Sideways Up เก็งกำไร SC BBL CPF (10 ส.ค. 2565)

Sideways Up เก็งกำไร SC BBL CPF (10 ส.ค. 2565)

คาดดัชนีฯ Sideways Up แนวต้าน 1,630 / 1,640 จุด แนวรับ 1,611 / 1,600 จุด แนะนำ เก็งกำไร SC BBL CPF ทางเทคนิค ดัชนีฯ มีแนวโน้มแกว่งตัวขึ้นไปปิด GAP ที่ 1,630 จุด ซึ่งเปิดไว้เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. หลังจากวานนี้สามารถทะลุแนวต้านสำคัญ 1,611 จุด (EMA 200 วัน) ขึ้นมาได้

โมเมนตัมเชิงบวก คือ แรงซื้อต่อเนื่องของนักลงทุนต่างชาติ บนคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังมีสัญญาณฟื้นตัวดีต่อเนื่อง อิงจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติอาจสูงถึง 9-10 ล้านคน จากเดิม 5-6 ล้านคน ส่วนไฮไลท์สำคัญอื่น ๆ คือ ตัวเลขเงินเฟ้อเดือน ก.ค. ของสหรัฐฯ (คาด Peak Out) และจีน, การประชุมกนง. (ตลาดคาดปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเพียง 0.25% สู่ระดับ 0.75% ในการประชุมบ่ายวันนี้ และส่งสัญญาณไม่เร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง) และรายงานกำไรของบจ. ไทย

 

กลยุทธ์ลงทุน แนะนำ

+ KTX Portfolio: พอร์ต Big Cap แนะนำ GULF CRC AWC TCAP JMT CENTEL BH BEM AOT KKP CPN MINT KTB BDMS MAJOR (ซื้อ EA) พอร์ต Mid-Small Cap แนะนำ AH AJ DOD KSL NYT RS SYNEX TWPC SAT TMT WICE PORT TK (ขาย SFT ซื้อ SYNEX)

+ หุ้นที่เคยได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นของยิลด์พันธบัตร: MTC SINGER THANI TIDLOR

+ หุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ: SINGER SAWAD JMT CBG OSP

+ กลุ่มโรงไฟฟ้าได้ประโยชน์จากการปรับขึ้นค่า FT และราคาน้ำมันที่ลดลง: BGRIM GPSC GULF

+ Daily Recommendations: SC (Consensus คาดกำไรเติบโตทั้ง YoY และ QoQ) BBL (คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของกนง.) CPF (ราคาหมูทั้งในและต่างประเทศยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง)

 

ปัจจัยบวก

+ Thailand: ผลประชุมกนง. วันนี้ คาดว่าที่ประชุมกนง. จะไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายตามกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว หลังจากเงินเฟ้อเดือน ก.ค. ลดลงจาก 7.66% YoY สู่ระดับ 7.61% YoY โดยตลาดคาดว่ากนง. จะมีมติปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เท่านั้น ส่งผลบวกต่อหุ้นกลุ่มธนาคารใหญ่ที่มีสภาพคล่องสูง BBL SCB แต่เป็นลบต่อหุ้นกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เงินทุนและหลักทรัพย์ หากธนาคารพาณิชย์ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในทิศทางเดียวกัน

 

+ Fund Flow: นักลงทุนต่างชาติวานนี้ ยังคงซื้อสุทธืในตลาดหุ้นไทย +3,187.23 ล้านบาท และเปิดสถานะ Long สุทธิ ในตลาด TFEX สูงถึง +30,210 สัญญา (สะสมตั้งแต่วันที่ 18 ก.ค. จนถึงปัจจุบัน พบว่า เปิด Long สะสมแล้วสูงถึง 166,916 สัญญา)

 

ปัจจัยลบ

- USA: ตลาดรอตัวเลขเงินเฟ้อเดือน ก.ค. ของสหรัฐฯ ซึ่งหากออกมาสูงกว่าที่คาด +8.8% YoY (Vs เดือน มิ.ย. +9.1% YoY) จะทำให้เฟดมีโอกาสเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อสกัดเงินเฟ้อ ทำให้นักลงทุนบางส่วนมีแนวโน้มขายทำกำไรหรืออยู่นอกตลาด เพื่อรอความชัดเจน

 

ประเด็นสำคัญ

- 2Q22E Earnings Results: AWC BJC CPALL IVL KEX PTTGC QH SC และ SINGER

- China: เงินเฟ้อเดือน ก.ค. คาดเติบโต +2.9% YoY (Vs เดือน มิ.ย. +2.5% YoY)

- USA: เงินเฟ้อเดือน ก.ค. คาดขยายตัวลดลงเป็น +8.8% YoY และ +0.5% MoM (Vs เดือน มิ.ย. +9.1% YoY และ +0.7% MoM)

- USA: สต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ คาดลดลง -4 แสนบาร์เรล (Vs สัปดาห์ก่อน +4.46 ล้านบาร์เรล)

 

Global Market Summary: วันทำการที่ผ่านมา

+ ตลาดหุ้นไทยปิดบวกต่อเนื่อง: ดัชนีฯ ปรับตัวสูงขึ้นตั้งแต่เปิดทำการ และแกว่งตัวในแดนบวกได้ตลอดทั้งวัน ก่อนปิดตลาดที่ 1,618.80 จุด +9.93 จุด วอลุ่มซื้อขาย 5.7 หมื่นล้านบาท นำบวกโดยกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ +4.75 กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม +0.82% กลุ่มธนาคาร +0.64% กลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภค +0.24% หุ้นบวก >4% DELTA TSR CKP KWI JDF ATP30 TRV TNITY IIG EFORL TPS FSS หุ้นลบ >4% JTS CPH NCAP MSC SCM SPACK MICRO D TVDH ASN CPL

