ราช กรุ๊ป เพิ่มกำลังการผลิต 1,500 เมกะวัตต์ ฟันกำไร 9 เดือนแรก 6,024 ล้าน

ราช กรุ๊ป เพิ่มกำลังการผลิต 1,500 เมกะวัตต์ ฟันกำไร 9 เดือนแรก 6,024 ล้าน

“ราช กรุ๊ป” เร่งขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มอีก 1,500 เมกะวัตต์ มาจากร่วมทุน “เน็กส์ซิฟ เอ็นเนอร์จี” และ “พริ้นซิเพิล แคปิตอล” ปลื้มกำไร 9 เดือนแรก 6,024 ล้าน เพิ่มขึ้น 6.6% ชูกลยุทธ์สร้างโอกาสจากศักยภาพของพันธมิตรธุรกิจเพื่อต่อยอดการลงทุน  

นางสาวชูศรี เกียรติขจรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญกับพันธมิตรทางธุรกิจที่มีอยู่ในการขยายธุรกิจเพื่อสร้างรายได้และการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งความสำเร็จที่เป็นรูปธรรม ได้แก่ การเข้าซื้อโรงไฟฟ้าของกลุ่มเน็กส์ซิฟ เอ็นเนอร์จี พร้อมกับร่วมลงทุนเพื่อพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าประเภทเชื้อเพลิงหลักและพลังงานทดแทน รวม 24 โครงการ กำลังผลิตเพิ่มขึ้นตามสัดส่วนการถือหุ้นรวมทั้งสิ้น 1,500 เมกะวัตต์

ในจำนวนนี้มีโรงไฟฟ้าที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้ว 5 โครงการ กำลังการผลิตรวม 450.45 เมกะวัตต์ อีก 10 โครงการกำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นรวม 633.70 เมกะวัตต์ อยู่ระหว่างการพัฒนาและก่อสร้างซึ่งมีกำหนดเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าตั้งแต่ปี 2566-2570 และโครงการที่อยู่ในแผนการพัฒนา อีก 9 โครงการ รวมกำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้น 426.60 เมกะวัตต์          

สำหรับธุรกิจนอกภาคการผลิตไฟฟ้า (Non-Power Business) บริษัทฯ ได้ร่วมลงทุนกับกลุ่มพริ้นซิเพิล แคปิตอล ในโรงพยาบาลพริ้นซ์ สกลนคร โดยถือหุ้น 25% และมีกำหนดเปิดให้บริการในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2566 นอกจากนี้ ยังต่อยอดไปสู่ความร่วมมือในธุรกิจติดตั้งโซลาร์บนหลังคาและการซื้อขายไฟฟ้าในรูปแบบ Private Purchase Agreement ให้กับโรงพยาบาลในเครือพริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ ผ่านบริษัท สหโคเจน (ชลบุรี) จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย โครงการดังกล่าวนี้ได้ดำเนินการโครงการนำร่องในปีนี้ 2 แห่ง คือ โรงพยาบาลพริ้นซ์ ลำพูน และโรงพยาบาลพริ้นซ์ ศรีสะเกษ และจะขยายไปสู่โรงพยาบาลของกลุ่มพริ้นซิเพิล แคปิตอลอีก 9 แห่ง ในปี 2566

“บริษัทฯ ยังคงขับเคลื่อนการเติบโตด้วยการแสวงหาความร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจรายใหม่ ควบคู่ไปกับหาลู่ทางลงทุนเพิ่มเติมร่วมกับพันธมิตรรายเดิม ซึ่งขณะนี้บริษัทฯ กำลังเจรจาร่วมทุนโครงการโรงไฟฟ้ากับพันธมิตรในต่างประเทศ และยังจะมีการลงทุนเพิ่มในธุรกิจนวัตกรรมพลังงาน ผ่านทางบริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด ที่ร่วมทุนกับกลุ่ม กฟผ. ซึ่งกำลังศึกษาความเหมาะสมการลงทุนในโครงการเพิ่มประสิทธิภาพด้านการจัดการใช้พลังงาน ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ทอัพในสหรัฐอเมริกา กองทุน Net-Zero ที่ลงทุนโครงการพลังงานทดแทน

รวมถึง โครงการ EV Application และสถานีชาร์จไฟฟ้าของ กฟผ. นอกเหนือจากนี้ บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพเพื่อบรรเทาผลกระทบจากราคาค่าเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น และรักษาอัตรากำไรให้มีความมั่นคง ขณะเดียวกันก็เร่งศึกษาแนวทางการลดก๊าซเรือนกระจกเพื่อจัดทำแผนที่นำทางไปสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2593 

บริษัทฯ คาดการณ์ว่า ในปี 2566 จะมีรายได้เพิ่มขึ้น จากการรับรู้รายได้ของโรงไฟฟ้า 5 แห่งที่เข้าซื้อจากกลุ่มเน็กส์ซิฟ เอ็นเนอร์จี บวกกับโครงการโรงไฟฟ้าราชโคเจนเนอเรชั่นส่วนขยาย กำลังการผลิต 31.20 เมกะวัตต์ และโครงการพลังงานลมอีโค่วิน กำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้น 15.16 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ ยังมีโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสายสีชมพู รวมทั้งโครงการผลิตเชื้อเพลิงชีวมวลอัดแท่ง ใน สปป. ลาว ที่จะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2566 ด้วย  

สำหรับผลการดำเนินงานรอบ 9 เดือนแรก (ม.ค.-ก.ย. 2565) บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 6,023.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.6% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน มาจากรายได้เติบโตเพิ่มขึ้น 106.4% เป็นเงิน 61,570.65 ล้านบาท โดยมาจากรายได้ค่าพลังงานไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าราชบุรีที่มีการเดินเครื่องผลิตไฟฟ้ามากกว่าปีที่แล้ว รายได้ค่าขายไฟของกลุ่มโรงไฟฟ้าในออสเตรเลีย รวมทั้งรายได้ของกลุ่มโรงไฟฟ้าสหโคเจน และโรงไฟฟ้าพลังน้ำอาซาฮาน ที่บริษัทฯ รับรู้รายได้เต็มปีหลังจากเข้าลงทุนเมื่อไตรมาส 4/2564 เช่นเดียวกับส่วนแบ่งกำไรจากกิจการร่วมทุนก็รับรู้เพิ่มขึ้น