ททท. ตั้งเป้าปี 69 ฟื้นรายได้รวม 3 ล้านล้าน ท่องเที่ยวฯ เลื่อนเก็บ ‘ค่าเหยียบแผ่นดิน’ คาดเริ่มกลางปีหน้า

ททท. ตั้งเป้าปี 69 ฟื้นรายได้รวม 3 ล้านล้าน  ท่องเที่ยวฯ เลื่อนเก็บ ‘ค่าเหยียบแผ่นดิน’ คาดเริ่มกลางปีหน้า

วานนี้ (14 ก.ค.) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ “ททท.” จัดประชุมบูรณาการแผนปฏิบัติการปี 2569 ตั้งแต่วันที่ 14-17 ก.ค. ระดมสมองจากผู้บริหาร ททท. ซึ่งปัจจุบันมีสำนักงานในประเทศ 45 แห่ง และสำนักงานต่างประเทศอีก 29 แห่ง เพื่อกำหนดนโยบายและทิศทางการตลาดขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของโลกที่มีหลายปัจจัยนอกเหนือการควบคุม!

ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. เปิดเผยว่า ททท.ตั้งเป้า “รายได้รวมการท่องเที่ยว” ในปี 2569 อยู่ที่ “3 ล้านล้านบาท” เติบโตไม่น้อยกว่า 7% เมื่อเทียบกับฐานรายได้รวมปี 2568 ซึ่งมีแนวโน้มปิดที่ 2.87 ล้านล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายที่เคยวางไว้ 3 ล้านล้านบาท หลังได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติบางตลาด เช่น จีน

โดยคาดการณ์รายได้จากตลาดต่างประเทศปีนี้ไว้ที่ 1.77 ล้านล้านบาท จากนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่น้อยกว่า 35.5 ล้านคนเท่าปีที่แล้ว ส่วนรายได้จากตลาดในประเทศคาดทำได้ 1.1 ล้านล้านบาท จากคาดการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยซึ่งเคยตั้งเป้าไว้ราว 205 ล้านคน-ครั้ง

“สถานการณ์การท่องเที่ยวในตอนนี้เหมือนกับโรลเลอร์โคสเตอร์ เจอความผันผวนสูงมาก”

ในฐานะที่ ททท.เป็นองค์กรส่งเสริมการตลาดท่องเที่ยวมายาวนานกว่า 65 ปี จำเป็นต้องเร่ง “เสริมสวย” ให้กับภาคการท่องเที่ยว เพราะปัจจุบันเศรษฐกิจไทยขึ้นกับขาการท่องเที่ยว เน้นสร้างการเติบโตด้านรายได้มากกว่าเชิงจำนวน หรือ “Value over Volume” ด้วยการเจาะกลุ่มเป้าหมายคุณภาพเป็นรายเซ็กเมนต์ด้วยความรวดเร็วและแม่นยำ ส่วนเป้าหมายเชิงจำนวนนักท่องเที่ยวนั้น ต้องรอการประชุมแผนปฏิบัติการแล้วเสร็จ ถึงจะสรุปอย่างเป็นทางการเพื่อนำเสนอในงานแถลงทิศทางการส่งเสริมการตลาดการท่องเที่ยวปี 2569 ในวันที่ 21 ก.ค. ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพฯ

สำหรับโครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” หลังจากกลับมาเปิดระบบลงทะเบียนสำหรับประชาชนที่ต้องการเข้าร่วมใช้สิทธิเมื่อวันที่ 10 ก.ค. 2568 เป็นต้นไป ททท.คาดว่าจะมีประชาชนใช้สิทธิ 250,000 สิทธิภายในสิ้นเดือน ก.ค.นี้ และน่าจะมีการใช้สิทธิหมดทั้ง 500,000 สิทธิภายในเดือน ส.ค. ตามมา

โดยข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 14 ก.ค. เวลา 09.30 น. พบว่ามีประชาชนเข้ามาลงทะเบียนโครงการฯ สำเร็จแล้ว 1,725,238 ราย จำนวนสิทธิที่ใช้สำเร็จแล้ว 119,213 สิทธิ และมียอดสิทธิคงเหลือ 380,787 สิทธิ

