“พลังงาน” อัดเพิ่มอุ้ม “ค่าไฟ-แอลพีจี” ชง ครม.ช่วยกลุ่มเปราะบาง 8 พันล้าน

“พลังงาน” อัดเพิ่มอุ้ม “ค่าไฟ-แอลพีจี” ชง ครม.ช่วยกลุ่มเปราะบาง 8 พันล้าน

“พลังงาน” เพิ่มมาตรการดูแลค่าไฟฟ้า-ก๊าซ ต่อเวลาส่วนลดแอลพีจีบัตรสวัสดิการรัฐ 100 บาท 3 เดือน ของบกลาง 8,000 ล้าน อุ้มค่าไฟกลุ่มเปราะบางถึงสิ้นปี เดินหน้าขอคลังค้ำกู้ให้ กฟผ. 8.5 หมื่นล้าน หลังแบก Ft แสนล้าน ยื่น “ออมสิน-กรุงไทย” กู้ให้กองทุนน้ำมันหลังติดลบ 1.2 แสนล้าน

ถึงแม้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกช่วงที่ผ่านจะปรับลดลง แต่วิกฤติพลังงานยังคงส่งผลกระทบต่อไทย โดยเฉพาะการที่กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงยังติดลบถึง 120,000 ล้านบาท และต้นทุนเชื้อเพลิงสำหรับผลิตไฟฟ้าในไทยสูงขึ้นมีผลต่อการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) งวดเดือน ก.ย.-ธ.ค.2565 โดยต้องปรับขึ้นหน่วยละ 93.43 ส.ต. และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งการให้หามาตรการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางทันที

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เปิดเผยว่า กบง.ได้ติดตามสถานการณ์ราคาพลังงานและพิจารณามาตรการช่วยเหลือผู้ใช้ไฟฟ้าในกลุ่มเปราะบาง ดังนี้ 

1. กลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกินเดือนละ 300 หน่วย โดยการให้ส่วนลดค่าไฟฟ้าลงหน่วยละ 92.04 สตางค์ ตั้งแต่เดือน ก.ย.-ธ.ค.2565 (ส่วนลดจากการเพิ่มขึ้นค่า Ft เดือน พ.ค.-ส.ค.2565 จำนวนหน่วยละ 23.38 สตางค์ และส่วนลดจากการเพิ่มขึ้นของค่า Ft เดือน ก.ย.-ธ.ค.จำนวนหน่วยละ 68.66 สตางค์) 

“เดือน ก.ย.-ธ.ค.2565 กลุ่มแรกที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกินเดือนละ300 หน่วยจะจ่ายค่า Ft เท่ากับงวดเดือนม.ค.-เม.ย.2565 หรือจ่ายค่าไฟฟ้าราว3.78 บาทต่อหน่วย ถือว่าไม่ปรับเปลี่ยนอะไร"

2.กลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าที่ใช้ไฟฟ้าระหว่าง 301-500 หน่วยต่อเดือน โดยการให้ส่วนลดจากการเพิ่มขึ้นของค่า Ft เดือน ก.ย.-ธ.ค.2565 แบบขั้นบันไดในอัตรา 15-75% โดยหากใช้ไฟฟ้ามากก็จ่ายมากตามสัดส่วน หรือถ้าเกิน 500 หน่วยต่อเดือน จะต้องจ่ายอัตราหน่วยละ 4.72 บาท ตามการปรับขึ้นของ กกพ.

แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า การลดค่า Ft แบบขั้นบันไดในอัตรา 15-75% ต้องรอการพิจารณาจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติอีกครั้ง โดยแบ่งการลดค่า Ft แบบขั้นบันได ดังนี้

กลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าตั้งแต่เดือนละ 301-350 หน่วย ได้ส่วนลด 75% ของค่าเอฟที หรือได้รับส่วนลดหน่วยละ 51.50 สตางค์ มีผู้ใช้ไฟ 919,163 ราย

กลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าตั้งแต่เดือนละ 351-400 หน่วย ได้ส่วนลด 45% หรือได้รับส่วนลดหน่วยละ 30.90 สตางค์ มีผู้ใช้ไฟ 741,199 ราย 

กลุ่มผู้ใช้ไฟตั้งแต่เดือนละ 401-500 หน่วย ได้ส่วนลด 15% หรือได้รับส่วนลดหน่วยละ 10.30 สตางค์ มีผู้ใช้ไฟ 1.06 ล้านราย

นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า การดำเนินมาตรการตามแนวทางช่วยเหลือทั้ง 2 กลุ่ม เป็นผู้ใช้ไฟฟ้าในพื้นที่ของการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) จะครอบคลุมผู้ใช้ไฟฟ้า 80% ของผู้ใช้ไฟฟ้าทั่วประเทศ หรือคิดเป็น 89% ของผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัย 

นอกจากนี้จะดำเนินการให้ครอบคลุมบ้านที่อยู่อาศัยที่เป็นผู้ใช้ไฟฟ้ารายย่อยของ กฟผ.และผู้ใช้ไฟฟ้าของกิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ โดยคาดว่าจะใช้งบประมาณรวม 4 เดือนที่ 8,000 ล้านบาท โดยขณะนี้อยู่ระหว่างหารือเพื่อของบประมาณกลาง เพื่อเสนอขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในเดือน ส.ค. 2565

ราคก๊าซพุ่งดันต้นทุนผลิตไฟ

สำหรับค่า Ft ที่ขยับกำลังขึ้นกระทรวงพลังงานได้เห็นสัญญาณชัดเจนตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะจากปัจจัยก๊าซในอ่าวไทยลดลง และต้องนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ที่ตลาดโลกผันผวน ซึ่งหลังเกิดวิกฤติโควิด-19 มีราคาต่ำและไม่ลงทุนผลิตเพิ่ม แต่เมื่อโควิด-19 เริ่มคลี่คลายทำให้แย่งซื้อและทำให้ราคาสูงขึ้น จึงเกิดภาวะดีมานด์มากกว่าซัพพลาย 

นอกจากนี้สงครามรัสเซีย-ยูเครน ยังส่งผลให้ตลาดมีความผันผวน การคมนาคมเรือขนส่งยากลำบาก โดยรัสเซียตัดการส่งก๊าซไปยุโรป ดังนั้น กระทรวงพลังงานจึงใช้วิธีผสมผสานทั้งน้ำมันเตา น้ำมันดีเซลมาบรรเทาราคาให้เฉลี่ยและถูกที่สุด

“ปกติราคา LNG จะอยู่ที่ราว 13 ดอลลาร์ต่อล้านบีทียู แต่ขณะนี้ราคาตลาดจรนำเข้ามาอยู่ที่ 55 ดอลลาร์ต่อล้านบีทียู เราต้องนำเข้า 20-30% เมื่อราคาปรับสูงถึง 5 เท่า จะเท่ากับราคาเชื้อเพลิงต้องขยับมา 2 เท่าตัว อยากให้ทุกคนเข้าใจ บางครั้งคนที่อ้างว่าเป็นผู้แทนประชาชนพูดว่าสถานการณ์ตอนนี้ปกติ จริง ๆ แล้วไม่ใช่ ต้องดูด้วยว่าตอนนี้โควิดและวิกฤติก็ยังอยู่" 

สำหรับการเตรียมตัวรับมือราคาก๊าซที่สูงขึ้นนั้น การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ใช้ดีเซลผลิตไฟฟ้าขณะนี้ราวเดือนละ 100 กว่าล้านลิตร โดยเดือน ส.ค.2565 ใช้ดีเซลผลิตไฟฟ้าไปที่ 160 ล้านลิตร ส่วนเดือนเดือน ก.ย.2565 ได้เตรียมนำน้ำมันมาที่ 220 ล้านลิตร แม้ว่าดีเซลจะยังแพงแต่ยังถูกกว่า LNG

นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวถึงความคืบหน้าเงินกู้ 85,000 ล้านบาทของ กฟผ.เกิดจากการที่ กฟผ.ต้องแบกรับภาระค่า Ft แล้ว 100,000 ล้านบาท แต่ในทางบัญชีของ กฟผ.ไม่ขาดทุน ถือเป็นรายได้ค้างชำระที่ยังไม่ส่งมา ซึ่งส่งผลให้ระหว่างนี้จะต้องขอให้กระทรวงการคลังค้ำประกันการกู้เงินวงเงินโดยรวม 85,000 ล้านบาท เพื่อเสริมสภาพคล่องและลงทุนระหว่างที่ยังไม่มีการชำระเงินมาให้ กฟผ.

ขยายมาตรการอุ้ม“แอลพีจี”

นอกจากนี้ กบง.ได้พิจารณาขยายระยะเวลามาตรการบรรเทาผลกระทบด้านราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ตามที่รัฐบาลได้มีมาตรการบรรเทาผลกระทบด้านราคา LPG โดยมีโครงการยกระดับความช่วยเหลือส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มแก่ผู้มีรายได้น้อย ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจาก 45 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน เพิ่มขึ้นอีก 55 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน เป็น 100 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน ซึ่งเดิมมีกำหนดสิ้นสุดโครงการวันที่ 30 ก.ย.2565

ทั้งนี้ กบง.ได้ติดตามความคืบหน้าของโครงการพบว่า ตั้งแต่เดือน ก.ค.-14 ส.ค.2565 มีผู้ใช้สิทธิ์ 3.74 ล้านราย และจากราคา LPG ยังคงอยู่ในระดับที่สูง กบง.จึงมีมติเห็นชอบการขยายระยะเวลาโครงการยกระดับความช่วยเหลืออีก 3 เดือน โดยจะเริ่มกลางเดือน ต.ค-ธ.ค.2565 และมอบหมายให้กรมธุรกิจพลังงานนำเรื่องเสนอ ครม.ให้ความเห็นชอบและจัดทำคำขอรับงบประมาณเสนอสำนักงบประมาณ

เร่งแผนกู้อุ้มกองทุนน้ำมัน

สำหรับความคืบหน้าการกู้เงินของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) หลัง ครม.มีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังค้ำประกันการชำระหนี้ของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. .... และการกู้ยืมเงินของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง กรอบวงเงิน 1.5 แสนล้าน เป็นที่เรียบร้อย โดยขณะนี้อยู่ระหว่างนำเสนอสำนักคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณา ซึ่งการขออำนาจกระทรวงการคลังครั้งนี้ ส่วนหนึ่งเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับสถาบันทางการเงิน

“ตอนนี้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงติดลบแล้วกว่า 1.2 แสนล้านบาท เดิมกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงกู้เงินได้กว่า 90,000 ล้านบาท ซึ่งขณะนั้น กองทุนน้ำมันอยู่ภายใต้การบริหารงานส่วนราชการทำให้กระทรวงการคลังค้ำประกันให้ได้ และเมื่อเปลี่ยนกฎหมายเปลี่ยนเป็น พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2562 กระทรวงการคลังไม่ค้ำประกันให้ และผู้ค้ามาตรา 7 ขาดสภาพคล่องเพราะเงินที่ควรได้ก็ไม่ได้มาดำเนินธุรกิจจึงต้องกู้ต่อเพราะกระทบเป็นห่วงโซ่”

สำหรับความคืบหน้าในการขอกู้เงินนั้น อยู่ระหว่างเตรียมประชุมอนุกรรมการบริหารสภาพคล่องจะเร่งหารือแต่เบื้องต้น จะยื่นรายละเอียดให้กับธนาคารออมสินและธนาคารกรุงไทยก่อน ซึ่งเดิมได้หารือและดำเนินเรื่องเงินกู้กันมาตั้งแต่ต้น แต่คาดว่าจะได้ข้อสรุปในอีกไม่ช้า แต่การกู้เงินเบื้องต้นจะกู้ก่อนในกรอบเดิม 30,000 ล้านบาท