ดัชนีเชื่อมั่นอุตฯ เดือน พ.ย. ขยายตัว ตามศก.ในประเทศฟื้น ยังหวั่นต้นทุนแพง

ดัชนีเชื่อมั่นอุตฯ เดือน พ.ย. ขยายตัว ตามศก.ในประเทศฟื้น ยังหวั่นต้นทุนแพง

ส.อ.ท. เผยดัชนีเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม เดือน พ.ย. อยู่ที่ 93.5 โตตามการฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศ อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการยังหวั่นต้นทุนปรับขึ้นและภาคส่งออกที่ชะลอตัว

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ประจำเดือนพ.ย. 2565 อยู่ที่ระดับ 93.5 ปรับตัวเพิ่มเล็กน้อยจากระดับ 93.1 ในเดือนก่อนหน้า โดยองค์ประกอบของค่าดัชนีฯ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ คำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม และผลประกอบการ ขณะที่ความเชื่อมั่นเกี่ยวกับปริมาณการผลิต และต้นทุนประกอบการปรับตัวลดลง

สำหรับปัจจัยสนับสนุนมาจากการฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศ การขยายตัวนักท่องเที่ยวต่างชาติ ขณะที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาสู่ภาวะปกติ ส่งผลดีต่อการบริโภคและการใช้จ่ายในประเทศ ขณะเดียวกันภาคการก่อสร้างมีทิศทางที่ดีขึ้นภายหลังสถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลาย ส่งผลให้ความต้องการสินค้าวัสดุก่อสร้างเพื่อซ่อมแซมที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น

 

นอกจากนี้ ปัญหาขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ (ชิป) มีทิศทางดีขึ้น ส่งผลดีต่อการผลิตสินค้ายานยนต์ และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ อีกทั้ง อัตราค่าระวางเรือที่ปรับลดลงส่งผลดีต่อผู้ส่งออก 

อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการยังมีความกังวลเกี่ยวกับต้นทุนประกอบการที่ปรับตัวสูงขึ้น ทั้งการปรับขึ้นค่าไฟฟ้า ราคาวัตถุดิบ ค่าจ้างแรงงาน รวมถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น

ขณะที่ด้านการส่งออกยังมีปัจจัยเสี่ยงจากอุปสงค์จากต่างประเทศลดลงจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว รวมทั้งจีนยังคงมาตรการซีโร่โควิดอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนการแข็งค่าของเงินบาท ส่งผลให้ความสามารถในการแข่งขันด้านราคาของผู้ส่งออกลดลง
 

จากการสำรวจผู้ประกอบการ 1,315 ราย ครอบคลุม 45 กลุ่มอุตสาหกรรมของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในเดือนพ.ย. 2565 พบว่า ปัจจัยที่ผู้ประกอบการมีความกังวลเพิ่มขึ้น ได้แก่ เศรษฐกิจโลก 70.3% สถานการณ์การเมืองในประเทศ 43.5% อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 43.3 % อัตราแลกเปลี่ยนจากมุมมองของผู้ส่งออก อ้างอิงค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์ 42.9% 

ส่วนปัจจัยที่มีความกังวลลดลง ได้แก่ ราคาน้ำมัน 59.2% และเศรษฐกิจในประเทศ 39.4%

สำหรับดัชนีฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 97.0 ปรับตัวลดลงจาก 98.8 ในเดือนต.ค. เนื่องจากผู้ประกอบการมีความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นของต้นทุนการผลิต โดยเฉพาะราคาพลังงานที่ยังทรงตัวในระดับสูง รวมถึงปัญหาเงินเฟ้อที่บั่นทอนกำลังซื้อในประเทศ

ขณะที่สงครามรัสเซีย-ยูเครนยังคงยืดเยื้อ เศรษฐกิจโลกที่มีความไม่แน่นอน รวมถึงความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ยังส่งปัจจัยเสี่ยงต่อภาคการส่งออกของไทย

โดย ส.อ.ท. มีข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ ดังนี้
1. มาตรการดูแลต้นทุนการผลิตให้ผู้ประกอบการ อาทิ ชะลอการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าให้ไม่เกิน 4.72 บาท ต่อหน่วย เป็นต้น

2. ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการมีการลงทุนใช้พลังงานหมุนเวียนภายในโรงงาน เพื่อลดค่าไฟฟ้าในช่วง On Peak อย่างเป็นรูปธรรม เช่น การอำนวยความสะดวกในการขออนุญาตต่างๆ ที่เกี่ยวข้องการติดตั้งโซล่าเซลล์, ปรับปรุงกฎหมายให้โรงงานสามารถติดตั้งโซล่าเซลล์เพื่อผลิตไฟฟ้าได้มากกว่า 1 MW โดยไม่ต้องขอใบอนุญาต รง.4, มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เป็นต้น

3. ออกมาตรการส่งเสริม Soft power เพื่อกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมีการใช้สินค้าและบริการของไทย เพื่อช่วยขยายโอกาสสินค้าไทยในตลาดโลกผ่านการท่องเที่ยว

โดยคาดว่าช่วง High Season จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่า 1.5 ล้านคนต่อเดือน และในปี 2566 คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเติบโตมาอยู่ในระดับ 21 ล้านคน ดัชนีเชื่อมั่นอุตฯ เดือน พ.ย. ขยายตัว ตามศก.ในประเทศฟื้น ยังหวั่นต้นทุนแพง