‘PASTA AMA’ ร้านของอดีตพนักงาน HR ลาออกมาขายข้าวกล่อง วางเป้าปีนี้ ‘250 ล้านบาท’

‘PASTA AMA’ ร้านของอดีตพนักงาน HR ลาออกมาขายข้าวกล่อง วางเป้าปีนี้ ‘250 ล้านบาท’

เสี่ยงลาออกจากงานประจำช่วงโควิด วัดดวงเปิดร้าน “PASTA AMA” คุยกับ “จี-จีรภัทร ศรีทองคำ” อดีต HR องค์กรระดับประเทศ ผันตัวขายข้าวกล่อง-เปิดร้านบนแพลตฟอร์ม ดังได้เพราะรสชาติถูกปาก ราคาไม่แพง ปีนี้เปิดอีก 5 สาขา ตั้งเป้าใหญ่กวาดรายได้ “250 ล้านบาท”

KEY

POINTS

  • “PASTA AMA” ร้านพาสต้าที่มีจุดเริ่มต้นจากอดีตพนักงานประจำตำแหน่ง HR ลาออกมาทำร้านอาหารเล็กๆ ขายข้าวกล่องริมทางและเปิดร้านบนแอปพลิเคชันเดลิเวอรี กระทั่งขายดีสูงสุดเกือบแสนบาทต่อวัน จึงตัดสินใจเปิดหน้าร้าน
  • “จี-จีรภัทร ศรีทองคำ” ผู้ก่อตั้ง และเจ้าของร้าน “PASTA AMA” แจ้งเกิดจากเมนู “สปาเกตตีคาโบนาร่าซอสพริกศรีราชา” ทำให้อาม่าชิมแล้วเกิดชอบ จึงใช้คำว่า “อาม่า” เป็นชื่อร้าน
  • ปีล่าสุด “PASTA AMA” ทำเงินทะลุ “ร้อยล้านบาท” ปีนี้เปิดเพิ่มอีก 5 สาขา รวมทั้งหมดจะมี 15 สาขา พร้อมกับเป้าหมายไปให้ถึง “250 ล้านบาท”

จากคนชอบทำอาหาร ขายข้าวกล่องบนแพลตฟอร์มเดลิเวอรีเหมือนกับคนอื่นๆ ในช่วงวิกฤติโควิด-19 ใครเลยจะรู้ว่า อีก 5 ปีให้หลัง ร้านข้าวกล่องเล็กๆ แห่งนี้ จะเติบโตจนสามารถขึ้นไปอยู่บนห้างมากถึง 10 สาขา พร้อมกับรายได้รวมอีก “ร้อยล้านบาท” เนื้อหอมถึงขั้นมีนักลงทุนชวนไปเปิดที่ต่างประเทศ ทั้งหมดนี้เกิดจากอดีตพนักงานประจำตำแหน่ง HR ตั้งต้นจากความคิดที่ว่า “เราทำให้คนอื่นรวยมาแล้ว ครั้งนี้เราลองทำให้ตัวเองรวยบ้างมั้ย”

“PASTA AMA” (พาสต้า อาม่า) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2563 ตรงกับช่วงที่ทั่วโลกเจอกับสถานการณ์แพร่ระบาดใหญ่อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ตอนนั้น “จี-จีรภัทร ศรีทองคำ” ตัดสินใจลาออกจากงานประจำเพื่อมาทุ่มเวลาให้กับการเป็นผู้ประกอบการเต็มตัว ก่อนหน้านั้นเขาเปิดร้านอาหารเหนือชื่อ “พอวา” และยังมี “Second December” คาเฟ่เล็กๆ รองรับได้ 4-5 โต๊ะ 

แต่จังหวะนั้นก็ดันเหมาะเจาะกับมาตรการปิดเมือง งานประจำก็ไม่มีแล้ว คาเฟ่กับร้านอาหารเหนือก็ต้องปิดลงชั่วคราวอีก เหลืออยู่อย่างเดียว คือวัตถุดิบของสดในตู้เย็นที่ซื้อไว้เพื่อเตรียมทำขายในคาเฟ่ “จี” ตัดสินใจทำข้าวกล่องขายริมทางบริเวณทางขึ้นรถไฟฟ้าสถานีพญาไท บวกกับเปิดร้านบนแพลตฟอร์มเดลิเวอรีควบคู่ไปด้วย

