จบศึกเก้าอี้ ‘ประธานบอร์ด’ ปตท. เคลียร์รอยร้าวปมตั้ง CEO บริษัทลูก

จบศึกเก้าอี้ ‘ประธานบอร์ด’ ปตท. เคลียร์รอยร้าวปมตั้ง CEO บริษัทลูก

“ประยุทธ์” ชิงเรียก “สุพัฒนพงษ์-ทศพร” จบปัญหา ปตท. แบ่งตำแหน่งผู้บริหารบริษัทลูก “โออาร์-ไทยออยล์” ลงตัว แลก “ทศพร” นั่งประธานบอร์ดต่อ “นายก” ขอให้ 2 ฝ่าย อย่าขัดแย้งกันอีก ขณะ “อรรถพล” เผยบอร์ด ปตท. เดินหน้าประชุมตามปกติ ภายใต้การขับเคลื่อนของ ประธานทศพร

บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) หรือ PTT มีกระทรวงการคลังถือหุ้นอยู่ถึง 51.11%  นอกจากนี้ยังเป็นบริษัทที่ช่วงครึ่งปีแรกปี 2565 ที่ผ่านมา ปตท. และบริษัทในกลุ่มทั้งในและต่างประเทศ มีรายได้ 1,685,419 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิจำนวน 64,419 ล้านบาท ดังนั้นการปรับเปลี่ยนตัวผู้บริหารจึงเป็นที่จับตามอง

จากกรณีที่ ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ทศพร ศิริสัมพันธ์ ประธานคณะกรรมการอิสระและประธานกรรมการ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ได้ยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการ (บอร์ด) ปตท. เพื่อขอลาออกจากตำแหน่งในบอร์ด ปตท.ทั้งหมดโดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมานั้น

ต่อมาเมื่อวันที่ 19 ต.ค. 2565 แม้ว่านายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) (PTT) ชี้แจงผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ระบุว่า ตามที่ปรากฏข่าวในสื่อบางแห่งเกี่ยวกับการลาออกของศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ทศพร ศิริสัมพันธ์ ประธานกรรมการและกรรมการอิสระบริษัท ปตท.จํากัด (มหาชน) (ปตท.)

โดย ปตท.ขอเรียนชี้แจงว่า ณ วันที่ ปตท.ได้ทําหนังสือชี้แจงฉบับนี้ปตท.ยังไม่ได้รับหนังสือลาออกจากตําแหน่งประธานกรรมการและกรรมการอิสระของศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ทศพร ศิริสัมพันธ์ ตามที่ปรากฏในข่าวแต่อย่างใด

ทั้งนี้ หาก ปตท.ได้รับหนังสือดังกล่าว หรือมีข้อมูลความคืบหน้าที่เป็นสาระสําคัญในประเด็นนี้เพิ่มเติม ปตท.จะได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยต่อไป

นายอรรถพล กล่าวเพิ่มเติมว่า ในวานนี้ (27 ต.ค.) ปตท. มีการจัดประชุมคณะกรรมการ ปตท. ซึ่ง ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ทศพร ศิริสัมพันธ์ ยังคงทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุมเพื่อพิจารณาวาระการดำเนินการต่างๆ ตามปกติ โดยยืนยันว่า ปตท. ไม่ได้รับหนังสือลาออกจากคุณทศพรฯ ตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด

ทั้งนี้ คณะกรรมการ ปตท. ยังคงทำหน้าที่ในการกำกับดูแล ปตท. มุ่งบริหารจัดการภายใต้หลักธรรมาภิบาล โปร่งใส ตรวจสอบได้ ต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันทุกรูปแบบ และมีความรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย รวมทั้งสนับสนุนส่งเสริมให้สามารถบริหารผลการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยในปี 2565 จนถึงปัจจุบัน ปตท. มีผลการดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ และยังดูแลสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อมของประเทศให้เกิดความยั่งยืนต่อไป

ลือการเมืองเอี่ยวแผนเกมส์อำนาจ

อย่างไรก็ตาม สืบเนื่องจากกระแสข่าวการลาออกของประธานบอร์ดปตท. นั้น ปรากฏรายงานข่าวแจ้งว่าเดิม ปตท.จะมีการประชุมบอร์ด เมื่อวันที่ 20 ต.ค. 2565 แต่ต้องมีการเลื่อนการประชุมออกไปก่อน ซึ่งการลาออกของศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ทศพร นั้นจะเสร็จสิ้นสมบูรณ์ต้องได้รับการพิจารณาจากคณะกรรมการบอร์ดบริหารด้วย ต่อมาได้มีคำสั่งจากฝ่ายการเมืองเพื่อให้กรรมการ ปตท.ลงมติในการประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ปตท.วานนี้ (27 ต.ค.) เพื่อถอด ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ทศพร ออกจากตำแหน่งประธานกรรมการ ปตท. โดยให้เหลือเพียงการเป็นกรรมการอิสระเพียงตำแหน่งเดียว

สำหรับการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งกรรมการ ปตท. จะต้องอาศัยเสียงของที่ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นเท่านั้น ถ้ากรรมการผู้นั้นไม่ลาออกในขณะที่ตำแหน่งประธานกรรมการจะเป็นการลงมติของที่ประชุมคณะกรรมการ ดังนั้น ที่ประชุมคณะกรรมการสามารถมีมติเปลี่ยนแปลงตำแหน่งประธานกรรมการได้ ซึ่งตามรายงานข่าว ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ทศพร ไม่ยอมลาออกและยังส่งสัญญาณต่อต้านความเคลื่อนไหวดังกล่าว โดยจะเปิดเผยข้อมูลผ่าน Line ในการสั่งการบางอย่างที่ฝ่ายการเมืองเข้ามาล้วงลูกอันเป็นที่มาของความขัดแย้งและความพยายามในการเปลี่ยนตัวศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ทศพร ในครั้งนี้ 

เคลียร์ทาง“บัณฑิต”นั่งซีอีโอไทยออยล์

แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล กล่าวว่า เช้าวานนี้ (27 ต.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้หารือกับนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อปรับความเข้าใจเกี่ยวกับข่าวการลาออกของ ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ทศพร โดยเฉพาะรอยร้าวในการแต่งตั้งผู้บริหารบริษัทในเครือ ปตท. เพื่อให้สามารถจบลงด้วยดี โดยได้ข้อยุติปัญหาความขัดแย้งการแต่งตั้งผู้บริหารในเครือขณะเดียวกันก็ไม่ต้องมีการเปลี่ยนตัวประธานกรรมการ ปตท.

สำหรับการทำความเข้าใจเกี่ยวกับการแต่งตั้งผู้บริหารของบริษัทลูก ปตท. โดยในส่วนบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ได้มีการยอมให้นายบัณฑิต ธรรมประจำจิต เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารของไทยออยล์ โดยนายกรัฐมนตรี ขอให้ทั้งสองฝ่าย ทำงานร่วมกันอย่ามีความขัดแย้งกันอีก

ผู้สื่อข่าว “กรุงเทพธุรกิจ” ได้สอบถามไปยังคณะกรรมการ (บอร์ด) ปตท. และได้รับการยืนยันว่าวานนี้ (27 ต.ค.) มีการประชุมบอร์ด ปตท. จริง ส่วนวาระการพิจารณาการลาออกของ ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ทศพร นั้น หนึ่งในคณะกรรมการ ปตท. ตอบเพียงสั้น ๆ ว่า ยังไม่ทราบวาระที่แน่นอน

ส่วนบริษัทลูกของปตท. อีกบริษัทที่ปตท.ถือหุ้นทั้งหมดต้องเข้าสู่กระบวนการสรรหาประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ตามขั้นตอนรัฐวิสาหกิจ คือ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ (OR) ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้มีการประชุมผู้บริหารทั้งเครือปตท.หลายนัดหลายวาระและเหลือตัวเลือกที่ดีที่สุด 2 คน คือ นายดิษทัต ปันยารชุน และนายสุชาติ ระมาศ ซึ่งปัจจุบันได้มีการวางตำแหน่งให้นายสุชาติเป็นที่เรียบร้อยแล้วคือ ตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2565 ที่ผ่านมา ในขณะที่ นายดิษทัต ปันยารชุน ก็ยื่นลาออกจากบอร์ดโออาร์ มีผลตั้งแต่วันที่ 18 ต.ค. 2565 ที่ผ่านมา เพื่อเข้าสู่กระบวนการสมัครคัดเลือก CEO

ทั้งนี้ โออาร์จะดำเนินการสรรหากรรมการที่มีคุณสมบัติและประสบการณ์ที่เหมาะสมเพื่อดำรงตำแหน่งแทนตำแหน่งที่ว่างลงและจะแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยต่อไป สำหรับกระบวนการสรรหา ได้เปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 5-25 ต.ค. 2565