EA ดันเป้าหมายปี 66 ให้บริการรถเมล์ไฟฟ้า 3.5 พันคัน หนุนรัฐคลอดตั๋วร่วม

EA ดันเป้าหมายปี 66 ให้บริการรถเมล์ไฟฟ้า 3.5 พันคัน หนุนรัฐคลอดตั๋วร่วม

EA เปิดเป้าหมายปีหน้าให้บริการรถเมล์อีวี 3.5 พันคัน ดันนโยบายลดคาร์บอน พร้อมสนับสนุนตั๋วร่วมภาคขนส่ง แนะรัฐปรับกฎระเบียบหนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า

นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA เปิดเผยภายในงานสัมมนา Thailand Smart City : Bangkok Model Session 6 : Smart Commuter, Smart Transportation ระบบขนส่งมวลชนอัจฉริยะ เพื่อรองรับการเติบโตของมหานคร จัดโดย “เนชั่น กรุ๊ป” โดยระบุว่า ปัจจุบันรัฐบาลได้ประกาศความพร้อมบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี ค.ศ. 2050 และขยายสู่ก๊าซเรือนกระจกประเภทอื่นๆ (Net Zero) ในปี 2065

โดยขณะนี้สถิติการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในไทย พบว่าภาคพลังงานและภาคขนส่ง มีอัตราการปล่อยสูงถึง 60% ดังนั้นถ้าไม่เร่งแก้ไขจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ในอนาคต จึงเป็นหนึ่งในที่มาของการพัฒนาธุรกิจภาคขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยคาร์บอนของทางบริษัทฯ โดยได้มุ่งเน้นรถเชิงพาณิชย์ เพราะเล็งเห็นว่าปัจจุบันกระแสยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ในส่วนของรถยนต์ส่วนบุคคลกำลังเป็นที่แพร่หลายแล้ว อีกทั้งรถเชิงพาณิชย์ยังเป็นกลุ่มหลักที่มีอัตราการปล่อยคาร์บอนสูง และเป็นผลกระทบต่อคนเมืองมากที่สุด

“เมื่อเราอยู่ในอุตสาหกรรมนี้อยู่แล้ว ปัจจุบันเราทำโรงงานแบตเตอรี่ โรงประกอบ และสถานีชาร์จ จึงเอาความรู้มาประกอบกัน ทำให้เกิดรถอีวีเชิงพาณิชย์ เป็นรถไฟฟ้าที่ทำได้จริง และจุดเด่น คือ ใช้เวลาชาร์จน้อย เพื่อไม่ให้กระทบธุรกิจของผู้ประกอบการรถเชิงพาณิชย์ โดยปัจจุบันเราทำให้ชาร์จไฟฟ้าได้ 10-20 นาที ได้แบตเตอรี่ 80% เพื่อพร้อมกลับไปให้บริการ”

EA ดันเป้าหมายปี 66 ให้บริการรถเมล์ไฟฟ้า 3.5 พันคัน หนุนรัฐคลอดตั๋วร่วม

อย่างไรก็ดี ธุรกิจภาคขนส่งของบริษัทฯ ที่ร่วมมือกับพันธมิตรในขณะนี้ ประกอบด้วย เรือไฟฟ้าที่ดำเนินการมาแล้ว 2 ปี เป็นเรือไฟฟ้าที่ตอบโจทย์ผู้โดยสารในเรื่องของความสะดวกสบายและความปลอดภัย อีกทั้งยังมีการพัฒนาแอปพลิเคชันเพื่อให้ประชาชนทราบได้ว่าอีกกี่นาทีเรือจะมาถึงต้นทางที่ผู้โดยสารรออยู่ เพื่อให้ผู้โดยสารสามารถวางแผนการเดินทางได้

นอกจากนี้ ยังให้บริการรถเมล์ไฟฟ้า ปัจจุบันได้ส่งมอบและนำมาวิ่งให้บริการแล้วราว 300-400 คัน โดยเป้าหมายสิ้นปีนี้จะให้บริการครบ 1,200 คัน และในปีหน้าไม่เกินไตรมาส 3 จะให้บริการได้ 3,500 คัน ซึ่งหากดำเนินการได้ตามแผน จะผลักดันให้กรุงเทพฯ ปรับเปลี่ยนรถเมล์ไฟฟ้าเป็นรถเมล์อีวีที่ใช้พลังงานสะอาดได้มากถึง 80% จากรถเมล์ที่ให้บริการในกรุงเทพฯ อยู่ราว 5,000 คัน กลายเป็นรถเมล์ไฟฟ้าทันสมัย มีระบบจ่ายเงินที่ทันสมัย เป็นระบบจ่ายออนไลน์ไร้การสัมผัส และยังมีการคำนวณเส้นทางเพื่อให้ผู้โดยสารวางแผนการเดินทางได้ด้วย