 

+/- หุ้นสหรัฐฯ ปิดลบ ส่วนยุโรปปิดผสมผสาน: DJIA -0.18% S&P500 -0.42% NASDAQ -1.19% ท่ามกลางการแกว่งตัวในกรอบแคบ ๆ เพื่อรอลุ้นรายงาน เงินเฟ้อเดือน ก.ค. ที่จะประกาศวันพุธนี้ และนำลงโดยกลุ่มเทคฯ หลัง Micron Technology -3.7% ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการ ส่งผลลบต่อหุ้นกลุ่มบริษัทผลิตชิปรายอื่น ๆ เช่น NVIDIA -3.9% AMD -4.5% ส่วนตลาดหุ้นยุโรปปิดคละ CAC40 -0.53% DAX -1.12% FTSE +0.08% จากแรงขายลดความเสี่ยงก่อนรายงานตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ วันพุธนี้ นำลงโดยหุ้นกลุ่มอิงเศรษฐกิจ เช่น กลุ่มรถยนต์ กลุ่มเหมืองแร่

+/- ราคาน้ำมันดิบปิดลบ ส่วนทองคำปิดบวก: WTI -26 เซนต์ ปิดที่ USD90.50/บาร์เรล Brent -34 เซนต์ ปิดที่ USD96.31/บาร์เรล แม้ราคาน้ำมันดิบจะปรับขึ้นแรงในช่วงแรกของการซื้อขาย หลังยูเครนระงับการส่งน้ำมันของรัสเซียไปยังยุโรปตะวันออก เนื่องจากไม่ได้รับเงินค่าธรรมเนียมขนส่งน้ำมันจากรัสเซีย แต่อ่อนตัวลงในเวลาต่อมา หลังมีรายงานว่าอิหร่านอาจกลับมาส่งออกน้ำมันได้ 1-1.5 ล้านบาร์เรล ภายในเวลา 6 เดือนข้างหน้า หากอิหร่านและชาติมหาอำนาจตะวันตกบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์ที่ EU ได้จัดทำร่างข้อเสนอฉบับสุดท้ายในการรื้อฟื้นข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2015 โดยคาดว่าทั้ง 2 ฝ่าย จะทำการตัดสินใจ ครั้งสุดท้ายได้ภายในไม่กี่สัปดาห์ ส่วนราคาทองคำ +USD7.10 ปิดที่ USD1,812.30/ออนซ์ ปิดสูงสุดในรอบ 6 สัปดาห์ โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของเงิน USD และแรงซื้อทองคำในฐานะที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย

 

ประเด็นสำคัญ

+ USA: มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส และฟิทช์ เรทติ้งส์ คาดการณ์ว่าร่างกฎหมายว่าด้วยการปรับลดเงินเฟ้อ (Inflation Reduction Act) ที่เพิ่งผ่าน ความเห็นชอบจากวุฒิสภาสหรัฐฯ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (7 ส.ค.) ซึ่งมีเป้าหมายที่จะต่อสู้กับภาวะโลกร้อน, ปรับลดราคายา และปรับขึ้นภาษีเงินได้นิติบุคคลบางประเภทนั้น จะทำให้อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ปรับตัวลงในระยะกลางจนถึงระยะยาว และจะช่วยลดการขาดดุลของสหรัฐฯ ด้วย

+ China: สำนักข่าวบลูมเบิร์ก ออกบทวิเคราะห์โดยระบุว่า ในช่วงไม่กี่วันมานี้กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน (PLA) พยายามสร้างภาวะ "นิวนอร์มัล" (New Normal) ให้แก่ไต้หวัน ภายหลังจากที่นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เดินทางเยือนไต้หวัน ด้วยการจัดซ้อมรบในรูปแบบต่าง ๆ รวมถึงการรุกล้ำเส้นกึ่งกลางของช่องแคบไต้หวันหลายครั้งและการซ้อมยิงขีปนาวุธข่มขู่ จนทำให้พื้นที่กันชนระหว่างสองดินแดนแห่งนี้ที่ช่วยรักษาสันติภาพมาหลายทศวรรษต้องหดตัวลง

- Ukrain: ทรานสเนฟท์ (Transneft) ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันของรัสเซีย เปิดเผยว่า ยูเครนได้ระงับการส่งน้ำมันของรัสเซียไปยังยุโรปตะวันออกผ่านท่อส่งทางตอนใต้ของประเทศ เนื่องจากยูเครนยังไม่ได้รับค่าธรรมเนียมการขนส่งน้ำมันเป็นเวลาเกือบ 1 สัปดาห์ โดยมีสาเหตุจากมาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตก ทั้งนี้ ยูเครนได้ระงับการส่งน้ำมันของรัสเซียผ่านท่อส่ง Druzhba ซึ่งมีการขนส่งน้ำมัน 250,000 บาร์เรล/วัน ส่งผลให้ฮังการี สาธารณรัฐเชก และสโลวาเกียไม่ได้รับน้ำมันดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 4 ส.ค. เนื่องจากรัสเซียไม่สามารถจ่ายค่าธรรมเนียมขนส่งน้ำมันให้แก่ยูเครน โดยถูกสกัดกั้นจากมาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตก

แนะนำาTrading Buy (โดยมีจุดขายตัดขาดทุน 3%)

หุ้นแนะนำรายสัปดาห์: BEM MAJOR ADVANC

หุ้นแนะนำเก็งกำไร: SC BBL CPF

Derivatives: แนะ Wait&see หลังปิด Long ทำกำไรไปแล้ว