ใช้เวลาเพียง 1-2 เดือน ปรากฏว่า ร้านขายพาสต้าของจีบนแพลตฟอร์มทำเงินได้ 30,000 บาทต่อวัน มากหน่อยก็ขึ้นไปถึง 50,000 บาท เห็นแนวโน้มแบบนี้ก็ไม่รอช้า “จี” ไปต่อทันทีด้วยการเปิด “Cloud Kitchen” เพิ่ม ยิ่งเปิดมากเท่าไร ยอดขายก็เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว ทำให้เขาเริ่มมั่นใจว่า ธุรกิจนี้ไปต่อในระยะยาวได้แน่

‘PASTA AMA’ ร้านของอดีตพนักงาน HR ลาออกมาขายข้าวกล่อง วางเป้าปีนี้ ‘250 ล้านบาท’ -สปาเกตตีคาโบนาร่าซอสพริกศรีราชา เมนูสร้างชื่อของร้าน PASTA AMA-

เป็นพนักงาน HR มา 7 ปี ทำสปาเกตตีให้อาม่ากิน จนเกิดเป็น “PASTA AMA”

จีบอกว่า ตนเองไม่ได้ถนัดทำอาหารอิตาเลียนตั้งแต่แรก แต่เพราะชอบกินสปาเกตตีจึงฝึกทำมาเรื่อยๆ โดยสปาเกตตีเป็นหนึ่งในเมนูร้านคาเฟ่ที่เปิดก่อนหน้านี้ ประกอบกับตอนนั้นมองว่า ยังไม่มีเจ้าตลาดหรือแบรนด์สปาเกตตีที่โดดเด่นจึงคิดเปิดร้านขายจริงๆ จังๆ โดยเริ่มจากทำขายบนแพลตฟอร์มเดลิเวอรีเป็นอย่างแรก

ตอนนั้น “จี” ขายทั้งสปาเกตตี และข้าวกล่องเมนูอื่นๆ ไปพร้อมกัน โดยนำวัตถุดิบในตู้เย็นทดลองทำให้คนใกล้ตัวชิมก่อนเมื่อรสชาติได้ที่ค่อยเปิดขาย มีอยู่วันหนึ่งอาม่าของจีมาเยี่ยมที่ร้าน ตนรู้อยู่แล้วว่า อาม่าไม่ได้ชื่นชอบอาหารรสชาติสไตล์อิตาเลียน จึงอยากทำสปาเกตตีในรสชาติที่อาม่ากินได้

เป็นที่มาของเมนูซิกเนเจอร์สร้างชื่อ “สปาเกตตีคาโบนาร่าซอสพริกศรีราชา” ปรากฏว่า อาม่าได้กินแล้วชอบมาก ไม่มีอะไรซับซ้อนไปกว่าการตั้งชื่อร้านง่ายๆ ได้ใจความว่า “PASTA AMA” และอีกนัยหนึ่งชื่อนี้ยังสื่อสารได้ถึงกลิ่นอายอิตาเลียนผสมกับเอเชียนด้วย

เขาเปิดร้านในรูปแบบ “Cloud Kitchen” จากข้าวกล่องหลายเมนูยุบเหลือเพียงเมนูพาสต้าที่ติดอันดับขายดีที่สุด ไม่ถึงสองเดือนก็เห็นว่า ร้านเริ่มติดตลาด มีลูกค้าประจำ และมีลูกค้าหน้าใหม่กดสั่งเข้ามาเรื่อยๆ ไม่นานก็ตัดสินใจเปิด Cloud Kitchen สาขาอื่นๆ เพิ่ม เพราะไม่ต้องใช้เงินลงทุนมากมาย

‘PASTA AMA’ ร้านของอดีตพนักงาน HR ลาออกมาขายข้าวกล่อง วางเป้าปีนี้ ‘250 ล้านบาท’ -จี-จีรภัทร ศรีทองคำ เจ้าของ และผู้ก่อตั้งร้าน PASTA AMA-