ส่วนผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง ล่าสุดมีจำนวนที่ได้รับการอนุมัติแล้ว 5,748 ราย แบ่งเป็นโรงแรมที่พัก 3,233 ราย ร้านอาหาร 2,172 ราย แหล่งท่องเที่ยว 86 ราย สปาและบริการเชิงสุขภาพ 101 ราย ร้านค้าโอท็อป 106 ราย และบริการรถเช่าเรือเช่า 50 ราย

ททท. ตั้งเป้าปี 69 ฟื้นรายได้รวม 3 ล้านล้าน  ท่องเที่ยวฯ เลื่อนเก็บ ‘ค่าเหยียบแผ่นดิน’ คาดเริ่มกลางปีหน้า

ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์

จักรพล ตั้งสุทธิธรรม ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ประเมินว่าจาก “สถานการณ์โลก” ทั้งปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ โลกาภิวัตน์ การเติบโตทางเทคโนโลยี และการแข่งขันจากประเทศเพื่อนบ้านที่ต่างใช้ภาคการท่องเที่ยวเป็นเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจ จึงฝากความหวังกับ ททท. ในการส่งเสริมตลาดช่วงครึ่งหลังปี 2568 และในปี 2569

โดยกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้มอบนโยบาย “8 เรื่องหลัก” เพื่อให้ ททท.จัดทำแผนให้สอดรับ ได้แก่ 1.ส่งเสริมการหาตลาดทดแทน หลังจากนักท่องเที่ยวจีนชะลอการเดินทางซ้ำ ทำให้ต้องมุ่งขยายฐานตลาดอื่นๆ เช่น ยุโรป อเมริกา และตะวันออกกลางมาชดเชย 2.การขยายลูกค้าไปยังกลุ่มคุณภาพใช้จ่ายสูง เช่น ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และดิจิทัลนอแมด นอกเหนือจากการดึงนักท่องเที่ยวกลุ่มพักผ่อนทั่วไป (Leisure) 3.ผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ 4.ส่งเสริมไทยเที่ยวไทย และผู้ประกอบการไทยให้ได้รับโอกาสและพื้นที่ในการขายมากขึ้น

5.ส่งเสริมอีเวนต์กีฬาให้สามารถสร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น 6.ส่งเสริมการท่องเที่ยวยั่งยืน ล่าสุดรัฐบาลกำลังผลักดัน พรบ.อากาศสะอาด ซึ่งจะเป็นอีกเครื่องมือสำคัญที่ช่วยแก้ไขมลพิษฝุ่น PM2.5 ที่มักจะเกิดขึ้นในช่วงไฮซีซันตั้งแต่ไตรมาส 4 ไปจนถึงไตรมาส 1 ของอีกปี 7.ประชาสัมพันธ์ภาคการท่องเที่ยวไทยสู่เป้าหมายใหญ่ให้เป็นเดสติเนชันระดับโลก (World Class Destination) และ 8.การสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญมากๆ

จักรพล กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการจัดเก็บ “ค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยวภายในประเทศจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ” หรือ Travel Fee (รู้จักกันในชื่อ ค่าเหยียบแผ่นดิน) ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของ สรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ โดยอาจจะต้องขยับไทม์ไลน์การเริ่มจัดเก็บค่าธรรมเนียมนี้ออกไปก่อน เพราะ รมว.การท่องเที่ยวฯ บอกว่า “ยังไม่ใช่เวลาเหมาะสมที่จะจัดเก็บภายในปี 2568” เนื่องจากยังมีปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้ ต้องรอดูความเชื่อมั่น (Sentiment) การกลับมาของดีมานด์นักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงไฮซีซันไตรมาส 4 ปีนี้ก่อน

“นอกจากนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวฯ จำเป็นต้องศึกษารายละเอียดการจัดเก็บค่าธรรมเนียมนี้เพิ่มเติมให้รอบคอบ รวมถึงอัตราการจัดเก็บที่เหมาะสม ซึ่งขึ้นกับรูปแบบการเดินทาง ทั้งทางบก ทางราง ทางเรือ และทางอากาศ โดยคาดว่าจะเริ่มจัดเก็บค่าธรรมเนียมนี้ได้ราวไตรมาส 2-3 ของปี 2569”

ททท. ตั้งเป้าปี 69 ฟื้นรายได้รวม 3 ล้านล้าน  ท่องเที่ยวฯ เลื่อนเก็บ ‘ค่าเหยียบแผ่นดิน’ คาดเริ่มกลางปีหน้า

จักรพล ตั้งสุทธิธรรม