‘แอสคอทท์’ เชนสิงคโปร์ เบลนด์สูตรโตในไทย ชูทุกแบรนด์เป็นได้ทั้งโรงแรมและเรสซิเดนส์

‘แอสคอทท์’ เชนสิงคโปร์ เบลนด์สูตรโตในไทย  ชูทุกแบรนด์เป็นได้ทั้งโรงแรมและเรสซิเดนส์

นับตั้งแต่ “แอสคอทท์” (Ascott) ธุรกิจเชนโรงแรมที่พักสัญชาติสิงคโปร์ บริษัทลูกในเครือ “CapitaLand Investment” เข้ามาปักธงธุรกิจเซอร์วิสเรสซิเดนส์ในประเทศไทยเมื่อกว่า 20 ปีก่อน และได้ขยายพอร์ตโฟลิโออย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันเครือแอสคอทท์มีโครงการหลากหลายแบรนด์ที่เปิดให้บริการในไทยทั้งหมด 26 โครงการ ครอบคลุมทั้งกรุงเทพฯ พัทยา ศรีราชา และในลาว 1 โครงการ คิดเป็นจำนวนห้องพัก 5,510 ห้อง ส่วนที่อยู่ระหว่างการพัฒนาอีก 4 โครงการ คิดเป็นห้องพัก 1,678 ห้อง รวม 31 โครงการจาก 7 แบรนด์ในเครือ

KEY

POINTS

  • นับตั้งแต่ “แอสคอทท์” (Ascott) ธุรกิจเชนโรงแรมที่พักสัญชาติสิงคโปร์ บริษัทลูกในเครือ “CapitaLand Investment” เข้ามาปักธงธุรกิจเซอร์วิสเรสซิเดนส์ในประเทศไทยเมื่อกว่า 20 ปีก่อน และได้ขยายพอร์ตโฟลิโออย่างต่อเนื่อง
  • ปัจจุบันเครือแอสคอทท์มีโครงการหลากหลายแบรนด์ที่เปิดให้บริการในไทยทั้งหมด 26 โครงการ ครอบคลุมทั้งกรุงเทพฯ พัทยา ศรีราชา และในลาว 1 โครงการ คิดเป็นจำนวนห้องพัก 5,510 ห้อง
  • ส่วนที่อยู่ระหว่างการพัฒนาอีก 4 โครงการ คิดเป็นห้องพัก 1,678 ห้อง รวม 31 โครงการจาก 7 แบรนด์ในเครือ

จากฟุตปรินต์โรงแรมที่พักทั้งหมดของเครือแอสคอทท์มากกว่า 1,000 แห่งทั่วโลก ครอบคลุมกว่า 230 เมืองในกว่า 40 ประเทศแถบเอเชียแปซิฟิก เอเชียกลาง ยุโรป ตะวันออกกลาง แอฟริกา และสหรัฐ นำโดยแบรนด์ดังอย่าง แอสคอทท์ โอ๊ควูด และซัมเมอร์เซ็ท

คณิต แสงมุกดา ผู้จัดการทั่วไปประจำประเทศไทยและลาว แอสคอทท์ เล่าว่า “ประเทศไทยยังคงเป็นหนึ่งในตลาดสำคัญและเป็นศูนย์กลางการเติบโตหลักในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของแอสคอทท์ เราอยากเติบโตแบบก้าวกระโดด แม้ในช่วงนี้เศรษฐกิจจะลุ่มๆ ดอนๆ แต่ก็ยังเห็นศักยภาพในการลงทุนขยายธุรกิจโรงแรมที่พักในไทย”

“แอสคอทท์” มุ่งเน้นกลยุทธ์หลัก 3 ด้านเพื่อการเติบโตในระยะยาว ได้แก่

1.กลยุทธ์ Asset-Light ซึ่งเน้นการเติบโตผ่านสัญญารับจ้างบริหาร (Management Agreement) และระบบแฟรนไชส์ (Franchise Agreement) โดยจับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจท้องถิ่น เพื่อให้ได้รับประโยชน์จากเครือข่ายการขาย การตลาด และระบบบริหารจัดการมาตรฐานสากลของแอสคอทท์

“ในอนาคตเราจะรุกขยายโมเดลแฟรนไชส์มากขึ้น หลังพบว่าในไทยมีเจ้าของทรัพย์สินหลายคนมีประสบการณ์บริหารโรงแรม แต่ต้องการนำแบรนด์ในเครือแอสคอทท์และระบบแฟรนไชส์มาใช้ จึงเป็นโมเดลที่มีโอกาสโตสูง โดยปัจจุบันมีแล้ว 1 แห่งคือ โอ๊ควูด เรสซิเดนซ์ สุขุมวิท 24”

ส่วนการรับจ้างบริหาร จะเปิดโรงแรมโอ๊ควูดแห่งใหม่ใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เป็นรีสอร์ตตึกใหม่ในเมือง เน้นเจาะตลาดนักท่องเที่ยวมาเลเซียและชาวไทยที่นิยมเดินทางทำธุรกิจในหาดใหญ่ ตั้งเป้าเปิดช่วงกลางปี 2569

ขณะที่ “แบรนเด็ด เรสซิเดนส์” (Branded Residences) เป็นอีกโมเดลที่จะช่วยสร้างการเติบโต เตรียมเปิดโครงการ “แอสคอทท์ อะโบฟ ป่าตอง ภูเก็ต” ในช่วงไตรมาส 2 ปี 2570 มีจำนวนห้องพักรวม 482 ห้อง แบ่งเป็นส่วนของรีสอร์ตกว่า 200 ห้องพัก และส่วนของเรสซิเดนส์อีกกว่า 200 ยูนิต นับเป็นก้าวสำคัญในการเปิดตัวรีสอร์ตและเรสซิเดนส์ภายใต้แบรนด์แอสคอทท์ครั้งแรกใน “ภูเก็ต” หวังให้เป็นหัวหอกขยายธุรกิจสู่จุดหมายปลายทางท่องเที่ยวเพื่อการพักผ่อน

