กลยุทธ์การลงทุนรายสัปดาห์ ปรับฐานต่อจากปลายสัปดาห์ที่แล้ว ปัจจัยต่างประเทศเป็นลบ

กลยุทธ์การลงทุนรายสัปดาห์ ปรับฐานต่อจากปลายสัปดาห์ที่แล้ว ปัจจัยต่างประเทศเป็นลบ

คาดว่าตลาดจะย่อตัว ท่ามกลางสภาวะความเสี่ยงในตลาดการเงินโลกที่สูงขึ้น ในสัปดาห์ที่แล้ว (15-19 สิงหาคม) ตลาดหุ้นไทยขยับขึ้นได้เล็กน้อยตามที่เราคาดไว้

เนื่องจาก i) นักลงทุนคลายกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อของสหรัฐ และเริ่มมีความคาดหวังว่า Fed จะเริ่มชะลอการขึ้นดอกเบี้ยลงในเร็ว ๆ นี้ ii) การบริโภคภาคเอกชน และการท่องเที่ยวยังคงฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่า GDP ใน 2Q65 จะออกมาต่ำกว่า consensus และ iii) ผลประกอบการ 2Q65 ออกมาดี โดยกำไรยังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง YoY นำโดยกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี อย่างไรก็ตาม ภาวะตลาดกลับมาอ่อนแอลงอีกครั้งในช่วงปลายสัปดาห์จากการที่ดัชนี US dollar index ดีดตัวขึ้น กดดันสภาวะความเสี่ยงในตลาดเอเชีย ในขณะที่นักลงทุนบางรายลดสถานการณ์ลงทุนลงเพื่อติดตามพลวัตรของปัจจัยการเมืองไทย
 

สำหรับในสัปดาห์นี้ (22-26 สิงหาคม) เราเปลี่ยนท่าทีมาเป็นระมัดระวังกับแนวโน้มระยะสั้นของดัชนี SET เพราะปัจจัยมหภาคโลกชี้ว่าดัชนี US dollar index มีแนวโน้มจะขยับขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งโดยธรรมชาติแล้วเป็นลบต่อทิศทางตลาดหุ้นเอเชีย และตลาดหุ้นไทย เรามองว่าการที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดีดตัวขึ้น เป็นเพราะเศรษฐกิจยุโรปมีแนวโน้มอ่อนแอ โดยดัชนีเงินเฟ้อ PPI เดือนกรกฎาคมของเยอรมนีพุ่งสูงขึ้นถึงกว่า 30% YoY ในขณะที่ปริมาณก๊าซที่ส่งผ่านท่อ Nord Steam 1 จะลดลงเหลือศูนย์เป็นเวลาสองสามวันในช่วงปลายเดือนสิงหาคม ส่วนในด้านของปัจจัยภายในประเทศ นักลงทุนยังต้องติดตาม
สถานการณ์ทางการเมืองอย่างใกล้ชิดเพราะพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาจะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครบ 8 ปีในวันที่ 23 สิงหาคม (หากเริ่มนับตั้งแต่การดำรงตำแหน่งสมัยแรกหลังรัฐประหาร) ในขณะเดียวกัน เรายังคงมองบวกกับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในระยะกลางเนื่องจากเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศ EM มีแนวโน้มแข็งแกร่งกว่ากลุ่ม DM และแนวโน้มการดำเนินนโยบาย
การเงินแบบตึงตัวในระยะต่อไปไม่น่าจะรุนแรงเท่าเดิมแล้ว

 

 

 

 

ประเด็นสำคัญในสัปดาห์นี้ได้แก่สถานการณ์การเมืองไทย ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐเดือนกรกฎาคม และงาน symposium ที่ Jackson Hole

(0) ปัจจัยภายในประเทศ: นักลงทุนต้องติดตามตัวเลขการค้าต่างประเทศเดือนกรกฎาคม และคำตัดสินของศาลเกี่ยวกับวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของไทย กระทรวงพาณิชย์น่าจะประกาศตัวเลขการค้าต่างประเทศออกมาในวันที่ 24 สิงหาคม ซึ่งเราคาดว่าประเทศไทยน่าจะเกินดุลการค้ามากขึ้น เนื่องจากการนำเข้าชะลอตัวลง ในขณะเดียวกัน เรามองว่าปัจจัยในประเทศที่สำคัญที่สุดในสัปดาห์นี้ คือคำตัดสินของศาลในประเด็นการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแปดปีของพลเอกประยุทธ์เป็นไปตามกฎหมายหรือไม่

(0) ปัจจัยภายนอก: ปัจจัยสำคัญในสัปดาห์นี้ได้แก่ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ และงาน symposium ที่ Jackson Hole โดยตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐที่จะประกาศในสัปดาห์นี้ได้แก่ i) S&P Global flash PMI เดือนสิงหาคมในวันที่ 23 สิงหาคมii) คำสั่งซื้อสินค้าคงทน (Durable goods order) เดือนกรกฎาคม และ ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (Pending home sales) ในวันที่ 24 สิงหาคม และ iii) ดัชนีเงินเฟ้อ PCE เดือนกรกฎาคม ในวันที่ 26 สิงหาคม ในขณะเดียวกัน การจัดประชุม symposium ประจำปีของ Fed ที่ Jackson Hole ในวันที่ 25-27 สิงหาคมอาจจะมีการส่งสัญญาณเกี่ยวกับแนวโน้มนโยบายการเงินของสหรัฐในระยะต่อไปออกมาก็ได้

 

 

 

 

เปลี่ยนท่าทีมาเป็น defensive มากขึ้นในระยะสั้น เตรียมพร้อมช้อนซื้อหุ้นเมื่อตลาดย่อตัวลง

ถ้าเรามองถูกว่าตลาดในสัปดาห์นี้จะยังอยู่ในโหมด risk-off ก็อาจจะเป็นโอกาสให้ลดพอร์ตบ้าง แต่อย่างไรก็ตาม เราแนะนำให้นักลงทุนเตรียมพร้อมช้อนซื้อหุ้นเมื่อตลาดย่อตัวลง เพราะเราเชื่อว่าการที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และเงินบาทอ่อนค่าลงจะเป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้น เรายังคงชอบหุ้นกลุ่มธนาคาร (KBANK*) กลุ่มท่องเที่ยวและหุ้นในธีมการเปิดประเทศ (AOT*, BEM*, MAJOR*) กลุ่มอาหาร (CPF*, TFG*) และกลุ่มโรงพยาบาลที่โยงกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ (BDMS*, BH*)