‘เน็กซ์’ โชว์ออเดอร์ยานยนต์ไฟฟ้าพุ่ง คาดปีหน้าเต็มกำลัง 9 พันคัน

‘เน็กซ์’ โชว์ออเดอร์ยานยนต์ไฟฟ้าพุ่ง คาดปีหน้าเต็มกำลัง 9 พันคัน

'เน็กซ์ พอยท์' รุกตลาดยานยนต์ไฟฟ้าต่อเนื่อง คาดปีนี้ส่งมอบรถเมล์อีวี 1,250 คัน โชว์ออเดอร์ปีหน้าเต็มกำลังการผลิต 9,000 คัน เตรียมลงทุนตั้งโรงงานแห่งที่ 2 หนุนรายได้พุ่ง 4.25 หมื่นล้านบาท

นายคณิสสร์ ศรีวชิระประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NEX  เปิดเผยว่า ภายหลังบริษัทฯ ได้ร่วมทุนกับบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA เพื่อจัดตั้งโรงงานผลิตและประกอบยานยนต์พลังงานไฟฟ้า (อีวี) เชิงพาณิชย์แบบครบวงจรแห่งแรกของคนไทยอย่างเป็นทางการ ภายใต้บริษัท แอ๊บโซลูท แอสเซมบลี จำกัด หรือ AAB ในพื้นที่อำเภอบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา มีกำลังในการผลิตสูงสุด 9,000 คันต่อปี 

ซึ่งปัจจุบันมีออเดอร์ผลิตรถโดยสารประจำทางพลังงานไฟฟ้า (รถเมล์อีวี) จำนวน 3,195 คัน และได้ส่งมอบไปแล้วกว่า 200 คัน โดยมีแผนจะเร่งกำลังการผลิตและส่งมอบรถเมล์อีวีอีก 1,250 คันภายในปีนี้ และจะทยอยส่งมอบส่วนที่เหลือให้ครบทั้งหมดภายในปี 2566 เพื่อให้ผู้ประกอบการที่ได้รับสัมปทานจากกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) นำรถมาบรรจุในเส้นทางให้บริการพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลภายใน 180 วันตามที่กำหนด

นอกจากนี้ ปัจจุบันบริษัทฯ ยังมีออเดอร์ผลิตรถโดยสารขนาดเล็ก (มินิบัส) ขนาด 7.3 เมตร จำนวน 20 ที่นั่ง ที่สั่งผลิตโดยรถร่วม บริษัท ขนส่ง จำกัด (รถร่วม บขส.) โดยเบื้องต้นจะส่งมอบล็อตแรกจำนวน 57 คัน ในวันที่ 19 ก.ย.นี้ เพื่อนำไปให้บริการเส้นทางระหว่างจังหวัด โดยเฉพาะเส้นทางในพื้นที่พัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เช่น กรุงเทพ-ศรีราชา, กรุงเทพ-ระยอง และกรุงเทพ-ชลบุรี เป็นต้น จากนั้นจะทยอยส่งมอบล็อตต่อไปอีกจำนวน 200 คันภายในปีนี้ และครบทั้งหมด 1,000 คันภายในปี 2566 

นายคณิสสร์ กล่าวอีกว่า บริษัทฯ ยังมีคำสั่งซื้อผลิตยานยนต์หัวลากไฟฟ้าเพื่อนำไปใช้ในการขนส่งสินค้าทดแทนรถบรรทุกที่ใช้น้ำมันดีเซล โดยในปี 2565 มีออเดอร์การผลิตจำนวน 250 คัน และในปี 2566 ตั้งเป้าจะผลิตจำนวน 6,000 คัน นอกจากนี้ ยังพบว่าในตลาดอุตสาหกรรม ปัจจุบันมีความต้องการปรับเปลี่ยนรถในองค์กรเป็นยานยนต์ไฟฟ้า ทำให้บริษัทฯ กำลังศึกษาโอกาสในการผลิตรถบัสไฟฟ้าสำหรับการท่องเที่ยว รวมถึงรถรับ-ส่งพนักงานในนิคมอุตสาหกรรม รถที่ใช้ราชการ อาทิ รถเก็บขยะ รวมไปถึงรถกระบะ 4 ประตู และ 2 ประตู ที่เตรียมเปิดตัวในปี 2566 

"ยานยนต์ไฟฟ้าภาคอุตสาหกรรมตอนนี้ ยังไม่มีคู่แข่ง บริษัทฯ ถือเป็นเบอร์ 1 และเราเห็นโอกาสทางการเติบโตอีกมาก แต่เราก็ไม่หยุดที่จะพัฒนา เรามีจุดแข็งคือนวัตกรรมที่คิดค้นขึ้น อาทิ การพัฒนาสถานีชาร์จ ให้สามารถใช้เวลาชาร์จสั้นลงเหลือประมาณ 15 นาที เพื่อลดระยะเวลาในการชาร์จให้กับลูกค้า" 

ทั้งนี้ บริษัทฯ คาดว่าในปีนี้ จะมีรายได้จากการผลิตรถประมาณ 8,500 ล้านบาท และคาดว่าในปี 2566 จะมีรายได้โตขึ้น 5 เท่า หรือมีรายได้ประมาณ 42,500 ล้านบาท อีกทั้งยังประเมินว่าการเติบโตในตลาดยานยนต์ไฟฟ้าภาคอุตสาหกรรมจะมีอย่างต่อเนื่อง จึงตั้งเป้าขยายกำลังการผลิต ร่วมทุนกับ EA ราว 6,000 ล้านบาท เพื่อสร้างโรงงานผลิตแห่งที่ 2 ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมบลูเทค บริเวณ อำเภอบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา ขนาดพื้นที่ 500 ไร่ คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในช่วงกลางปี 2566 แล้วเสร็จในปี 2568 เพิ่มกำลังการผลิตอยู่ที่ 50,000 คันต่อปี ซึ่งจะทำให้ในปี 2568 จะมีกำลังการผลิตรวมประมาณ 60,000 คันต่อปี