กกพ. จ่อเคาะค่า Ft พยุงค่าไฟ 4.72 บาท ใช้แก๊สในอ่าวไทยหนุนภาคครัวเรือน

กกพ. จ่อเคาะค่า Ft พยุงค่าไฟ 4.72 บาท ใช้แก๊สในอ่าวไทยหนุนภาคครัวเรือน

ลุ้น กกพ. เคาะค่า Ft สัปดาห์หน้า หวังพยุงค่าไฟฟ้าภาคครัวเรือนไว้ที่ 4.72 บาท เพื่อช่วยตรึงราคาไม่ให้กระโดดไปถึงหน่วยละ 6.03 บาท โดยให้สิทธิ์ได้ใช้แก๊สในอ่าวไทยที่มีต้นทุนต่ำสุด

นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) กล่าวว่า ตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ได้เห็นชอบแนวนโยบายการบริหารจัดการก๊าซฯ เพื่อลดภาระค่าไฟฟ้าในช่วงวิกฤตราคาพลังงาน (ตั้งแต่ ม.ค. – เม.ย. 2566) โดยให้ กกพ. คำนวณอัตราค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัย พร้อมจัดทำอัตราค่าไฟฟ้ากลุ่มประเภทบ้านอยู่อาศัยที่มีการใช้ไฟฟ้ามากกว่า 500 หน่วยต่อเดือนขึ้นไป เพื่อส่งเสริมการประหยัดพลังงานนั้น

ขณะนี้ อยู่ระหว่างให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ประเมิณราคาแก๊สใหม่ตามที่กพช. มีมติให้คิดตามประมาณกลางเป็นค่า Ft ใหม่ ซึ่งโดยหลักการเมื่อกพช. มีมติให้ กกพ.ก็ทำให้ ถือว่า กพช. มีอำนาจทางกฎหมาย โดยกฟผ.จะทำตัวเลขโดยการให้นำแก๊สในอ่าวไทยไปให้ประชาชนได้ใช้ก่อน เพื่อให้ใช้ค่าไฟฟ้าในราคาที่ถูกลงในหน่วยละ 4.72 บาท

“ต้องยอมรับว่าการเอาแก๊สที่ถูกไปให้ประชาชนใช้ก่อน จะเหลือให้ภาคอื่นที่ไม่ใช่ประชาชนน้อยลง จะทำให้ราคาแก๊สเพิ่มขึ้น ราคาค่าไฟภาคที่ไม่ใช่ภาคประชาชนก็ต้องเพิ่มขึ้น เพราะเรามีแก๊สในอ่าวไทยน้อยแค่ก้อนเดียว ซึ่ง กกพ.ทำประเมิณราคาแก๊สใหม่ เพื่อคิดค่า Ft ที่ให้ประชาชนก่อน ก็จะได้ 2 ค่ามา ส่วนที่เหลือจะเอาเงิน 1,500 ล้านบาทต่อเดือนจาก ปตท.มา นั้นเป็นอีกส่วนหนึ่งที่กกพ.ไม่เกี่ยวกับเรา ทั้งนี้จะพยายามทำตัวเลขให้เร็วที่สุดเพื่อนำเข้าบอร์ดอนุมัติแล้วแจ้งให้ 3 การไฟฟ้าทราบต่อไป” นายคมกฤช กล่าว

นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวว่า การใช้ไฟฟ้า 9 เดือนปีนี้ เพิ่มขึ้น 4.4% มีการใช้รวมทั้งสิ้น 149,972 กิกะวัตต์ชั่วโมง โดยการใช้ไฟฟ้าส่วนใหญ่ 45% อยู่ในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งมีการใช้เพิ่มขึ้น 3.9% จากเศรษฐกิจที่ขยายตัวมากขึ้นทำให้เกิดการผลิตสินค้าที่เพิ่มขึ้น รองลงมา คือ การใช้ไฟฟ้าในภาคธุรกิจ มีสัดส่วน 23% และมีการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 11.6% ซึ่งมาจากการที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มีแนวโน้มดีขึ้น ทั้งนี้ ความต้องการพลังไฟฟ้าสูงสุดของระบบ 3 การไฟฟ้าของปี 2565 เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 เม.ย. 2565 เวลา 14:30 น. อยู่ที่ระดับ 33,177 เมกกะวัตต์ เพิ่มขึ้น 6.9% เมื่อเทียบกับความต้องการพลังไฟฟ้าสูงสุดในระบบ 3 การไฟฟ้าของปีก่อน

อย่างไรก็ตาม กระทรวงพลังงานพยายามหาวิธีบริหารต้นทุนด้วยการใช้น้ำมันดีเซล พลังงานน้ำจากประเทศเพื่อบ้าน ฯลฯ เพื่อผลิตไฟฟ้าแทนการใช้ก๊าซธรรมชาตินำเข้า ซึ่งจากการประมาณการพบว่าการตลอดปี 2565 สามารถประหยัดงบประมาณกว่า 40,000 ล้านบาท ซึ่งแนวโน้มปีหน้าคาดว่าราคาก๊าซธรรมชาติน่าจะลดลง และกำลังผลิตแก๊สในอ่าวไทยจะเพิ่มมากขึ้นในช่วงไตรมาส 2/2566 จะช่วยทำให้ค่าไฟถูกลงได้ ทั้งนี้ อยากจะย้ำให้ประชาชนทุกคนร่วมกันประหยัดพลังงานถือเป็นสิ่งสำคัญสุด

“ตอนนี้ กกพ.อยู่ระหว่างทำตัวเลขโดยให้ภาคครัวเรือนใช้ไฟฟ้าจากแก๊สในอ่าวไทยซึ่งอาจจะเป็นสัดส่วน 80% เพื่อที่จะได้ใช้ไฟฟ้าราคาหน่วยละ 4.72 บาทต่อไป ส่วนที่เหลืออีกราว 20% อาจจะให้ในกลุ่มอุตสาหกรรม ซึ่งอาจจะต้องจ่ายค่าไฟฟ้าแพงกว่านิดหน่อย ซึ่งมองว่า กกพ. น่าจะทำตัวเลขเสร็จในสัปดาห์หน้าหรือไม่เกินกลางเดือนธ.ค. 2565 นี้”  

แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า สำหรับกรณีที่คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) จะขอให้กระทรวงพลังงาน ชะลอการขึ้นค่า Ft นั้น หากจะไม่ขึ้นรัฐบาลทำได้ เพียงแต่จะต้องมีเงินเข้ามาสนับสนุน แต่ถ้าไม่มีเงินมา กฟผ.ก็อาจจะลำบาก ไม่ใช่แค่ค่าไฟแพง แต่จะไม่มีไฟฟ้าใช้เลยเพราะเจ๊ง ซึ่งกฟผ.เองก็มีปัญหาเรื่องของกระแสเงินสด จากการที่ต้องได้เงินคืน เมื่อไม่ได้คืนก็ไปกินกระแสเงินสดเขา รัฐบาลก็ไม่มีเงินช่วย

นอกจากนี้ ในส่วนของเงินที่กพช.ขอให้ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ช่วยเหลือเดือนละ 1,500 ล้านบาท รวม 4 เดือน เป็นเงิน 6,000 ล้านบาทนั้น ขณะนี้ยังไม่มีการยืนยันจาก ปตท.ว่าจะให้หรือไม่ ซึ่งหากไม่ยอมผลสุดท้ายอาจจะไปตกที่กฟผ. อีกหรือไม่ เพราะหากเก็บเงินไม่ได้ เพราะปตท.ก็เพิ่งจะจ่ายเงินช่วยเหลือให้กับสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) ไป 3,000 ล้านบาท

“ตอนนี้มติ กพช. ออกมาให้กกพ.ทำตัวเลขใหม่ ซึ่งถือเป็นมติที่ กกพ.ไม่ต้องประกาศค่า Ft ในเวลา 30 วัน ถือเป็นการดึงเวลาประกาศการปรับขึ้นค่า Ft งวดเดือนม.ค.-เม.ย. 2566 ของกกพ.ออกไปก่อน แต่หากผลสุดท้ายปตท.ไม่จ่าย กฟผ.ก็ต้องแบกต่อ ซึ่งถามว่ากฟผ.ขาดทุนหรือเปล่านั้น วิธีบันทึกบัญชีของเขามองว่าเงินตรงนี้เป็นหนี้ที่เขาต้องได้รับเลยไม่ขาดทุน แต่ถ้าไม่ได้ก็อาจส่งผลถึงสภาพคล่องตามมาเป็นต้น” แหล่งข่าว กล่าว