‘กะหล่ำปลียักษ์’ หนุนท่องเที่ยวเชิงเกษตร

เกษตรกรทำการเพาะปลูกกะหล่ำปลี กะหล่ำดอก และบล็อกโคลี่ บนพื้นที่ข้างบ้าน ขนาด 2 งาน ซึ่งนางสาวปวีณา เกษตรกรและครอบครัวมีแนวคิดทำการปลูกพืชผัก ราคาดี อายุสั้น ใช้น้ำน้อย ไม่ใช้สารเคมี ปลอดภัยต่อผู้บริโภค เป็นที่ต้องการของตลาด และยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร 

สำนักงานเกษตรกรจังหวัดสิงห์บุรี แนะนำนางสาวปวีณา อ่อนมี เกษตรในพื้นที่ หมู่ที่ 2 ตำบลน้ำตาล อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี ให้ปลูกพืชผักช่วงฤดูหนาว ส่งเสริมการปลูกโดยการจัดหาเมล็ดพันธุ์ให้เกษตรกรทำการเพาะปลูกกะหล่ำปลี กะหล่ำดอก และบล็อกโคลี่ บนพื้นที่ข้างบ้าน ขนาด 2 งาน ซึ่งนางสาวปวีณา เกษตรกรและครอบครัวมีแนวคิดทำการปลูกพืชผัก ราคาดี อายุสั้น ใช้น้ำน้อย ไม่ใช้สารเคมี ปลอดภัยต่อผู้บริโภค เป็นที่ต้องการของตลาด และยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร 
 
โดยการให้ลูกค้าเดินทางมาจากต่างจังหวัด เข้ามาแวะเช็คอินถ่ายรูป กับกะหล่ำปลียักษ์ แล้วตัดขายให้กับลูกค้าสดๆจากแปลงผัก เพราะอยู่ติดกับถนนสายเอเชีย ขายกิโลกรัมละ 30 บาท ลูกหนึ่งหนักประมาณ 2-3 กิโลกรัม ส่วนใหญ่ลูกค้าจะมากันตอนช่วงเช้าและช่วงเย็นเพราะอากาศดีเหมาะกับการถ่ายรูป ในอนาคตเกษตรกรจะปลูกให้หลากสีมากขึ้นเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวที่เดินทางผ่านถนนสายเชียขึ้นเหนือเข้ามาเที่ยวกันเยอะขึ้นแล้วพืชผลทางเกษตรก็จะขายดีตามเพราะเป็นของขวัญของฝากให้ญาติพี่น้องไปทำอาหารรับประทานกันที่บ้านอย่างปลอดภัย
 
ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้กับครอบครัวของเกษตรกรได้เป็นอย่างดี ในการปลูกพืชตามฤดูกาล เพื่อสร้างความหลากหลายของการผลิตสินค้าเกษตร ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในฤดูกาลต่างๆ นำไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืนในการประกอบอาชีพเกษตรกร ต่อไป