ้าอ้อมเด็กและผู้ใหญ่ราคาพิเศษ เพื่อนำไปจำหน่ายในโครงการ “พาณิชย์ลดราคา! Grand Sale ทั่วไทย” ซึ่งขณะนี้ยังดำเนินการอยู่ หมุนเวียนไปในจังหวัดต่าง ๆ และเน้นพื้นที่ ๆ เป็นแหล่งชุมชน โดยจะมีไปจนถึงเดือนมี.ค.2566 และนำจำหน่ายผ่านรถโมบาย ที่วิ่งจำหน่ายประมาณ 100 จุด ทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑลด้วย

7 ผู้ผลิตรายใหญ่ ยอมตรึงราคา\"ผ้าอ้อมเด็กและผู้ใหญ่”

 

“ผู้ผลิตแจ้งว่า ต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้นจริง โดยเฉพาะค่าไฟฟ้า และค่าแรง แต่เมื่อมาหารือกับกรมฯ ก็รับทราบปัญหาของพี่น้องประชาชนที่จะได้รับความเดือดร้อน และยินดีที่จะตรึงราคาเอาไว้ ยังไม่ปรับขึ้นตามที่เคยเป็นข่าวออกมาก่อนหน้านี้ และคาดหวังว่าต่อไป ต้นทุนการผลิตจะปรับลดลง ทำให้ไม่กระทบต่อต้นทุน ซึ่งล่าสุด น้ำมัน ก็มีแนวโน้มลดลง”นายวัฒนศักย์กล่าว

นายวัฒนศักย์ กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์สินค้าอื่น ๆ มีแนวโน้มดีขึ้น เพราะขณะนี้สถานการณ์การค้าดีขึ้น โดยได้รับผลบวกจากโครงการรัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์ เช่น ช้อปดีมีคืน การจัด “พาณิชย์ลดราคา! ช่วยประชาชน” Lot 22 New Year Grand Sale 2023 ที่เพิ่งจบไป โครงการ “พาณิชย์ลดราคา! Grand Sale ทั่วไทย” ที่ยังดำเนินการอยู่ หรือการจัดโปรโมชันของห้าง และการเปิดประเทศ ที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น ทำให้ผู้ผลิตมียอดขายเพิ่มขึ้น 10-15% หรือบางรายการ เช่น หมวดอาหาร เพิ่มขึ้น 15-20% ทำให้แรงกดดันที่จะต้องปรับขึ้นราคาลดลง และหลายรายการ มีแนวโน้มลดราคาลงอีก เช่น น้ำมันปาล์ม หมู ไก่ ไข่ เป็นต้น

 

ส่วนต้นทุนการผลิตสินค้าที่ลดลงจากค่าเงินบาทที่แข็งค่า ค่ากระแสไฟฟ้าและราคาน้ำมันดีเซลที่ลดลงนั้น กรมการค้าภายในมีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อให้ผู้ประกอบการผลิตสินค้าปรับราคาลงตามต้นทุนที่ลดลงด้วย แต่ต้องยอมรับว่ายังไม่สามารถปรับลดลงได้ในทันที เนื่องจากก่อนหน้านี้ผู้ประกอบการต้องตรึงราคาสินค้าเพื่อช่วยเหลือประชาชนในช่วงที่ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ทางกรมจึงต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบ และให้ความเป็นธรรมกับผู้ประกอบการด้วย แต่แนวโน้มในอนาคตมีโอกาสที่สินค้าหลายรายการจะปรับตัวลดลงได้