ดราม่า ‘เที่ยวไทยคนละครึ่ง’ ททท. ปราม ‘โรงแรม’ อย่าฉวยโอกาสขึ้นราคาเกินควร

วานนี้ (2 ก.ค.) “การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย” (ททท.) ออกโรงแจง “3 ปมดราม่า” โครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายเป็นหนึ่งในกลไกกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวไทยช่วงโลว์ซีซัน หลังเปิดระบบลงทะเบียนและจองสิทธิวันแรกเมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2568 โดยพบว่ามีประชาชนสนใจเข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมากถึง 5.9 ล้านคนในการเปิดลงทะเบียนวันแรก
ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า จากการเปิดลงทะเบียนโครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2568 เป็นวันแรก ททท.ได้รับทราบถึงปัญหาขัดข้องของระบบ"ลงทะเบียนโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง"จากการที่มีประชาชนให้ความสนใจลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมากถึง 5.9 ล้านคนในการเปิดลงทะเบียนวันแรก
ประเด็นปัญหาหลักและข้อกังวลที่เกิดขึ้น ได้แก่ 1.ปัญหาคอขวดในการรองรับผู้ใช้งาน เนื่องจาก ททท.ได้ออกแบบระบบให้ผู้ลงทะเบียนต้องยืนยันตัวตนผ่านระบบ “ThaID” (ไทยดี) ควบคู่กับการลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน “Amazing Thailand” เพื่อเพิ่มความโปร่งใส และป้องกันการสวมสิทธิซึ่งเคยเกิดปัญหาขึ้นในการดำเนินโครงการเราเที่ยวด้วยกัน
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากระบบแอปพลิเคชันทั้ง 2 แอปพลิเคชัน มีระบบความเร็วในการรองรับผู้ใช้งานไม่สอดคล้องกัน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้กระบวนการลงทะเบียนล่าช้า โดยระบบของแอปฯ ThaID สามารถรองรับผู้ใช้งานได้จำนวน 100 เซสชั่นต่อวินาที ขณะที่ระบบของแอปฯ Amazing Thailand รองรับผู้ใช้งานพร้อมกันสูงสุด 600 เซสชั่นต่อวินาที
บายพาสยืนยันตัวตนแก้ปัญหาเบื้องต้น
ในเบื้องต้น ททท. ได้มีการปรับโฟลว์ (Flow) ของระบบเพื่อให้สามารถ “Bypass” การยืนยันตัวตนผ่าน ThaID ในขั้นตอนการลงทะเบียนเบื้องต้น เพื่อบรรเทาความไม่สะดวกแก่ผู้ใช้งานในทันที และให้ผู้ลงทะเบียนกรอกข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการลงทะเบียนบนแอปพลิเคชัน แต่ผู้ใช้งานยังจำเป็นต้องยืนยันตัวตนผ่านระบบ ThaID เมื่อมีการเช็กอินเข้าพัก ณ โรงแรมที่เลือกใช้สิทธิ อย่างไรก็ตาม ททท. ขอความร่วมมือผู้ลงทะเบียนทุกท่าน เมื่อทำการลงทะเบียนในระบบสำเร็จแล้ว สามารถทยอยเข้าสู่กระบวนการยืนยันตัวตนผ่าน ThaID ได้ภายหลัง ก่อนถึงวันเดินทางจริง
“เพื่อบรรเทาความไม่สะดวกในการใช้งาน ททท. จึงให้ By Pass การลงทะเบียนยืนยันตัวตนในระบบ ThaID ไปก่อน แต่ขอยืนยันว่านักท่องเที่ยวจะต้องตามไปลงทะเบียนใน ThaID ในภายหลังเพื่อยืนยันตัวตนก่อนวันเดินทางจริง ทั้งหมดก็เพื่อป้องกันการทุจริตและการสวมสิทธิที่เคยเกิดขึ้นตอนโครงการเราเที่ยวด้วยกันในอดีต”
สำหรับการดำเนินคดีโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” เฟส 1-4 มีทั้งฐานความผิดฉ้อโกง และฐานความผิด พรบ.คอมพิวเตอร์ จำนวนทั้งสิ้น 1,489 ราย แบ่งเป็น เฟส 1-2 จำนวน 1,368 ราย เฟส 3 จำนวน 74 ราย และเฟส 4 จำนวน 47 ราย โดยมี “มูลค่าความเสียหาย” เป็นค่าเสียหายที่ดำเนินคดี 2,346 ล้านบาท และค่าเสียหายที่ ททท. ได้รับเงินคืนแล้ว 16.5 ล้านบาท
2.การได้รับ OTP ล่าช้า เนื่องจากการเปิดใช้โดเมนอีเมลใหม่ verify.tat.or.th และมีการส่งอีเมลปริมาณสูงจากการส่งอีเมลยืนยันตัวตนจำนวนมากในทันที ทำให้เกิดระบบป้องกันสแปมของผู้ให้บริการอีเมลรายใหญ่ จึงเป็นปัจจัยที่ทำให้การรับอีเมลยืนยันตัวตนล่าช้าสำหรับผู้ใช้งานบางราย ขณะนี้ ททท.ได้ดำเนินการปรับค่าการตั้งค่าระบบภายในเครื่องมือ Google Workspace และ Google Postmaster ซึ่งทำให้ระบบของผู้ให้บริการอีเมลเริ่มทยอยปลดล็อกการรับอีเมลจาก @tat.or.th ซึ่งสะท้อนผ่านจำนวนผู้ลงทะเบียนที่ผ่านการยืนยันตัวตนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นแล้ว
“จากปัญหาการรับ OTP ผ่าน Gmail ที่ล่าช้า เราคาดว่าจะใช้เวลา 7 วันในการแก้ปัญหาให้แล้วเสร็จ กำลังเร่งล้างแคช (Clear Cache) หรือลบข้อมูลชั่วคราวที่เก็บไว้ในแอปพลิเคชัน โดยระหว่างนี้แนะนำให้ประชาชนใช้อีเมลจากผู้บริการรายอื่น เช่น Hotmail และ Yahoo ในการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการไปก่อน”
3.ความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นราคาของโรงแรมที่เข้าร่วมโครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ทาง ททท.จะมีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบอัตรา “ราคาห้องพัก” ของโรงแรมให้เหมาะสมกับการเสนอขายบนแพลตฟอร์มของโครงการฯ โดยสามารถปรับขึ้นราคาได้ไม่เกิน 10% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ให้สอดรับกับต้นทุนประกอบการที่อาจสูงขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ
โดยโรงแรมที่เข้าร่วมโครงการ จะสามารถกำหนดอัตราราคาห้องพักได้ 2 อัตรา ได้แก่ อัตราสำหรับการเข้าพักใน “วันธรรมดา” และอัตราสำหรับ “วันหยุดและวันนักขัตฤกษ์” เท่านั้น ไม่สามารถกำหนดกรอบราคาแบบยืดหยุ่น (Dynamic Price) เหมือนการเสนอขายบนแพลตฟอร์มท่องเที่ยวออนไลน์ (OTA) ที่ให้ยืดหยุ่นตามดีมานด์และสถานการณ์การเข้าพักได้
คาดสร้างรายได้ภาคท่องเที่ยว 1.4 หมื่นล้าน
“โครงการเที่ยวไทยคนละครึ่งเป็นโครงการที่รัฐบาลช่วยสนับสนุนค่าโรงแรมที่พักแก่ประชาชน 40-50% แต่ไม่เกิน 3,000 บาทต่อคืนต่อสิทธิ ขึ้นกับว่าจะเข้าพักในวันธรรมดาหรือวันหยุด กับเข้าพักโรงแรมในเมืองหลัก 22 จังหวัด หรือเมืองรอง 55 จังหวัด หาก ททท.ตรวจสอบแล้วพบว่ามีการขายราคาสูงแบบผิดปกติ มีสิทธิระงับไม่ให้โรงแรมนั้นๆ เข้าร่วมโครงการ”
นอกจากเจ้าหน้าที่ ททท.จะเป็นคนตรวจสอบแล้ว ทางประชาชนที่ลงทะเบียนและจองห้องพักเพื่อใช้สิทธิ ซึ่งจะเป็นคนเห็นราคาห้องพักว่าปรับขึ้นสูงเกินความเหมาะสมหรือไม่ สามารถส่งคำร้องมายัง ททท. ให้ตรวจสอบได้เพื่อพิจารณาระงับสิทธิการเข้าร่วมโครงการของโรงแรมนั้นๆ ทันที
“ททท.ต้องขอโทษพี่น้องประชาชนอย่างยิ่งอีกครั้ง จากปัญหาขัดข้องของระบบลงทะเบียนโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง แต่ก็เห็นสัญญาณที่ดีว่าคนไทยติดตามและสนใจเข้าร่วมโครงการนี้จำนวนมาก และตื่นตัวกับการท่องเที่ยวในประเทศ” ผู้ว่าการ ททท. กล่าว
ทั้งนี้ ททท.คาดว่าโครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” จะช่วยสร้างประโยชน์และผลกระทบด้านเศรษฐกิจ มีนักท่องเที่ยวเดินทางจากโครงการไม่น้อยกว่า 100,000 คน สร้างรายได้ให้แก่ภาคธุรกิจท่องเที่ยวกว่า 14,125 ล้านบาท หนุนเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางในช่วงเดือน ก.ค.-ต.ค. 2568 เป็น 69.3 ล้านคน-ครั้ง เพิ่มขึ้น 2.67 ล้านคน-ครั้ง จากช่วงเดียวกันของปีก่อนสร้าง “มูลค่าทางเศรษฐกิจ” โดยรวมกว่า 35,033 ล้านบาท เกิดการจ้างงานกว่า 40,669 คน และภาษีที่ภาครัฐได้รับกว่า 1,863 ล้านบาท







