‘สมาคมโรงแรมไทย’ วอนนายกฯ ทบทวนมติบอร์ดค่าจ้าง ยกเลิกขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท

‘สมาคมโรงแรมไทย’ เปิด 3 เหตุผล ยื่นหนังสือถึงนายกฯ ‘แพทองธาร’ ทบทวนมติบอร์ดค่าจ้าง ยกเลิกขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาทต่อวัน เฉพาะกลุ่มอาชีพภาคบริการและอุตสาหกรรมโรงแรม ย้ำการปรับค่าแรงในภาพรวมควรสะท้อนความเป็นธรรม ไม่ใช่เลือกขึ้นเฉพาะกลุ่มอาชีพใดอาชีพหนึ่ง
นายเทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) เปิดเผยว่า ว่าตามที่กระทรวงแรงงานและคณะกรรมการไตรภาคี ได้มีมติเห็นชอบให้ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 บาท/วัน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป โดยเฉพาะในกลุ่มอาชีพภาคบริการ และอุตสาหกรรมโรงแรม ส่งผลต้นทุนค่าจ้างพนักงานโรงแรมเพิ่มขึ้นประมาณ 10-15% โดยเฉพาะในบางจังหวัดที่ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมาก นับเป็นการซ้ำเติมภาคธุรกิจโรงแรม
“สิ่งที่เสียใจมากๆ คือ ค่าแรงขั้นต่ำควรจะสะท้อนค่าครองชีพ และควรปรับค่าแรงขั้นต่ำอย่างทั่วถึง ไม่ควรที่จะเลือกขึ้นค่าแรงขั้นต่ำกับอาชีพใดอาชีพหนึ่ง ซึ่งไม่ยุติธรรมกับทั้งผู้ใช้แรงงานและผู้ประกอบการ”
นายเทียนประสิทธิ์ กล่าวว่า จากผลกระทบที่เกิดขึ้นทางสมาคมโรงแรมไทย จึงได้ทำหนังสือยื่นถึง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้พิจารณาทบทวนการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เฉพาะกลุ่มอาชีพในภาคบริการ และอุตสาหกรรมโรงแรม
หลังจากที่กระทรวงแรงงานและคณะกรรมการไตรภาคี ได้มีมติเห็นชอบให้ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 บาทต่อวัน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป โดยเฉพาะในกลุ่มอาชีพภาคบริการ และอุตสาหกรรมโรงแรม ได้แก่ โรงแรมตั้งแต่ระดับ 2 ดาวขึ้นไป หรือโรงแรมที่มีจำนวนห้องพักตั้งแต่ 50 ห้องขึ้นไป รวมถึงสถานบริการอื่นๆ นั้น สมาคมโรงแรมไทยมีความกังวลต่อผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากมติดังกล่าว ด้วยเหตุผลหลัก ดังต่อไปนี้
1.ภาวะการท่องเที่ยวที่ชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง
ในปัจจุบันภาคการท่องเที่ยวของประเทศไทย กำลังเผชิญกับภาวะจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากตลาดหลักในภูมิภาคเอเชีย เช่น จีน มาเลเซีย และรัสเชีย ทั้งยังได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนในเศรษฐกิจโลก
รวมถึงประเด็นด้านความปลอดภัยที่มีผลต่อการตัดสินใจเดินทางเข้าประเทศ ส่งผลให้รายได้ของผู้ประกอบการโรงแรมลดลง ขณะเดียวกันต้นทุนด้านวัตถุดิบ ค่าพลังงาน และแรงงานก็ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมากอยู่แล้ว การขึ้นค่าแรงในช่วงเวลานี้จะซ้ำเติมภาระผู้ประกอบการและส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญ
2.การกำหนดขึ้นค่าแรงเฉพาะกลุ่มอาชีพถือเป็นความไม่เป็นธรรม
การปรับขึ้นค่าแรงเฉพาะกลุ่มอาชีพ เช่น โรงแรมตั้งแต่ 2 ดาวขึ้นไป หรือโรงแรมที่มีห้องพักเกิน 50 ห้อง ส่งผลให้เกิดความไม่เท่าเทียมระหว่างผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเดียวกัน ทั้งยังยังสร้างแรงจูงใจในทางลบที่อาจทำให้ผู้ประกอบการบางรายไม่ประสงค์ขอใบอนุญาตโรงแรม หรือลดการพัฒนาและยกระดับมาตรฐาน เพื่อหลีกเลี่ยงข้อกำหนดดังกล่าว ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อคุณภาพและศักยภาพของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวโดยรวม
3.กระทบต่อการแข่งขันของประเทศไทยในตลาดท่องเที่ยวโลก
การเพิ่มภาระต้นทุนเฉพาะกลุ่มโดยไม่สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและอุปสงค์ของตลาด อาจทำให้ประเทศไทยสูญเสียความสามารถในการแข่งขันเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน
ดังนั้นสมาคมโรงแรมไทยจึงขอให้นายกรัฐมนตรี พิจารณาส่งเรื่องกลับไปยังคณะกรรมการไตรภาคี เพื่อทบทวนมติและพิจารณายกเลิกการกำหนดปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเฉพาะกลุ่มอาชีพ และขอให้พิจารณานโยบายในภาพรวมที่สะท้อนความเป็นธรรมและความสามารถในการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการในทุกระดับ