สมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทยทวงรัฐแก้ปัญหาวัตถุดิบแพง

สมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทยทวงรัฐแก้ปัญหาวัตถุดิบแพง

รัฐเมินแก้ปัญหาอาหารสัตว์ สมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทยร่อนหนังสือทวงถามความช่วยเหลือต้นทุนวัตถุดิบแพง เรียกร้องปรับราคาขายตามต้นทุน หวั่นโรงงานปิดกิจการ

นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล นายกสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2565 สมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทยมีหนังสือทวงถามความคืบหน้าการช่วยเหลือผู้ประกอบการอาหารสัตว์และผู้ประกอบการภาคปศุสัตว์ ไปยังนายกรัฐมนตรี (พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์) หลังส่งหนังสือฉบับก่อนหน้าไปแล้ว 2 เดือน ไร้เสียงตอบรับ

 

สมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทยทวงรัฐแก้ปัญหาวัตถุดิบแพง สมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทยทวงรัฐแก้ปัญหาวัตถุดิบแพง

 

ทั้งนี้ สมาคมได้พยายามนำเสนอปัญหาราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ปรับตัวสูงมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่กลางปี 2564 จนกระทั่งเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ได้พิจารณาดำเนินการผ่อนปรนมาตรการนำเข้าข้าวสาลีและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในกรอบ WTO โดยมีเงื่อนไขการจำกัดจำนวนนำเข้า และเวลานำเข้าในช่วงสั้นๆ (พฤษภาคม-กรกฎาคม 2565)

 

ซึ่งเป็นการดำเนินการตามข้อเสนอ 1 จาก 3 ข้อ ที่ สมาคมร้องขอ ไม่เพียงพอที่จะช่วยให้ราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ปรับลดลงได้ วันที่ 2 กันยายน 2565 สมาคมได้มีหนังสือไปถึงรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์) ขอให้รัฐปรับนโยบายเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการอาหารสัตว์และผู้ประกอบการภาคปศุสัตว์อีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้รับการช่วยเหลือใด

นายพรศิลป์ กล่าวต่อว่า สมาคมคงอยู่เฉยไม่ได้ เพราะมีสมาชิกร้องเรียนเข้ามาว่าได้ยื่นเสนอโครงสร้างต้นทุนเพื่อขอปรับราคาจำหน่ายอาหารสัตว์ (Price list) ตามต้นทุนที่ปรับสูงขึ้น ไปยังคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ มาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง แต่ถูกปฏิเสธมาโดยตลอด การขอปรับราคาจำหน่ายอาหารสัตว์ (Price list) ครั้งสุดท้ายต้องย้อนไปถึงปี 2555 ซึ่งตอนนั้นราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และกากถั่วเหลืองซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักกว่า 70% ในการผลิตอาหารสัตว์มีราคาต่ำกว่าปัจจุบันนี้อย่างมาก

สมาคมได้คาดการณ์ว่า ราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์จะยังคงสูงต่อเนื่องไปอีก 6 เดือนต่อจากนี้ จากสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่ยังคงมีความไม่แน่นอน และค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลงอย่างมากเป็นประวัติการณ์ (อัตราแลกเปลี่ยนใน ปี 2555    อยู่ที่ 30-31 บาท/เหรียญดอลล่าร์สหรัฐ ขณะที่ปี 2565 อยู่ที่ 36-37 บาท/เหรียญดอลล่าร์สหรัฐ)

จึงต้องมีหนังสือติดตามความคืบหน้าไปอีกฉบับเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายนที่ผ่านมา “ขณะนี้สิ่งที่รัฐบาลต้องทำแบบเร่งด่วนที่สุด คือ การอนุมัติปรับราคาจำหน่ายอาหารสัตว์ (Price list) ให้สอดคล้องกับต้นทุนที่สูงขึ้นในทันที เช่นเดียวกับที่ทำให้กับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และต้องทำควบคู่ไปกับการปรับลดภาษีนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์เพื่อลดต้นทุนให้กับผู้ประกอบการอีกทางหนึ่งด้วย”