จีไอทีพร้อมติวเข้มผู้ประกอบการอัญมณี 4 จังหวัดใต้พัฒนาสินค้าตอบโจทย์ตลาด

จีไอทีพร้อมติวเข้มผู้ประกอบการอัญมณี 4 จังหวัดใต้พัฒนาสินค้าตอบโจทย์ตลาด

สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีฯ เตรียมลงพื้นที่ 4 จังหวัดเป้าหมายภาคใต้ ช่วยพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการอัญมณีและเครื่องประดับท้องถิ่น ให้ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด คงอัตลักษณ์เดิม พร้อมดันแหล่งผลิตเป็นสถานที่ท่องเที่ยว รองรับการเปิดประเทศ เล็งโปรโมตตรา BWC

นายสุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ จีไอที(GIT) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการจัดทำโครงการพัฒนาต่อยอดอัตลักษณ์เครื่องประดับภาคใต้เพื่อการท่องเที่ยว ว่า ขณะนี้ จีไอที ได้กำหนดจังหวัดเป้าหมายในการนำคณะผู้เชี่ยวชาญลงพื้นที่ เพื่อช่วยพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการและสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับในภาคใต้แล้วจำนวน 4 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช พังงา สตูล และ ภูเก็ต ซึ่งเป็นแหล่งผลิตเครื่องประดับที่มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์และมีอัตลักษณ์ท้องถิ่นเฉพาะตัว

 “จีไอที จะเข้าไปช่วยพัฒนารูปแบบสินค้าให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของตลาดโลก ที่เน้นความทันสมัย แต่ยังคงไว้ซึ่งอัตลักษณ์ของท้องถิ่น ลดการสูญเสียในระบบการผลิต โดยการใช้นวัตกรรมจากงานวิจัยมาผสมผสาน ซึ่งจะทำให้สินค้าอัญมณีและเครื่องประดับในท้องถิ่นภาคใต้ เปิดตัวออกสู่ตลาด ไม่เพียงแค่ในประเทศ แต่เชื่อว่าจะเปิดตัวออกสู่ตลาดต่างประเทศได้เพิ่มขึ้นด้วย”นายสุเมธกล่าว

จีไอทีพร้อมติวเข้มผู้ประกอบการอัญมณี 4 จังหวัดใต้พัฒนาสินค้าตอบโจทย์ตลาด

 

ทั้งนี้ ยังมีแผนที่จะผลักดันให้แหล่งผลิตสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับใน 4 จังหวัดเป้าหมาย เป็นสถานที่ท่องเที่ยว และดึงดูดให้นักท่องเที่ยว ที่ต้องการซื้อสินค้าเข้ามาเยี่ยมชมและซื้อสินค้า หลังจากที่ไทยได้เปิดประเทศเต็มรูปแบบ ส่งผลให้การท่องเที่ยวเติบโตอย่างรวดเร็ว และคาดว่าในปี 2565 นี้ จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวในไทยไม่ต่ำกว่า 10 ล้านคน และสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ ยังเป็นหนึ่งในสินค้าที่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาไทยนิยมซื้อเป็นอันดับต้น ๆ

อย่างไรก็ตาม จีไอที จะเดินหน้าประชาสัมพันธ์โครงการซื้อด้วยความมั่นใจ (Buy with Confidence – BWC) ให้กับนักท่องเที่ยวและผู้บริโภคได้รับทราบ หากซื้อสินค้าจากร้านค้าที่ผ่านการรับรองและได้รับตราสัญลักษณ์ BWC เป็นร้านที่เชื่อถือได้ ขายสินค้าดี มีคุณภาพถูกต้องครบถ้วน ซึ่งปัจจุบันมีร้านค้าเข้าร่วมแล้วกว่า 500 รายทั่วประเทศ โดยในการตรวจสอบสินค้า สามารถสแกน QR Code ที่แนบมากับสินค้า ก็จะสามารถตรวจสอบข้อมูลสินค้าได้อย่างครบถ้วน