‘แอสคอทท์’ เชนสิงคโปร์ เบลนด์สูตรโตในไทย  ชูทุกแบรนด์เป็นได้ทั้งโรงแรมและเรสซิเดนส์

2.กลยุทธ์ที่พักหลากหลายรูปแบบ (Multi-Typology) โดยพอร์ตโฟลิโอของแอสคอทท์ได้ขยายจากเซอร์วิสเรสซิเดนซ์ ไปสู่โรงแรม รีสอร์ต โค-ลิฟวิ่ง และแบรนเด็ดเรสซิเดนซ์ ภายใต้แบรนด์ที่หลากหลายและโมเดลการบริการไฮบริด ช่วยให้การบริหารจัดการตอบโจทย์ทั้งลูกค้าพักระยะสั้นและระยะยาวภายใต้ระบบการดำเนินงานเดียวกัน กลยุทธ์นี้ช่วยให้แอสคอทท์สามารถตอบสนองความต้องการของนักเดินทางในทุกเซ็กเมนต์ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มนักธุรกิจและนักท่องเที่ยวทั่วไป กลุ่มเข้าพักระยะยาว กลุ่มคนทำงานอิสระหรือฟรีแลนซ์ที่สามารถทำงานจากที่ใดก็ได้ (Digital Nomads) และครอบครัว

‘แอสคอทท์’ เชนสิงคโปร์ เบลนด์สูตรโตในไทย  ชูทุกแบรนด์เป็นได้ทั้งโรงแรมและเรสซิเดนส์

และ 3.การหาพันธมิตรขยายพอร์ตโฟลิโอ สู่เมืองท่องเที่ยวหลักอย่างพัทยา ภูเก็ต และหัวหิน เพื่อตอบรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นในตลาดการท่องเที่ยวเพื่อการพักผ่อน และสร้างสมดุลระหว่างตลาดธุรกิจ (Business) และตลาดนักท่องเที่ยวทั่วไป (Leisure) ซึ่งจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งและการเติบโตระยะยาว

“เครือแอสคอทท์อยากจะเคลียร์วิชั่นให้ชัดว่าทุกแบรนด์ในเครือ สามารถเป็นได้ทั้งโรงแรม รีสอร์ต และเรสซิเดนส์”

‘แอสคอทท์’ เชนสิงคโปร์ เบลนด์สูตรโตในไทย  ชูทุกแบรนด์เป็นได้ทั้งโรงแรมและเรสซิเดนส์ คณิต แสงมุกดา

 

คณิต กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับ “เป้าหมายรายได้” ของเครือแอสคอทท์ในไทยปี 2569 ตั้งเป้าเติบโต 7% เทียบกับปี 2568 หวังทำรายได้กลับไปเท่าปี 2567 ซึ่งเป็นปีที่มีผลการดำเนินงานดีสุด ดีกว่ายุคก่อนโควิดระบาด ด้วยอัตราการเข้าพักกว่า 80%

ขณะที่แนวโน้มปี 2568 คาดว่ารายได้จะลดลง 7% เป็นอัตราใกล้เคียงกับภาพรวมตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยที่ปัจจุบันติดลบ 7.5% ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ แม้นักท่องเที่ยวกลุ่ม Leisure จะลดลง แต่ก็ถือว่าไม่ได้แย่มากเพราะยังได้การเติบโตของนักเดินทางเพื่อธุรกิจ และมี “กลุ่มเข้าพักระยะยาว” ซึ่งเป็นฐานตลาดสำคัญของเครือแอสคอทท์มาตลอด ครองสัดส่วนเฉลี่ยที่ 20-30% ของการเข้าพักทั้งหมด บางแห่งสูงถึง 40-50% โดยปัจจุบันเครือแอสคอทท์มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยในระดับแข็งแกร่ง ได้แก่ กรุงเทพฯ 68% ศรีราชากับพัทยา 70% และเวียงจันทน์ 80%

“แม้ปี 2568 จะเป็นอีกหนึ่งปีที่เต็มไปด้วยความท้าทายในกลุ่มนักท่องเที่ยวทั่วไป แต่แอสคอทท์ยังคงเห็นตลาดลูกค้าองค์กรที่เข้าพักแบบทั้งระยะสั้นและยาวเติบโตอย่างต่อเนื่องแบบปีต่อปีจากหลายประเทศ เช่น ไทย ญี่ปุ่น จีน ไต้หวัน สหรัฐ และเกาหลี แม้จะมีการชะลอตัวจากตลาดนักท่องเที่ยวจีน แต่สามารถชดเชยได้ด้วยการเติบโตจากตลาดอื่นๆ ในเอเชีย สหรัฐ ยุโรป และตะวันออกกลาง สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของฐานลูกค้าที่กว้างขวางและไม่พึ่งพาตลาดใดตลาดหนึ่งเพียงอย่างเดียว”

‘แอสคอทท์’ เชนสิงคโปร์ เบลนด์สูตรโตในไทย  ชูทุกแบรนด์เป็นได้ทั้งโรงแรมและเรสซิเดนส์

‘แอสคอทท์’ เชนสิงคโปร์ เบลนด์สูตรโตในไทย  ชูทุกแบรนด์เป็นได้ทั้งโรงแรมและเรสซิเดนส์