ยิ่งเพิ่มจำนวนสาขายอดขายก็ตามมาอีกเท่า มี 1 สาขา ขายได้วันละ 30,000 บาท มี 2 สาขาก็ขายได้วันละ 60,000 บาท พอมีสาขาที่ 3 ขายได้ 90,000 บาทต่อวัน เฉลี่ยแล้วทำเงินได้หลักล้านบาทต่อหนึ่งสาขา มั่นใจว่า ร้านไปต่อได้ จึงลองเปิดสาขาแรกแบบ “Physical Store” แห่งแรกในปีเดียวกัน

“จี” ไม่ได้ทำอะไรมากเป็นพิเศษ ขายบนแอปพลิเคชันเหมือนร้านอื่นๆ ไม่มีการยิงแอดโฆษณา ไม่ได้ทุ่มงบโปรโมตแม้แต่บาทเดียว มองว่า รสชาติ และราคาที่เข้าถึงง่ายทำให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำเรื่อยๆ จนถึงจุดที่มั่นใจ และอยากให้ลูกค้าออนไลน์ได้มีโอกาสมากินสดๆ ที่หน้าร้าน มีเงินทุนจากการขายก้อนหนึ่งก็รีโนเวทร้านคาเฟ่เดิมที่ย่านราชเทวี เป็นร้าน “PASTA AMA” สาขาแรก

ยังสัมภาษณ์งานเองทุกคน ไม่อยากให้ลูกค้าลืมห้ามหายจากหน้าสื่อ

จีจบการศึกษาจากคณะมนุษยศาสตร์ สาขาจิตวิทยา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ งานที่ทำตั้งแต่เรียนจบ คือ พนักงานบริหารทรัพยาบุคคล หรือ “HR” ในองค์กรใหญ่ระดับประเทศ ทั้งองค์ความรู้ในการเรียน และประสบการณ์ทำงาน ทำให้ “จี” เชี่ยวชาญในการคัดเลือกคนเข้าทำงานมาก

จนถึงวันนี้พนักงานสังกัด “PASTA AMA” ยังต้องผ่านการสัมภาษณ์จากผู้บริหารคนนี้แทบทุกคน แม้แต่ตำแหน่งแคชเชียร์ ล้างจาน หรือเด็กเสิร์ฟก็ตาม เขามองว่า 5 ปีที่ผ่านมา แบรนด์เติบโตไปไกลกว่าคนที่มีในองค์กรด้วยซ้ำ รวมจำนวนคนทำงานทั้งหลังบ้าน และหน้าบ้านมีราวๆ 200-300 คน เป็นองค์กรขนาดเล็กค่อนไปขนาดกลางแล้ว 

‘PASTA AMA’ ร้านของอดีตพนักงาน HR ลาออกมาขายข้าวกล่อง วางเป้าปีนี้ ‘250 ล้านบาท’

สำหรับ “จี” เขาอยากได้คนที่มีใจไปต่อกับองค์กรเกินกว่า 2 ปีขึ้นไป พูดคุยชัดเจนตั้งแต่วันนัดสัมภาษณ์ว่า มีเป้าหมายอย่างไร อยากได้อะไรจากการเข้ามาทำงานที่นี่ บางคนอยากได้ประสบการณ์เพื่อไปเปิดร้านเป็นของตัวเองก็มีเช่นกัน เพราะอยากรู้ว่า ทุกคนที่เข้ามาเหมาะกับองค์กรมากแค่ไหน เชื่อว่า เจ้าของหรือคนที่รับเข้ามาตั้งแต่แรกรู้จุดนี้ดีที่สุด

