18 ปีที่รอคอย ‘ไทยเบฟ’ ขึ้นเบอร์ 1 เบียร์ 8 เดือนแล้ว ย้ำยักษ์ใหญ่ตลาดอาเซียน

18 ปีที่รอคอย ‘ไทยเบฟ’ ขึ้นเบอร์ 1 เบียร์ 8 เดือนแล้ว ย้ำยักษ์ใหญ่ตลาดอาเซียน

8 เดือนที่ไทยเบฟ นำพาธุรกิจเบียร์ขึ้นบัลลังก์เบอร์ 1 หลังจากแข่งในเกมธุรกิจและรอคอยยาวนาน 18 ปี กลับมาเกณฑ์แชร์ 40% ทิ้งห่างคู่แข่ง 2% ย้ำกำลังผลิตใหญ่สุดในอาเซียน

บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด(มหาชน) มีเป้าหมายใหญ่ หรือ PASSION 2030 ภายใต้การนำทัพของ “ฐาปน สิริวัฒนภักดี” คือการรักษาบัลลังก์ผู้นำเครื่องดื่มอาเซียนที่มีการเติบโตมั่นคงและยั่งยืน จากเสาหลักธุรกิจทั้งสุรา เบียร์ เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ และอาหาร

เสาหลักเหล้าแกร่งมาก และทำกำไรสูงสุดของกลุ่ม โดยผลงาน 6 เดือนแรกของปี 68(ปีงบประมาณ ต.ค.67-ก.ย.68) มีสัดส่วน 65.3% เบียร์ 17.7% เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ 17.5% และอาหาร 0.7%

เมื่อทุกเสาหลักต้องสร้างการเติบโตควบคู่กัน กลุ่มเบียร์ ปี 2568 ไม่เพียงมีความเคลื่อนไหวสำคัญ แต่ยังสร้างผลงานโดดเด่น โดยเฉพาะการกลับมาเป็น “ผู้นำ” ตลาดเบียร์อีกครั้ง หลังการต่อสู้ยาวนาน 18 ปี

ในงานแถลงแผนประจำปี 2569 ของกลุ่มไทยเบฟ ผู้บริหารกลุ่มเบียร์ยกทัพมาให้ข้อมูลกันพร้อมหน้าพร้อมตาทุกตลาดทั้งไทย เวียดนาม เมียนมา และกัมพูชา

18 ปีที่รอคอย ‘ไทยเบฟ’ ขึ้นเบอร์ 1 เบียร์ 8 เดือนแล้ว ย้ำยักษ์ใหญ่ตลาดอาเซียน

โก๊ะ โป๊ะ เตียง ประธาน กลุ่มเบียร์ ภายใต้เบียร์โค ลิมิเต็ด ที่สรุปการขับเคลื่อนธุรกิจเป็นคนสุดท้าย แต่เป็นวาทกรรมและแนวคิดที่น่าสนใจ ให้มุมมองการทำธุรกิจเบียร์ หลังมีผู้เล่นหน้าใหม่มีการผนึกพันธมิตรเพื่อรุกตลาด(FYI:คาราบาว ชิงเต่า) มิติการแข่งขันทางธุรกิจถือเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดเวลา ทว่า การทำธุรกิจเป็นการเล่นเกมระยะยาว เมื่อดูแบรนด์ในพอร์ตโฟลิโอที่มีของเบียร์ในไทย เวียดนาม เมียนมา มีความแข็งแกร่งมาก จึงเชื่อมั่นในการผลักดันการเติบโต

แข่งขันมีทุกวัน แต่ธุรกิจคือเกมระยะยาว

ยิ่งมองดูผลงานปี 2568 ทีมงานสามารถสร้างการเติบโตอย่างน่าพอใจ เพราะขยายตัวกว่าปีก่อน เมื่อเห็นตัวเลขดังกล่าวจึงแฮปปี้อย่างมาก

“ผมคือแชร์แมนเบียร์ปีนี้ผลงานเราดีกว่าปีก่อน การมีคู่แข่ง มองการแข่งขันมีทุกวัน และทุกวันมีการแข่งขันใหม่ๆ การแข่งขันอยู่ในความคิดเราเสมอ เราต่อสู้กับธุรกิจทั้งปัจจุบันและใหม่ แต่ธุรกิจเป็นการเดินเกมระยะยาว เราเชื่อมั่นในแบรนด์ที่มีทั้งเบียร์ช้างในไทย ไซ่ง่อนในเวียดนาม ที่ต่างเป็นเบอร์ 1 ในเมียนมาเรากำลังจะชนะ เพราะทำผลงานได้ดีมาก จะเพิ่มกำลังผลิต 3 เท่า ภาพรวมแฮปปี้ ทีมเราดีมาก มีผู้นำที่ดีมากๆ”

