ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสพุ่ง 2.06 ดอลล์หลังสต็อกน้ำมันสหรัฐลดมากกว่าคาด

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสพุ่ง 2.06 ดอลล์หลังสต็อกน้ำมันสหรัฐลดมากกว่าคาด

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ปิดวันพุธ(21ธ.ค.)พุ่งขึ้น 2.06 ดอลลาร์ ขานรับสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลงมากกว่าคาด

 สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือนก.พ. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ บวก  2.06 ดอลลาร์ ปิดที่ 78.29 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 2.21 ดอลลาร์ ปิดที่ 82.20 ดอลลาร์/บาร์เรล

สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 5.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลงเพียง 1.7 ล้านบาร์เรล

สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 3.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว

นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้ปัจจัยบวกจากการที่สหรัฐมีแผนที่จะซื้อน้ำมันเพื่อนำเข้าสู่คลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR)

กระทรวงพลังงานสหรัฐ เปิดเผยว่า ทางกระทรวงจะทำการซื้อน้ำมัน 3 ล้านบาร์เรลเพื่อนำเข้าสู่ SPR โดยน้ำมันดังกล่าวมีกำหนดส่งมอบในเดือนก.พ.2566

การซื้อน้ำมันดังกล่าวถือเป็นครั้งแรกของรัฐบาลสหรัฐ หลังจากทำการระบายน้ำมัน 180 ล้านบาร์เรลจาก SPR ก่อนหน้านี้เพื่อแก้ปัญหาราคาน้ำมันพุ่งขึ้นในสหรัฐ แต่ก็ทำให้สต็อกน้ำมันใน SPR แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2527

ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่าจีนจะกลับมาเปิดประเทศ หลังมีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นปัจจัยเพิ่มความต้องการใช้น้ำมัน

เจ้าชายอับดูลาซิส บิน ซัลมาน รัฐมนตรีพลังงานซาอุดีอาระเบีย กล่าวว่า การที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส มีมติปรับลดกำลังการผลิต ได้ปรากฏผลว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องในการรักษาเสถียรภาพของตลาดและอุตสาหกรรมน้ำมัน แม้ว่ามติดังกล่าวถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากสหรัฐและชาติตะวันตก

ถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้น ขณะที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกได้ทรุดตัวลง และลดช่วงบวกที่ทำไว้นับตั้งแต่ต้นปี 2565 หลังจากที่ราคาน้ำมันพุ่งใกล้แตะ 147 ดอลลาร์/บาร์เรลในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังรัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครนในวันที่ 24 ก.พ.

เจ้าชายบิน ซัลมาน กล่าวว่า กระบวนการตัดสินใจ, ประเมินและคาดการณ์ภาวะตลาดน้ำมันของกลุ่มโอเปกพลัสได้ดำเนินไปโดยไม่มีปัจจัยทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง และโอเปกพลัสไม่มีทางเลือก นอกจากใช้มาตรการป้องกันล่วงหน้า ท่ามกลางความไม่แน่นอนในตลาด

ทั้งนี้ โอเปกพลัสจัดการประชุมนโยบายการผลิตในวันที่ 4 ธ.ค. โดยมีมติปรับลดกำลังการผลิต 2 ล้านบาร์เรล/วันไปจนถึงสิ้นปี 2566 ท่ามกลางความไม่พอใจของสหรัฐและชาติตะวันตก ซึ่งต้องการให้มีการปรับเพิ่มกำลังการผลิต