จากวันที่เคยมองว่า ตลาดสปาเกตตีในไทยยังมีช่องว่าง ตอนนี้ร้านสปาเกตตีเข้ามาในตลาดมากขึ้นทุกวัน แต่ “จี” ไม่ได้มองเป็นผลกระทบเชิงลบ คิดว่า กระแสหรือเทรนด์ที่กำลังมาเป็นเรื่องปกติที่ต้องเกิดขึ้น แต่สิ่งที่แบรนด์ต้องทำเพื่อให้ยืนระยะต่อไปได้ คือ ห้ามหายหน้าหายตาไปจากลูกค้าเด็ดขาด ต้องออกเมนูใหม่ อยู่บนช่องทางโซเชียลมีเดีย ออกสื่อ และทำการตลาด “Collaboration” กับแบรนด์อื่นๆ บ้าง ที่สำคัญ ต้องรีเช็กกับตัวเองบ่อยๆ ด้วยว่า เราชัดเจนพอหรือยัง ถ้าเรามีตัวตน ลูกค้าจะยังกิน ยังไปหาเราถึงที่แน่นอน

“ผมมองว่า เราเข้าถึงง่าย เข้าถึงง่ายในความหมายนี้คือ ราคาเฟรนด์ลี่ กลุ่มลูกค้าเรากว้างมากตั้งแต่นักเรียน นักศึกษา คนทำงาน และครอบครัว เราจะได้เปรียบด้วยสำหรับกลุ่มน้องๆ นักศึกษา กินง่ายรับประทานง่ายจ่ายได้ในราคาเท่านี้ แต่คุณภาพเราก็ต้องได้ด้วย ต่อมาคือ รสชาติ เราชัดเจนเรื่องรสชาติมากๆ เพราะเราชอบทำ และทำมันได้ดี ถ้าทำได้ดีก็จะรักษามาตรฐานได้ดีที่สุด”

‘PASTA AMA’ ร้านของอดีตพนักงาน HR ลาออกมาขายข้าวกล่อง วางเป้าปีนี้ ‘250 ล้านบาท’

ไม่เคยคิดจะมาไกลถึงร้อยล้าน แต่ปีนี้จะไป “250 ล้านบาท” นักลงทุนรุมจีบฉ่ำ

แม้จะเปิดร้านมาได้ 5 ปี กับอีก 10 สาขา แต่เมื่อมองย้อนกลับไป “จี” ยังรู้สึกว่า ตัวเองโตไว และมาไกลกว่าที่คิดเยอะมาก เริ่มแรกที่ลาออกมาเปิดร้านขายข้าวกล่องไม่เคยคิดว่า จะมาถึงจุดที่รายได้แตะร้อยล้าน มองว่า เป็นพนักงานกินเงินเดือนเหมือนกับคนอื่นๆ พอมาเป็นพ่อค้าเก็บเงินได้ก้อนแรก 1 ล้านบาท ก็โทรศัพท์ไปดีใจกับพ่อแม่แล้ว วันนี้จึงเกินคาดไปเยอะมาก ถ้าให้ตั้งเป้าใหญ่ถึง 500 ล้านบาท หรือ 1,000 ล้านบาท คงไม่กล้าฝันขนาดนั้น

“จี” บอกว่า ช่วงที่ร้าน “PASTA AMA” เริ่มเห็นเป็นรูปเป็นร่าง คือปี 2566-2567 จากปี 2566 ที่ทำรายได้ไปหลักสิบล้าน ปี 2567 สามารถปิดยอดไปได้ที่ร้อยล้านบาท ปีนี้ตั้งใจจะเปิดเพิ่มอีก 5 สาขา ส่วนใหญ่ยังอยู่ในห้างสรรพสินค้า และมีบางส่วนที่เป็นสาขาสแตนอโลน รายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากการเปิดสาขา ปีนี้จึงตั้งเป้าจากสาขาที่เพิ่มมาคาดว่า จะปิดปีได้ที่ 200-250 ล้านบาท

ที่ตัดสินใจเปิดหน้าร้านเพิ่มขึ้น เพราะคิดว่า ยุคนี้เปลี่ยนไปจากช่วงตั้งไข่ของ “PASTA AMA” คนไม่ได้อยู่ในออนไลน์เท่าเดิม คนสั่งออนไลน์ยังมีแต่น้อยลง ทุกวันนี้ลูกค้ากลับเข้ามากินที่หน้าร้านมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันสาขาที่ทำเงินที่สุดของ “PASTA AMA” ยังเป็นสาขาเซ็นทรัลเวิลด์ และสาขาเซ็นทรัลลาดพร้าว แนวทางในการเปิดครึ่งปีหลังมีทั้งใน และนอกห้างผสมกัน ส่วนการไปต่างจังหวัดตอนนี้มีที่เดียว คือ สาขาเชียงใหม่ เล็งเปิดเพิ่มที่พัทยาและขอนแก่น เป็นสาขานอกกรุงเทพฯ ถัดไป

