กลยุทธ์การลงทุน ผลประกอบการไตรมาส 2/65 เติบโตแรงจากกลุ่มน้ำมันเป็นสำคัญ

กลยุทธ์การลงทุน ผลประกอบการไตรมาส 2/65 เติบโตแรงจากกลุ่มน้ำมันเป็นสำคัญ

กำไรสุทธิรวมของหุ้นใน universe ของ KGI อยู่ที่ 2.755 แสนล้านบาท (+38% YoY, +29% QoQ) ซึ่งเมื่อเทียบกับ Bloomberg consensus แล้ว กำไรสุทธิดีกว่าประมาณการ 9%

โดยผลประกอบการที่แข็งแกร่งเป็นเพราะกำไรของกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีโตอย่างโดดเด่น เพราะได้อานิสงส์จากราคาน้ำมัน และค่าการกลั่นที่พุ่งสูง แต่หากไม่รวมสองกลุ่มดังกล่าว กำไรสุทธิรวมใน 2Q65 จะเพิ่มขึ้นเพียง 3% YoY และ 3% QoQ เท่านั้น โดยกำไรสุทธิรวมในงวด 1H65 ของหุ้นที่เราศึกษาอยู่ทั้งหมดคิดเป็น 52% ของประมาณการกำไรเต็มปีของเรา ในขณะเดียวกัน มี 43% ที่ผลประกอบการ 2Q65 ออกมาดีเกินคาด 30% เป็นไปตามคาด และอีก 27% ต่ำกว่าที่คาด

 

ธนาคาร, โรงพยาบาล และพลังงานเป็นกลุ่มหลักที่ทำให้กำไรดีเกินคาด ในขณะที่กำไรของกลุ่มไฟแนนซ์, ขนส่ง และรับเหมาก่อสร้างอ่อนแอกว่าที่คาดไว้

ดังที่แสดงใน figure 3 กลุ่มธนาคาร, โรงพยาบาล และพลังงงาน เป็นสามกลุ่มหลักที่หุ้นในกลุ่มมีผลประกอบการดีเกินคาดคิดเป็น % แล้วสูงที่สุดในตลาดหุ้นไทย ซึ่งเป็นเหตุให้แนวโน้ม EPS ของตลาดโดยรวมฟื้นตัวได้ดี เพราะกำไรของหุ้นกลุ่มดังกล่าวมีน้ำหนักกับตลาดค่อนข้างมาก โดยในประมาณการกำไรปี 2565 ของเรา กำไรของกลุ่มธนาคาร และ พลังงาน (รวมปิโตรเคมีด้วย) คิดเป็นสัดส่วนถึง 60% ของกำไรรวมทั้งตลาด แต่เราคาดว่าสัดส่วนนี้จะลดลงเหลือ 52% ในปี 2566 ส่วนในอีกด้านหนึ่ง ผลประกอบการ 2Q65 ของหุ้นกลุ่มไฟแนนซ์ประเภท non-bank, ขนส่ง และรับเหมาก่อสร้างออกมาอ่อนแอกว่าที่เราคาดไว้

กลยุทธ์การลงทุน ผลประกอบการไตรมาส 2/65 เติบโตแรงจากกลุ่มน้ำมันเป็นสำคัญ

 

การปรับเพิ่มประมาณการ EPS ปี 2565 ในช่วงที่ผ่านมาสะท้อนถึงราคานํ้ามันดิบ และสินค้าโภคภัณฑ์ที่สูงขึ้น ในขณะที่คาดว่าโมเมนตัมของการปรับ EPS บจ. ไทยน่าจะทรงๆ ตัว

ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา เราได้ปรับเพิ่มประมาณการ EPS ปี 2565 ขึ้นจากเดิม 3.7% ในขณะที่ consensus ปรับเพิ่มประมาณการ EPS ขึ้นอีก 4.5% ดังแสดงใน figure 4 อย่างไรก็ตาม การปรับเพิ่มประมารการดังกล่าวน่าจะสะท้อนตัวเลขที่ดีของกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับสินค้าโภคภัณฑ์ไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับในระยะต่อไป เราคาดว่าโมเมนตัมของการปรับ EPS น่าจะนิ่งขึ้น เพราะราคาน้ำมันดิบผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว ในขณะที่เศรษฐกิจในประเทศยังเดินหน้าขยายตัวในระดับปานกลางใน 2H65 ดังนั้น เราจึงประเมินว่าจะมีการปรับ EPS (ขึ้นหรือลง) อีกเพียงเล็กน้อยเท่านั้นในช่วงที่เหลือของปี 2565

กลยุทธ์การลงทุน ผลประกอบการไตรมาส 2/65 เติบโตแรงจากกลุ่มน้ำมันเป็นสำคัญ

 

กลยุทธ์ใน 3Q65 ยังเกาะกับธีมเงินทุนไหลเข้า โดยเน้นหุ้นใหญ่ที่อิงกับภาวะเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว

ในช่วงหลัง ๆ มานี้ เราพบว่ามีสัญญาณชัดเจนขึ้นว่าอัตราเงินเฟ้อโลกได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว และการขึ้นดอกเบี้ยอาจจะชะลอลง ซึ่งน่าจะทำให้ค่าเงิน USD อ่อนค่าลง เราคิดว่าปัจจัยเหล่านี้จะทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นไปอีก และจะมีเงินทุนไหลเข้ามาอีกในช่วงที่เหลือของปีนี้ ดังนั้น เราจึงยังคงเน้นหุ้นขนาดใหญ่ที่อิงกับภาวะเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวเป็นหลัก เราชอบหุ้นกลุ่มธนาคารใหญ่, ขนส่ง, โรงแรม, อสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ และหุ้นบางตัวในกลุ่มโรงพยาบาล ได้แก่ KBANK*, AOT*, BEM*, MINT*, CPN*, CRC* และ BDMS* ทั้งนี้ เมื่ออิงตามประมาณการ EPS ปี 2565 ล่าสุดที่ 114.6 และ PE เป้าหมายที่ 15.5x ทำให้เราได้เป้าดัชนี SET ปี 2565 ที่ 1,776 ซึ่งยังเหลือ upside จากระดับปัจจุบันอีก 9%