‘อิมแพ็ค’ ลุยลงทุน ไม่รอกาสิโน ผงาด ‘เอนเทอร์เทนเมนต์ฮับ’ แห่งเอเชีย! เล็งรีโนเวต ‘ ธันเดอร์โดม สเตเดียม’

“อิมแพ็ค เมืองทองธานี” ในฐานะศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอันดับ 1 ของไทยและภูมิภาคอาเซียน ประกาศวิสัยทัศน์ใหม่ ปักธงขึ้นสู่ผู้นำด้าน “ธุรกิจไมซ์” (MICE) ของเอเชีย เปิดแผนลงทุนการขยายอาณาจักร “Entertainment Event” หรืออีเวนต์บันเทิงระดับโลก!
พอลล์ กาญจนพาสน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี เปิดเผยว่า บริษัทเดินหน้าพัฒนา “โครงการมิกซ์ยูส” แห่งใหม่ริมทะเลสาบเมืองทองธานี ตามฟุตปรินต์จะมีขนาดพื้นที่ใช้สอยรวมประมาณ 2-3 แสนตารางเมตร เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยาย สถานีทะเลสาบเมืองทองธานี
ส่วนแรกที่จะเริ่มดำเนินการคือโรงแรมแห่งใหม่ 2 แบรนด์อยู่ในตึกเดียวกัน ใช้งบลงทุน 3,000 ล้านบาท ว่าจ้างเครือฮิลตัน (Hilton) มารับบริหาร ซึ่งจะมีการเซ็นสัญญากันในสัปดาห์หน้า ได้แก่ โรงแรมฮิลตัน ระดับ 5 ดาว ขนาด 300 ห้องพัก และโรงแรมการ์เด้น อินน์ ระดับ 4 ดาว ขนาด 700 ห้องพัก เริ่มก่อสร้างราวเดือน มี.ค. 2569 พัฒนาแล้วเสร็จราวต้นปี 2571
การเปิดโรงแรมใหม่เพิ่มในเมืองทองธานี เป็นไปตามกลยุทธ์การสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกให้เพียงพอต่อการรองรับงานไมซ์ (MICE : การประชุม สัมมนา เดินทางเพื่อเป็นรางวัล และแสดงสินค้า) งานอีเวนต์ และงานคอนเสิร์ต ที่มีความต้องการมาจัดในอิมแพ็ค เมืองทองธานีจำนวนมาก
“มีผู้จัดหลายงานเข้ามาคุย บางงานเทรดโชว์แสดงสินค้าเป็นงานขนาดใหญ่ เขาอยากได้ห้องพัก 2,000 ห้องเพื่อรองรับผู้เข้าร่วมงาน บางงานประชุมทีหลายพันคน แต่ปัจจุบันในอิมแพ็ค เมืองทองธานี เรามีโรงแรมแค่ 2 แห่งที่เครือแอคคอร์รับบริหารอยู่ในตอนนี้ ได้แก่ โรงแรมโนโวเทล กรุงเทพ อิมแพ็ค 370 ห้องพัก กับโรงแรมไอบิส กรุงเทพ อิมแพ็ค 580 ห้องพัก รวมกันเกือบ 1,000 ห้องพักเท่านั้น ไม่เพียงพอกับดีมานด์ที่มีเข้ามา บริษัทจึงต้องลงทุนสร้างโรงแรมใหม่เพิ่มอีก 2 แบรนด์ ให้เครือฮิลตันรับบริหาร จะทำให้ในช่วงต้นปี 2571 เรามีโรงแรม 4 แห่ง รวมกันเกือบ 2,000 ห้องพัก”
โดยเงินลงทุนโรงแรม 2 แบรนด์ใหม่ดังกล่าว บางส่วนจะมาจากการนำโรงแรมโนโวเทลและไอบิสในอิมแพ็ค เมืองทองธานี ขายเข้ากองรีท “อิมแพ็ค โกรท รีท” และบางส่วนมาจากกระแสเงินสดของบริษัท
บริษัทยังมีเป้าหมายสร้างโรงแรมใหม่อย่างต่อเนื่อง ให้ได้จำนวนห้องพักรวมกัน “5,000 ห้อง” ภายในปี 8 ปีข้างหน้า หรือในปี 2575 เนื่องจากในรัศมี 5 กิโลเมตรจากอิมแพ็ค เมืองทองธานียังมีซัพพลายห้องพักค่อนข้างน้อย ขณะที่ดีมานด์การเดินทางเข้าอิมแพ็ค เมืองทองธานี มีทั้งผู้เข้าร่วมงานไมซ์ นักท่องเที่ยวทั่วไป และคนดูคอนเสิร์ต ทั้งแนวโน้มงานที่เข้ามาจัดจะมีสเกลใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ
ขณะเดียวกันบริษัทยังคงมองการลงทุนพัฒนา “ชอปปิง มอลล์” (Shopping Mall) ขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมิกซ์ยูสริมทะเลสาบเมืองทองฯ ในอนาคต โดยปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการเจรจากับนักลงทุนต่างประเทศ รวมถึงการพัฒนา “สวนน้ำ” แห่งใหม่ สเกลอาจจะไม่ได้ใหญ่มาก เพราะเราจะเน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายชัดเจน
“แม้ที่ผ่านมารัฐบาลจะมีการผลักดันนโยบายเอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่มีกาสิโน และบริษัทเองก็สนใจลงทุน เพราะมองว่าจะเป็นตัวที่ช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่พอนโยบายนี้เงียบๆ ไป เราเองก็รอไม่ได้ ขอเดินหน้าลงทุนในส่วนที่ทำได้ไปก่อน หากรัฐบาลมีความชัดเจนเรื่องนี้เมื่อไรค่อยว่ากัน บริษัทในฐานะแลนด์ลอร์ดเจ้าของที่ดิน ค่อยเปิดให้เอกชนเข้ามาเช่าพื้นที่ทำกาสิโนภายหลังได้ เพราะเราไม่ได้คิดจะทำกาสิโนเองตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”
สำหรับสนามฟุตบอล “ธันเดอร์ โดม สเตเดียม” ซึ่งปัจจุบันอยู่ภายใต้การดูแลของการกีฬาแห่งประเทศไทย (กทท.) และกำลังจะหมดสัญญาเช่าในอีก 2-3 ปีข้างหน้า บริษัทมีแผนจะรีโนเวตให้เป็น “เอาต์ดอร์ สเตเดียม” (Outdoor Stadium) ที่สามารถรองรับการจัดอีเวนต์และคอนเสิร์ตขนาดใหญ่ ความจุกว่า 45,000 คน
“เราอยากรีโนเวตสนามฟุตบอลแห่งนี้ มาทำอะไรที่เหมาะกับเรา สามารถรองรับการจัดคอนเสิร์ตและอีเวนต์ต่างๆ ในอนาคต”
นอกเหนือจาก 2 อาคารหลักในปัจจุบัน ได้แก่ อิมแพ็ค อารีน่า และ ธันเดอร์โดม ที่ติด 1 ใน 5 ของสถานที่จัดงานในประเทศไทยที่ผู้จัดทั่วโลกเลือกใช้บริการ ด้วยความพร้อมโครงสร้างพื้นฐาน การเดินทางสะดวกสบาย เเละรถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยายที่เชื่อมต่อกับอาคารโดยตรง
และยังมีอาคารอื่นๆ ในพื้นที่ที่มีศักยภาพ ทั้งอาคารชาเลนเจอร์ 1-3 ที่มีพื้นที่ถึง 60,000 ตารางเมตร รองรับผู้เข้าร่วมงานได้ 45,000-50,000 คน กลายเป็นอาคารจัดอีเวนต์บันเทิงในร่มขนาดใหญ่ หรือ อาคาร 5-12 สามารถจัดอีเวนต์บันเทิงในร่มได้เช่นกัน แบ่งย่อยได้ถึง 8 อาคาร ปรับเลือกการใช้งานได้ตามความเหมาะสม รองรับผู้ร่วมงานได้เฉลี่ย 3,500-4,500 คนต่ออาคาร โดยมีแผนพัฒนาห้องแต่งตัวบริเวณอาคาร 5-6 ใหม่ เพื่อรองรับการเติบโตของจำนวนอีเวนต์ด้านความบันเทิงในอนาคต
นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่กลางแจ้งริมทะเลสาบเมืองทองธานีกว่า 150,000 ตารางเมตร เหมาะสำหรับการจัดเทศกาลดนตรี เฟสติวัลขนาดใหญ่ พร้อมวิวทะเลสาบเปิดโล่ง เพื่อสร้างประสบการณ์ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร
พอลล์ กล่าวด้วยว่า ปีนี้บริษัทมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ทั้งการประกาศวิสัยทัศน์ใหม่ การขยายธุรกิจเชิงรุกมากขึ้น การขยายความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ อย่างการร่วมทุนกับ “ไลฟ์เนชั่น” โดยให้เช่าอาคารและที่ดินอิมแพ็ค อารีน่า ระยะเวลา 20 ปี คิดเป็นมูลค่ารวมตามสัญญากว่า 4,617 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างจัดตั้งบริษัทร่วมทุน ภายใต้ชื่อ “บริษัท อิมแพ็ค ไลฟ์เนชั่น” เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ของอิมแพ็คในฐานะจุดหมายปลายทางด้านความบันเทิงระดับโลก ด้วยการทยอยรีโนเวตอาคารอิมแพ็ค อารีน่า ซึ่งเปิดให้บริการมานานกว่า 26 ปี อัปเกรดสิ่งอำนวยความสะดวก ยกระดับประสบการณ์การชมคอนเสิร์ต และเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการรายได้ ช่วยลดต้นทุนแก่ผู้จัดงาน เพื่อให้ที่นี่สามารถรองรับการจัดงานคอนเสิร์ตได้มากขึ้น
“ทิศทางของบริษัทในเครืออิมแพ็คนับจากนี้ จะเดินหน้าขยายธุรกิจเชิงรุกมากขึ้น เพื่อสร้างโอกาสใหม่ๆ และขับเคลื่อนการเติบโตของบริษัท ควบคู่กับการยกระดับประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางไมซ์และอีเวนต์ที่สำคัญในภูมิภาค”
ปัจจุบันโครงสร้างรายได้หลักของบริษัทมาจาก 4 ส่วน ได้แก่ ธุรกิจให้บริการเช่าพื้นที่จัดงาน ธุรกิจรับจ้างจัดงานครบวงจร ธุรกิจโรงแรม และธุรกิจอาหาร เครื่องดื่ม คาดในปี 2568 เครืออิมแพ็คมีรายได้รวมเติบโตกว่า 4,000 ล้านบาท และตั้งเป้าหมายว่าในปี 2573 จะมีรายได้แตะ 9,000 ล้านบาท