PASSION 2030 ยอดขาย-กำไรโต สาน BeerCo สู่ IPO

ภาพใหญ่เพื่อสาน PASSION 2030 กลุ่มธุรกิจเบียร์ต้องพิชิต “ยอดขาย-กำไร” และผลักดัน เบียร์โค(BeerCo) เข้าตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ ซึ่งแผนถูกชะลอไว้ระยะหนึ่งแล้ว

“PASSION 2030 ต้องทำให้ธุรกิจเบียร์เติบโตทั้งเชิงปริมาณ และยอดขายเชิงมูลค่า รวมถึงกำไร และสานเป้าหมายการนำเบียร์โค เสนอขายหุ้นไอพีโอในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ต่อไป เป้าหมาย IPO BeerCo เราไม่เปลี่ยน แต่แผนงานเราเปลี่ยนได้ ก่อนหน้านี้ผมเคยบอกว่าจะ IPO เร็วๆนี้ สุดท้ายก็เปลี่ยน เรารอจังหวะเวลาที่ใช่” ไมเคิล ไชน์ฮิน ฟา ผู้บริหารสูงสุด กลุ่มธุรกิจเบียร์และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท เบียร์โค ลิมิเต็ด ฉายภาพใหญ่กลุ่มเบียร์

ปี 2569 ไทยเบฟ ประกาศทุ่มงบ 2,000 ล้านบาท ขยายธุรกิจเบียร์ ภายใต้ BeerCo หลักๆเป็นการลงทุนต่อเนื่องในจังหวัดกันดาล ประเทศกัมพูชา ที่จะมีกำลังการผลิตเริ่มต้น 50 ล้านลิตร โดยโรงงานจะเปิดใน 2 เดือนข้างหน้า

โรงงานเบียร์ในกัมพูชาถือเป็นการวางรากฐานสู่การเติบโตในระยะยาว เพราะผู้บริโภคชาวกัมพูชาดื่มเบียร์สูงกว่าไทย 2 เท่า หรือเฉลี่ย 50 ลิตรต่อคนต่อปี ยังเป็นการบริโภคที่เติบโตสูงแห่งหนึ่งของโลก แม้ขนาดตลาดจะเล็กก็ตาม

สำหรับโรงงานเบียร์ในกัมพูชา มีฐานแกร่งรอบด้านจากทรัพยากรของ BeerCo แง่การผลิตยังนำทัพโดย “ดร. พิษณุ วิเชียรสรรค์” ผู้เชี่ยวชาญการผลิตเบียร์ของกลุ่มไทยเบฟในประเทศไทย ผสานกับทีมงานขายทำให้เชื่อมั่นการบุกตลาดอย่างมาก และสุดท้ายคือ “พอร์ตโฟลิโอเบียร์” ที่แกร่ง มีความสำเร็จในตลาดไทย เวียดนาม จากแบรนด์ช้าง ไซง่อน ฯ สามารถต่อยอดสู่ทัพธุรกิจในกัมพูชาได้

โรงงานที่ตั้งอยู่ในทำเลยุทธศาสตร์ ประสิทธิการเชื่อมต่อโลจิสติกส์ การผลิตแกร่ง การผลิตที่สามารถตอบโจทย์การทำโปรโมชันทั้งเปิดฝาเครื่องดื่มปุ๊บปั๊บรับโชค(Instant win) ทุกส่วนผนวกกันจะส่งผลให้ “ต้นทุนต่อหน่วยการบริโภค”หรือ cost per serve ผู้บริโภคเข้าถึงได้ง่าย และแข่งขันในตลาดได้

ส่วนตลาดเบียร์ในเมียนมา จากจุดเริ่มต้นปี 2562 กำลังการผลิต 50 ล้านลิตร ปัจจุบันเติบโตผลิตถึง 150 ล้านลิตร โดยยอดขายทะลุเป้ามา 5 ปีแล้ว ยังวางแผนจะเพิ่มกำลังการผลิต 3 เท่าตัวในอนาคต

คู่แข่งชิงเค้ก “แสนล้าน” ไม่ง่าย!

อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวที่ต้องจับตาคือเบียร์แดนมังกรอย่าง “ชิงเต่า” เดินหน้าความร่วมมือกับ “คาราบาว” เพื่อเสริมความแข็งแกร่งธุรกิจเบียร์ในไทยและอาเซียน “ไมเคิล” ให้มุมมองว่า การเข้ามาแข่งขันในตลาดเบียร์นั้นไม่ง่าย อย่างที่ผ่านมา “กลุ่มคาราบาว” ได้ผลิตเบียร์สร้างแบรนด์เข้าทำตลาด แต่ยังไม่สร้างผลกระทบอย่างมีนัยยะมากนัก

18 ปีที่รอคอย ‘ไทยเบฟ’ ขึ้นเบอร์ 1 เบียร์ 8 เดือนแล้ว ย้ำยักษ์ใหญ่ตลาดอาเซียน

“เป็นปกติของธุรกิจที่มีการแข่งขัน และเกิดขึ้นทุกตลาดที่มีขนาดใหญ่ ผู้เล่นต่างๆอยากเข้ามาร่วม และช่วยขับเคลื่อนแคทกอรีเบียร์ให้สนุก ทั้งเป็นผลดีต่อผู้บริโภคด้วย แต่การเข้ามาตลาดเบียร์ไม่ง่าย แง่ของการแข่งขัน welcome”

รายงานข่าวระบุว่า ภาพรวมตลาดเบียร์มีมูลค่าราว 2.6 แสนล้านบาท โดยผู้เล่นในตลาดเต็มไปด้วยบิ๊กแบรนด์ ทุนใหญ่แสนล้านทั้งสิ้น

ไทยเบฟกลับขึ้นบัลลังก์เบอร์ 1 รอบ 18 ปี

นงนุช บูรณะเศรษฐกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้อํานวยการใหญ่ และผู้บริหารสูงสุด สายธุรกิจเบียร์ ประเทศไทย กล่าวว่า ปี 2568 เป็นปีแห่งความภาคภูมิใจของกลุ่มเบียร์ในประเทศไทย เนื่องจากแบรนด์ช้าง และเบียร์ไทยเบฟโดยรวมสามารถก้าวเป็นเบอร์ 1 ติดต่อกันเป็นเวลา 8 เดือนแล้ว โดยครองส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 40% และทิ้งห่างคู่แข่งมากกว่า 2%

สำหรับกลยุทธ์ที่ทำให้เบียร์ช้างประสบความสำเร็จ คือการสร้างสรรค์สินค้าและแพ็คเกจจิงนวัตกรรม ทำตลาดผ่านแพลตฟอร์มที่ใช่ทั้งดนตรี กีฬา อาหาร ตอบทุกไลฟ์ไสตล์ผู้บริโภค เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทั่วไทยลงลึกระดับภาค จังหวัด รวมถึงการเสิร์ฟสินค้าสู่ตลาดหรือ Route to Market ที่ทำได้อย่างดี ทั้งห้างร้านต่างๆ รวมถึงร้านอาหาร ผับ บาร์ สถานบันเทิงฯ ผ่านเครือข่ายขุมพลังการจัดจำหน่ายและกระจายสินค้าไทยเบฟ เป็นต้น 

นอกจากนี้ ยังมีกระบวนการทำงานที่เป็นเลิศ และการเสริมแกร่งในห่วงโซ่คุณค่าเพื่อส่งมอบเบียร์ให้ได้มากสุด เร็วสุด ในราคาดีสุดตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย โดยปี 2569 จะรุกหนักกลยุทธ์ดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง

18 ปีที่รอคอย ‘ไทยเบฟ’ ขึ้นเบอร์ 1 เบียร์ 8 เดือนแล้ว ย้ำยักษ์ใหญ่ตลาดอาเซียน

“ในแง่ของภาพรวมเบียร์ไทยเบฟ ซึ่งนำโดยเบียร์ช้าง เป็นที่ 1 ติดต่อกัน 8 เดือนแล้ว”

เวียดนามสปีดเสิร์ฟสินค้าถึงผู้บริโภค

ขณะที่เวียดนาม ถือเป็นตลาดเบียร์ขนาดใหญ่ แต่ที่ผ่านมาอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต้องเผชิญการแข่งขันรุนแรง ท่ามกลางสภาวะการบริโภคที่ชะลอตัว จากผลกระทบของข้อกำหนดตามพระราชกฤษฎีกาฉบับที่ 100 (Decree 100) และฉบับที่ 168 (Decree 168)

