ร้านอาหารยันไม่ปลดลูกจ้างแม้ต้นทุนพุ่ง

ต้นทุนทุนต่างๆที่เพิ่มขึ้น ทั้งวัตถุดิบ ค่าไฟ พลังงาน รวมถึงค่าแรงที่กำลังจะปรับขึ้น บรรดาร้านอาหารต่างต้องปรับตัวแม้ยอดขายจะไม่ดีนัก แต่ยังยืนยันว่าจะไม่เลิกจ้างพนักงานแม้ต้องแบกรับต้นทุนค่าแรงที่เพิ่มขึ้น

ทีมข่าวลงพื้นที่สำรวจความคิดเห็นผู้ประกอบการร้านอาหาร หลังจากต้นทุนวัตถุดิบ แก๊สหุงต้ม ค่าไฟฟ้าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำกำลังจะปรับเพิ่มขึ้น 1 ตุลาคมนี้ ผู้ประกอบการร้านอาหารบอกว่าได้รับผลกระทบอย่างมากจากต้นทุนต่างๆ ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ยอดขายยังไม่ดีมากนักเนื่องจากกำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง ทางร้านจำเป็นต้องขึ้นราคาอาหารบางรายการทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าแพงขึ้นจึงซื้อน้อยลง แม้จะมีโครงการคนละครึ่งเฟสที่ 5 แต่ยอดขายไม่เพิ่มขึ้นมากนักเพราะจำนวนเงินที่รัฐสนับสนุนในรอบนี้ค่อนข้างน้อยแค่ 800 บาท 

ส่วนอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่กำลังจะต้องปรับขึ้นเดือนหน้านั้นทางร้านก็จำเป็นต้องขึ้นตามกฎหมายซึ่งส่งผลกระทบกับต้นทุนบ้าง แต่ยืนยันว่าจะไม่เลิกจ้างลูกจ้างอย่างแน่นอน ทั้งนี้ อยากให้ภาครัฐดูแลราคาสินค้าอุปโภคบริโภค ออกมาตรการมาดูแลราคาให้ถูกลงหรือไม่ให้แพงขึ้นกว่าเดิมเพื่อไม่ให้ซ้ำเติมประชาชน

ขณะที่นายกสมาคมภัตตาคารไทย ระบุว่า ธุรกิจร้านอาหารจ่ายค่าจ้างแรงงานหรือลูกจ้างในอัตราที่สูงกว่าค่าจ้างขั้นต่ำอยู่แล้ว การปรับขึ้นค่าแรงให้สอดคล้องกับค่าครองชีพในปัจจุบัน ผู้ที่จะได้ประโยชน์คือแรงงานต่างด้าว เนื่องจากส่วนใหญ่ลูกจ้างที่ได้ค่าแรงตามค่าแรงขั้นต่ำจะเป็นแรงงานต่างด้าวเป็นหลัก ส่วนคนไทยจะได้ค่าแรงที่สูงกว่า

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ผู้ประกอบการร้านอาหารโดยเฉพาะรายเล็กและรายกลางต้องรอดูว่าจะกระทบต่อต้นทุนมากน้อยแค่ไหน เพราะปัจจุบันบางร้านใช้พนักงานจำนวนไม่มาก หากเทียบกับช่วงก่อนโควิดทำให้ต้นทุนแรงงานไม่สูงมาก

สำหรับภาพรวมธุรกิจร้านอาหารขณะนี้ ฟื้นตัวขึ้นมากว่า 70-80% แต่เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบ การขนส่ง และพลังงานที่เพิ่มสูงมาก ทำให้รายได้และกำไรไม่ได้เพิ่มตามมามากนัก หากเทียบกับช่วงต้นปี ต้นทุนธุรกิจเพิ่มขึ้นแล้วกว่า 50% เพราะของทุกอย่างแพงขึ้นโดยที่ผ่านมาสมาคมฯ ได้ขอให้ภาครัฐออกมาตรการช่วยเหลือ ทั้งการลดภาษี ลดค่าไฟ เพื่อไม่ให้ผู้ประกอบการต้องแบกรับภาระจนเกินไป ซึ่งภาครัฐเองก็ช่วยได้เพียงบางส่วนเท่านั้น

ทีมข่าวเนชั่นทีวี รายงาน