ลุ้นลด 'ค่าไฟ' กลุ่มเปราะบาง-ภาคเอกชน

ค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (Ft) งวดเดือนม.ค.-เม.ย. 2566 โดยค่าไฟบ้านประเภทที่อยู่อาศัยในอัตรา 93.43 สตางค์ต่อหน่วย คิดเป็นค่าไฟ 4.72 บาทต่อหน่วย ที่ลงทะเบียนราว 24 ล้านมิเตอร์ หรือประมาณ 28%

เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ กกพ. คมกฤช ตันตระวาณิชย์ ระบุ ค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (Ft) งวดเดือนม.ค.-เม.ย. 2566 โดยค่าไฟบ้านประเภทที่อยู่อาศัยในอัตรา 93.43 สตางค์ต่อหน่วย คิดเป็นค่าไฟ 4.72 บาทต่อหน่วย ที่ลงทะเบียนราว 24 ล้านมิเตอร์ หรือประมาณ 28% และผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทอื่น อาทิ ธุรกิจ อุตสาหกรรม บริการ ฯลฯ ปรับเป็น 190.44 สตางค์ต่อหน่วย หรือคิดเป็นค่าไฟ 5.69 บาทต่อหน่วยนั้น โดยกรณีที่เอกชนต้องการให้ลดค่าไฟลงอีกนั้น จะขึ้นอยู่กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) จะทำหนังสือยืนยันเปลี่ยนแปลงตัวเลขการทบทวนแผนบริหารหนี้กว่า 1.2 แสนล้านบาทของ กฟผ. และการคำนวณประมาณการราคาก๊าซธรรมชาติของผู้ผลิตไฟจากภาคเอกชนใหม่จาก ปตท.ที่อาจจะมีการขอให้ทบทวนตัวเลขใหม่ภายในสิ้นเดือน ธ.ค. 2565 นี้

สำหรับ ค่าไฟเอกชนที่แพงกว่าไฟบ้านที่อยู่อาศัย กกพ. ยืนยันในการทำตามมติ กพช.ที่ให้จัดสรรก๊าซจากอ่าวไทยหลังโรงแยกก๊าซเพื่อใช้ในการผลิตไฟฟ้าสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยเป็นลำดับแรก โดยไม่เพิ่มค่าไฟจากเดิม 4.72 บาทต่อหน่วยจึงทำให้ราคาก๊าซฯ ส่วนนี้ลดเหลือ 238 บาทต่อล้านบีทียูจากราคาคำนวณใหม่ 493 บาทต่อหน่วยแต่ราคาก๊าซฯในภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ 542 บาทต่อล้านบีทียูหรือเพิ่มขึ้น 49 บาทต่อล้านทียู

อย่างไรก็ตาม ค่า Ft งวดเดือนม.ค.-เม.ย. 2566 ได้นำภาระการเงินและหนี้สินสะสมของกฟผ.มาคำนวณอยู่ที่เฉลี่ย 0.33 บาทต่อหน่วยหรือคิดเป็นเงินงวดละราว 2 หมื่นล้านบาท จากยอดหนี้ทั้งหมด ณ เดือนส.ค. 2565 ที่ 1.2 แสนล้านบาท โดยทยอยจ่ายคืนให้กฟผ.ภายใน 2 ปี ซึ่งเอกชนได้เสนอให้ชะลอการชำระคืนหนี้กฟผ.ดังกล่าวออกไปก่อน ดังนั้น หากรัฐบาลมีแนวทางช่วยเหลือ กฟผ.ให้เลื่อนการนำภาระหนี้มาคำนวณค่าไฟในงวดดังกล่าวได้ก็จะส่งผลให้ค่า Ft อย่างน้อยลดลง 0.33 บาทต่อหน่วยได้

นอกจากนี้ ในส่วนของกลุ่มเปราะบางผู้ที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 500 หน่วยต่อเดือน ยังคงต้องรอความชัดเจนแนวทางช่วยเหลือจากภาครัฐหลังจากที่มติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อ 25 พ.ย.2565 ขอความร่วมมือจาก ปตท.ให้พิจารณาจัดสรรรายได้จากการดำเนินธุรกิจโรงแยกก๊าซฯ 1,500 ล้านบาทต่อเดือนเป็นระยะเวลา 4 เดือน (ม.ค.-เม.ย. 2566) หรือวงเงินรวม 6,000 ล้านบาท ซึ่งต้องรอดูว่าปตท. จะอนุมัติจัดสรรงบดังกล่าวเข้ามาช่วยเหลือหรือไม่ เบื้องต้น กกพ. ได้คำนวณการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางตามแนวทางเดิมที่เคยช่วยเหลือส่วนลดค่าไฟเป็นแบบขั้นบันไดที่คาดว่าจะใช้เงินในงวดเดือนม.ค.-เม.ย. 2565 ที่ 8,700 ล้านบาท ซึ่งยังคงต้องรองบประมาณจากรัฐอีก 2,700 ล้านบาท และหากการช่วยเหลือส่วนนี้มีความชัดเจนภายในเดือน ธ.ค. 2565 ก็จะปรับลดค่าไฟส่วนนี้ได้ทันที

สำหรับ แนวโน้มค่า Ft งวดเดือนพ.ค.-ส.ค. 2565 จะขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการก๊าซฯในอ่าวไทยว่าจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้มากน้อยเพียงใดเพื่อลดการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ที่มีราคาแพง ขณะเดียวกันยังต้องขึ้นอยู่กับการจัดหาน้ำมันดีเซลมาป้อนสำหรับการผลิตไฟฟ้าที่จะมาทดแทน LNG มากน้อยเพียงใด รวมไปถึงนโยบายภาครัฐว่าจะจัดสรรงบประมาณหรือแนวทางใด ๆ ในการช่วยเหลือเพิ่มเติมจากงวดนี้หรือไม่ หากไม่มีมาตรการใด ๆ ค่าไฟฟ้าก็จะประกาศเป็นอัตราเดียว

โดยในวันที่ 26 ธันวาคม 2565 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ปลัดกระทรวงพลังงาน กุลิศ สมบัติศิริ พร้อมด้วยผู้บริหารหน่วยงานกระทรวงพลังงาน รวมถึงบริษัทรัฐวิสาหกิจในสังกัดจะจัดแถลงข่าวผลการดำเนินงานของกระทรวงพลังงาน ปี 2565 ถึงของขวัญปีใหม่สำหรับประชาชน และแผนการดำเนินงานของกระทรวงพลังงาน ปี 2566 โดยคาดว่าจะมีความชัดเจนเกี่ยวกับเงินช่วยเหลือค่าไฟในกลุ่มเปราะบางให้ได้ใช้ไฟฟ้าลดลงจาก 4.72 บาทต่อหน่วยต่อไปอีก

สำหรับมาตรการส่วนบลดค่าไฟฟ้าในรอบเดือน ส.ค.-ธ.ค. 2565 เพื่อช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางนั้น คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ได้พิจารณาขยายแนวทางช่วยเหลือกลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าที่ใช้ไฟฟ้าระหว่าง 301-500 หน่วยต่อเดือน โดยสำหรับผู้ใช้ไฟ 301-500 หน่วยต่อเดือนในอัตรา 15-75% ทั้งนี้ได้แบ่งเป็นการใช้ไฟตั้งแต่ 301-350 หน่วยต่อเดือน ได้ส่วนลด 75% ของค่า Ft หรือได้รับส่วนลดค่า Ft ประมาณ 51.50 สตางค์ต่อหน่วย โดยใช้งบกลางรวมราว 8,000 ล้านบาท