นายอมร กล่าวด้วยว่า วันนี้บริษัทฯ มีเป้าหมายที่ต้องการช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในกรุงเทพฯ โดยไม่ให้กระทบต้นทุนการใช้ชีวิต วันนี้เราอาจทำให้ค่าโดยสารถูกลงไม่ได้ แต่เราทำให้ไม่แพงขึ้น อีกทั้งยังมีบริการที่ดีขึ้น ประชาชนได้ใช้รถเมล์ และเรือไฟฟ้าที่ใหม่ มีเทคโนโลยีตอบโจทย์การใช้ชีวิตในอัตราค่าโดยสารที่ไม่แพงขึ้น นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีแผนจะออกโปรโมชั่น คิดค่าโดยสารแบบเหมาจ่ายรายวัน เมื่อมีการเดินทางเชื่อมต่อระบบบริการของบริษัทฯ เป็นการทำให้ประชาชนคำนวณต้นทุนการใช้ชีวิตได้ดีขึ้น

EA ดันเป้าหมายปี 66 ให้บริการรถเมล์ไฟฟ้า 3.5 พันคัน หนุนรัฐคลอดตั๋วร่วม

อีกทั้ง ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างทดลองผลิตหัวรถจักรไฟฟ้า เพื่อมาใช้บริเวณสถานีกลางบางซื่อ ช่วยภาครัฐแก้ปัญหาหัวรถจักรที่ปล่อยคาร์บอน และยังอยู่ระหว่างพัฒนารถกระบะไฟฟ้าขนาด 1 ตัน เพื่อรองรับธุรกิจขนส่ง ให้มีต้นทุนถูกลงในแง่เชื้อเพลิง และให้มีความทันสมัยในเรื่องของแอฟพลิเคชัน นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างคิดค้นเอาน้ำมันปาล์มไปใช้แทนน้ำมันเครื่องบิน เพื่อลดต้นทุนในภาคขนส่งทางอากาศ

ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังพร้อมสนับสนุนภาครัฐในการพัฒนาระบบตั๋วร่วม เพื่อทำให้ประชาชนได้รับความสะดวกสบายในบริการขนส่งสาธารณะ ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ มีบัตรที่สามารถใช้จ่ายบริการเรือไฟฟ้าและรถเมล์ไฟฟ้าอยู่แล้ว มีความพร้อมที่จะเชื่อมต่อระบบกับภาคเอกชนในขนส่งประเภทอื่นๆ เพื่อทำให้นโยบายไร้รอยต่อ รถ เรือ ราง มีประสิทธิภาพมากขึ้น

“วันนี้พื้นฐานคนกรุงเทพฯ พร้อมที่จะเปลี่ยนรับเทคโนโลยี แต่สิ่งเหล่านี้ต้องตอบโจทย์การใช้ชีวิต ปลอดภัยขึ้น ถูกลง สะดวกสะอาดขึ้น ถ้าเป็นแบบนี้ประชาชาพร้อมที่จะไม่เอารถออกจากบ้านเพื่อมาใช้ระบบขนส่งมวลชน แต่การผลักดันอุตสาหกรรมนี้ ก็ต้องฝากภาครัฐดูเรื่องกฎระเบียบ มุมหนึ่งอยากดันรถอีวี แต่อีกมุมมีกฎระเบียบมาตรฐานที่ค่อนข้างเยอะ ก็อยู่ที่รัฐบาลจะปรับอย่างไร ภาคเอกชนพร้อมจะสนับสนุนอยู่แล้ว”

ส่วนประเด็นของการพัฒนาอุตสาหกรรมภาคขนส่งไฟฟ้าให้มีการผลิตในประเทศนั้น ปัจจุบันบริษัทฯ มีการประกอบเรือไฟฟ้าและยานยนต์ไฟฟ้าในไทยอยู่แล้ว แต่ก็ยอมรับว่ายังมีชิ้นส่วนบางอย่างที่ผลิตในไทยไม่ได้ เช่น ซอฟแวร์ต่างๆ ส่วนตัวจึงมองว่าถ้าอุตสาหกรรมนี้มีการผลักดันให้เดินหน้าต่อไป ก็จะมีผู้ประกอบการเกิดขึ้นอีกมากมายในการผลิตชิ้นส่วนต่างๆ โดยเชื่อว่าสุดท้ายแล้วมีโอกาสที่จะเกิดขึ้นสำหรับอุตสาหกรรมประเภทรถขนาดใหญ่

EA ดันเป้าหมายปี 66 ให้บริการรถเมล์ไฟฟ้า 3.5 พันคัน หนุนรัฐคลอดตั๋วร่วม