ธนารักษ์ล่าขบวนการปลอมแพรแถบ

ธนารักษ์ล่าขบวนการปลอมแพรแถบ

กรมธนารักษ์เตรียมดำเนินคดีขบวนการปลอมแพรแถบร.10 หลังพบมีผู้ผลิตและขายเหรียญดังกล่าวแก่ประชาชน ขณะที่ กรมฯยังมีเหรียญเพียงพอที่จะจำหน่ายจำนวน 2 แสนเหรียญ

นายอำนวย ปรีมนวงศ์ อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า กรมเตรียมดำเนินคดีอย่างจริงจังกับกลุ่มคนที่ผลิตและขายเหรียญที่ระลึกประดับแพรแถบปลอม โดยขณะนี้พบการปลอมแปลงเหรียญที่ระลึกประดับแพรแถบในโอกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 4 พฤษภาคม 2562 รัชกาลที่ 10 นำมาขายในราคา เหรียญละ 600-800 บาท ถูกกว่าเหรียญที่กรมธนารักษ์ขายในราคาเหรียญละ 1,600 บาท โดยเหรียญของจริงยังมีขายอยู่ที่กรมธนารักษ์

"การผลิตเหรียญแต่ละชนิดนั้นจะกฎหมายรองรับ ดังนั้น การไปปลอมแปลงถือเป็นการกระทำที่ไม่บังควร ผู้กระทำผิดจะมีโทษตามกฎหมายอาญา มาตรา250 โดยผู้ใดทำปลอมขึ้นซึ่งดวงตราแผ่นดิน รอยตราแผ่นดิน หรือพระปรมาภิไธย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่5-20ปี และปรับตั้งแต่1-4แสนบาท"

ทั้งนี้ เหรียญแพรแถบของจริงจะผลิตจากเหรียญเงินและใช้แพรแถบที่เป็นใหมแท้ ราคาที่กำหนดไว้ 1, 600 บาทเป็นราคาต้นทุนที่ไม่ได้บวกกำไรส่วนเหรียญปลอมแพรแถบจะทำมาจากริบบิ้น ตัวเหรียญน้ำหนักจะเบาลวดลายไม่คมชัด โดยมีการประกาศขายผ่านทางออนไลน์ ประชาชนบางส่วนที่ไปซื้อเปลี่ยนปลอม อาจไม่ทราบว่ายังมีเหรียญขายอยู่ เพราะจำสับสนกับกรณีเหรียญที่ระลึกและเหรียญกษาปณ์ในโอกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 4 พฤษภาคม 2562 ที่จะผลิตตามการสั่งจอง และขณะนี้ได้ปิดการสั่งจองไปแล้ว

“ไม่อยากให้ประชาชนไปสนับสนุนซื้อเหรียญปลอมโดยยืนยันว่าเหรียญแพรแถบมีเพียงพอกับความต้องการ จากแผนที่จะผลิตทั้งหมด 500,000 เหรียญ
ขณะนี้ผลิตไปแล้ว 300,000 เหรียญ ยังเหลือผลิตอีก 200,000 เหรียญ ส่วนที่เหลือสามารถทยอยผลิตได้ตามความต้องการไปจนกว่าจะครบยอดที่กำหนดไว้ โดยล่าสุดมีสต็อคที่ผลิตพร้อมขายกว่า 20,000เหรียญ”

เขากล่าวด้วยว่า กรมธนารักษ์เตรียมที่จะทำราคากลางเหรียญกษาปณ์และเหรียญที่ระลึกในโอกาสต่างๆเผยแพร่ทางเว็บไซต์เพื่อให้ประชาชนใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจซื้อเหรียญ โดยราคากลางดังกล่าวจะเป็นราคาที่มาจากการหารือระหว่างกรมธนารักษ์ ธนาคารแห่งประเทศไทย กรมศิลปากร ผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญด้านเหรียญ ซึ่งนอกจากราคาแล้วก็จะมีข้อมูลของเหรียญว่าผลิตปีไหนจำนวนเท่าใด หลังจากนั้นก็อยู่ที่ประชาชนจะตัดสินใจว่าจะซื้อเหรียญดังกล่าวในราคาเท่าใดเพราะในการซื้อเหรียญมีองค์ประกอบที่ต้องพิจารณาหลายเรื่องเช่นความสมบูรณ์ของเหรียญ ต้องการของตลาดเป็นต้น

“เหรียญแรกของไทยเกิดขึ้นตั้งแต่สมัยร.4 ส่วนสมัยร.9 มีเหรียญที่ผลิตมากที่สุดนับร้อยกว่ารุ่นและถือเป็นยุครุ่งเรืองของการผลิตเหรียญกษาปณ์และเหรียญที่ระลึก บางเหรียญที่ผลิตมาน้อยเป็นที่ต้องการของตลาดราคาก็พุ่งสูงดังนั้นราคากลางที่กำหนดขึ้นก็จะถือเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนที่สนใจในเรื่องเหรียญ”