“ตลาดเบียร์เวียดนามมีขนาดใหญ่สุดในอาเซียน แม้บริบทโดยรวมจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตอย่างยากลำบาก แต่ Bia Saigon ยังเป็นเบอร์ 1 อย่างแข็งแกร่ง” เลสเตอร์ ตัน เต็ก ชวน กรรมการผู้จัดการของซาเบโก้(SABECO) ให้มุมมอง 

การเคลื่อนตลาดเบียร์ให้โตต่อ เดินตามนโยบาย “แม่ทัพฐาปน” ทั้งการเข้าถึงผู้บริโภคอย่างมีประสิทธิภาพ(Reach Competitively) ที่นอกจากกระจายสินค้าผ่านเอเยนต์แล้ว จะเพิ่มความเร็วหรือ speed ในการเข้าถึงผู้บริโภคผ่านการเจาะห้างค้าปลีกต่างๆ ขณะที่ไทยมีการใช้หน่วยขายรถเงินสดหรือcash van เสริมแกร่ง ส่วนดิจิทัลเพื่อขับเคลื่อนการเติบโต(Digital for Growth) มีการใช้แอปพลิเคชันให้ลูกค้ากลุ่มธุรกิจ(B2B)สั่งสินค้า และใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์(เจนเอไอ) เพิ่มประสิทธิภาพการเข้าถึงตลาดต่างๆ

อย่างไรก็ตาม ตลาดเบียร์ในเวียดนาม มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา อีกทั้งพฤติกรรมผู้บริโภค คนรุ่นใหม่ มีการเปลี่ยนมาดื่มเบียร์ที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ต่ำ(เปอร์เซ็นต์แอลกอฮอล์) ทำให้บริษัทต้องออกสินค้าใหม่ๆตอบโจทย์ตลาด รวมถึงเปิดตัวผลิตภัณฑ์เบียร์ 333 Pilsner และ Bia Saigon Chill ในรูปแบบกระป๋องขนาด 250 มิลลิลิตร(มล.) เพื่อเจาะกลุ่มผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับราคาเป็นพิเศษ เป็นต้น

18 ปีที่รอคอย ‘ไทยเบฟ’ ขึ้นเบอร์ 1 เบียร์ 8 เดือนแล้ว ย้ำยักษ์ใหญ่ตลาดอาเซียน

“เรามีการเปิดตัวสินค้าใหม่ที่เปอร์เซ็นต์แอลกอฮอล์ต่ำ 4.3% เจาะกลุ่มนักดื่มหน้าใหม่ เจนซี และกลุ่มผู้บริโภคที่เลือกแบรนด์ในการซื้อเป็นประจำ หรือ BUMO (Brand Use Most Often)ในประเทศเวียดนาม ซึ่งในฐานะที่เป็นผู้นำตลาด จึงมีผู้เล่นเดินตาม นอกจากเทรนด์การบริโภคเบียร์แอลกอฮอล์ต่ำ คนรุ่นใหม่ยังดื่มเบียร์ในปริมาณที่ลดลงด้วย”

อย่างไรก็ตาม หนึ่งในก้าวสำคัญของซาเบโก้ปีนี้ คือการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นของซาเบโก้ในบริษัทร่วม Saigon Binh Tay Beer Group JSC (Sabibeco) จาก 21.8% เป็น 65.9% ซึ่งจะช่วยเสริมประสิทธิภาพจากการทำงานร่วมกัน และขยายกำลังการผลิต โดยเฉพาะการผลิตกระป๋อง อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มตราสินค้า Sagota ของ Sabibeco เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มผลิตภัณฑ์ อันจะช่วยเสริมแกร่งความเป็นผู้นำของซาเบโก้ ในฐานะบริษัทผู้ผลิตเบียร์รายใหญ่ที่สุดในเวียดนาม

สำหรับขุมพลังธุรกิจเบียร์ไทยเบฟในประเทศไทยมีโรงงานผลิตเบียร์ 3 แห่ง ส่วนในเวียดนามมีเครือข่ายโรงงานผลิตเบียร์ 25 แห่ง และเมียนมามีโรงงานผลิตเบียร์ 1 แห่ง ขณะที่ 9 เดือนแรก ธุรกิจเบียร์มีรายได้จากการขาย 96,497 ล้านบาท ทรงตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากสภาวะตลาดที่ท้าทายในประเทศเวียดนาม แม้ปริมาณขายรวมเพิ่ม 4.8% ส่วนกำไรก่อนหักภาษี(EBITDA)อยู่ที่ 12,573 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4%