รายย่อยวอนรัฐสกัด ‘หมูเถื่อน’ หวั่นทำลายอาชีพเกษตรกร

เกษตรกรผู้เลี้ยงหมูรายย่อย ห่วงราคาหมูตก หากการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนหลุดรอดเข้ามาตีตลาด ตามที่มีข่าวว่ามีความพยายามขนส่งมาทางเรือวอนรัฐควบคุมป้องกันให้จริงจัง หวั่นทำลายอาชีพเกษตรกร

เนื่องจากขณะนี้ก็ต้องเผชิญกับต้นทุนการผลิตที่สูงลิ่ว อันเนื่องมาจากอาหารแพง และความผันผวนของราคา ในขณะที่เกษตรกรรายย่อยไม่สามารถกำหนดราคาขายได้เอง
7 ก.พ.2566 ที่กลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเลี้ยงสุกรบ้านเกาะปราง หมู่ 12 ต.หนองปรือ อ.รัษฎา จ.ตรัง นายประยวด สุขดำ ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ และเป็นประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชน กลุ่มเลี้ยงสุกรบ้านเกาะปราง บอกว่า ปัญหาของเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูขณะนี้ปัญหาหนักยังคงเป็นเรื่องต้นทุนการเลี้ยงที่สูงมาก โดยเฉพาะค่าอาหารที่ทยอยปรับราคามาอย่างต่อเนื่อง และไม่เคยปรับลงเลย จากเดิมกระสอบละ 430 บาท จนขณะนี้ปรับราคามาอยู่ที่สูงสุดกระสอบละ 572 บาท หรือปรับขึ้นมารวมกระสอบละ 142 บาท ในขณะที่ราคาหมูหน้าฟาร์มผันผวนตลอดเวลา ก่อนหน้านี้ปรับราคาลงไปอยู่ที่กก.ละ 84 บาท แต่ขณะนี้ปรับขึ้นมาแล้วอยู่ที่กก.ละ 92 บาท ซึ่งหากว่าราคาปรับต่ำลงมากกว่านี้จะทำให้เกษตรกรขาดทุนทันที เพราะต้นทุนการเลี้ยงที่สูง 
โดยขณะนี้เกษตรกรทุกคนเป็นห่วง หลังมีข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์

ที่มีความพยายามในการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนจากประเทศเพื่อนบ้านมาทางเรือ เพื่อนำเข้ามาขายภายในประเทศ กลัวจะเข้ามาตีตลาด ทำให้เกษตรกรไทยต้องเดือดร้อน โดยเฉพาะเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูรายย่อย ซึ่งก็ต้องเผชิญกับปัญหาต้นทุนการเลี้ยง และราคาที่ผันผวนตลอดเวลาอยู่แล้ว เพราะผู้เลี้ยงหมูรายย่อย ไม่สามารถจะกำหนดราคาขายได้เอง คนกำหนดคือ พ่อค้าคนกลางที่ขายทั้งอาหารและกำหนดราคารับซื้อเอง โดยเกษตรกรก็จำเป็นต้องพึ่งพาพ่อค้าคนกลาง เพราะจะได้มีตลาดจำหน่ายที่แน่นอน แม้ราคาจะไม่นิ่งก็ตาม วอนภาครัฐควบคุมป้องกันการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนอย่างจริงจัง นอกจากทุบทำลายราคาแล้วอาจนำเชื้อโรคเข้ามาด้วย จะยิ่งเข้ามาซ้ำเติมและทำร้ายเกษตรกรผู้เลี้ยงหมู