‘PASTA AMA’ ร้านของอดีตพนักงาน HR ลาออกมาขายข้าวกล่อง วางเป้าปีนี้ ‘250 ล้านบาท’

เมื่อถามว่า โตเร็วขนาดนี้มีแลนด์ลอร์ดหรือนักลงทุนมาจีบเยอะหรือไม่ “จี” บอกว่า แลนด์ลอร์ดยื่นข้อเสนอชวนไปเปิดเยอะมากแต่เราก็ต้องดูศักยภาพตัวเองด้วย ต้องอยู่ในจุดที่มีความพร้อม ตอบโจทย์แบรนด์ มีกลุ่มเป้าหมายรองรับ คิดจะเปิดสาขาสักแห่งหนึ่งใช้เวลาพิจารณาพอสมควรเพื่อให้ธุรกิจปลอดภัยมากที่สุด

ทั้งนี้ “จี” เผยว่า มีนักลงทุนรายใหญ่ชวนเปิดร้านที่สิงคโปร์ แต่ก็มองว่า ตอนนี้ระบบหลังบ้าน และทีมงานยังไม่พร้อม ใจจริงอยากไป และโอกาสก็มีเข้ามาตลอด แต่จะเก็บทุกโอกาสก็คงเป็นไปไม่ได้ ที่สุดแล้วต้องดูว่า พร้อมหรือไม่ จุดไหนที่เหมาะสมทั้งจังหวะ และเวลา การเข้าไปอยู่ใต้ “บ้านใหญ่” ก็เช่นเดียวกัน มีหลายกรุ๊ประดับประเทศมาชวน มองว่า ถ้ามายเซ็ตตรงกัน ไดเรกชันเห็นแบบเดียวกัน ก็ไม่แน่ว่า ในอนาคตอาจได้เห็น “PASTA AMA” มีเพื่อนใหม่เข้ามาอยู่ใต้ร่มเดียวกันก็เป็นไปได้

“วันนี้ตอบตัวเองให้ได้ก่อนว่า ต้องการอะไร ผมยังรู้สึกสนุกกับมัน สิ่งที่สร้างมายังโตได้อีก ระบบหลังบ้านก็สำคัญ ระบบการเงิน ระบบครัวกลาง เมเนจเมนต์เรื่องคน ขอให้เป็นพื้นฐานที่แข็งแรงที่เราพร้อม ทุกอย่างเป็น S-Curve ต้องดูจุดที่พอดีของธุรกิจด้วย ถ้าเราเปิดรับสิ่งใหม่ๆ หรือต้องการจริงๆ ก็ต้องการคนมาช่วยซัพพอร์ตซึ่งกันและกัน เราขาดเรื่องอะไร และจะมาช่วยเสริมธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคงได้อย่างไร ต้องมีไดเรกชันตรงกัน เป้าหมายก็สำคัญ”

เจ้าของร้านพาสต้ามาแรงบอกว่า ไม่เคยฝันใหญ่ถึงขั้นอยู่ทั่วประเทศ หรือไปสู่ “Global Brand” อนาคตถ้าได้เห็น “PASTA AMA” อยู่ครบทุกจังหวัดหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศก็นับว่า มาไกลเกินที่คิดไว้มากแล้ว และมองว่า การเปิดสาขาใหม่ๆ เพิ่มปีละ 5 แห่ง ยังเป็นตัวเลขที่ “Playsafe” เติบโตอย่างช้าๆ แต่มั่นคง

อย่างน้อยที่สุดวันนี้ก็น่าจะพูดได้แล้วว่า “จี” บรรลุเป้าหมายทำให้ตัวเองรวยได้แล้ว

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์