JAS คว้าถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีก-ไทยลีก S-Curve สร้างธุรกิจแกร่ง

เปิดตัวแพ็คเกจดูฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ(EPL)ไปอย่างยิ่งใหญ่ สำหรับ “จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล” หลังทุ่มทุน 1.9 หมื่นล้านบาท คว้าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดมาอยู่ในมือ รวมถึงเอมิเรตส์ เอฟเอ คัพ ตลอด 6 ฤดูกาล ใน 3 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย ประเทศลาว และประเทศกัมพูชา

กรุงเทพธุรกิจ พูดคุยกับ ดร.โสรัชย์ อัศวะประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS ถึงการเคลื่อนทัพธุรกิจครั้งใหญ่ของบริษัท การทุ่มเงินมหาศาลท่ามกลางเศรษฐกิจ กำลังซื้อชะลอตัว แผนธุรกิจ และการ “ทำกำไร” จาก King of Content อย่างฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่ครองใจคอบอล คนดูกีฬาทั่วโลก

ก่อนเปิดฤดูกาลแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก นัดแรกจะมีขึ้น 16 สิงหาคม 2568 JAS ผนึกพันธมิตรสูงสุดเป็นประวัติการณ์เพื่อหาทางดึงคอบอลมาสมัครสมาชิก ซึ่งตามเป้าหมายที่วางไว้ 2 ล้านราย “ธุรกิจอยู่ได้สบาย” แต่ถ้ามากกว่านั้น หรือผู้สมัครสมาชิก 3 ล้านราย “ธุรกิจยิ่งกำไรเยอะขึ้น” ภายใต้ราคาแพ็คเกจเฉพาะก่อนแข่ง 1 สัปดาห์ โดยแพลตฟอร์มสตรีมมิงโมโน แม็กซ์ แพ็คเกจโมโน แม็กซ์มาตรฐาน( MONOMAX Standard)แบบรายเดือนอยู่ที่ 299 บาท และแพ็คเกจรายปี 2,999 บาท ส่วนลูกค้าเอไอเอส เคาะราคาแพ็คเกจ โมโน แม็กซ์ สแตนดาร์ด 199 บาท จากปกติ 299 บาท และแพ็คเกจรายปี 1,999 บาท จากปกติ 2,999 บาท

“ราคานี้เราให้ทุกอย่างเลย ทั้งรับชมฟุตบอลพรีเมียร์ลีก และความบันเทิงครบครัน”

การมีคอนเทนต์ฟุตบอล จะเป็นแม่เหล็กสำคัญตรึงคนดู และยังเป็นกลยุทธ์เกื้อกูลการรับชมแพลตฟอร์มสตรีมมิงสัญชาติไทย “โมโนแม็กซ์”(MONO MAX)ด้วย

สงครามราคา ชิงดูคนดูสตรีมมิง

การเปิดหน้าชกด้วยหมัดเด็ดด้าน “ราคาต่ำกว่าอดีต” ที่ผ่านมา ดร.โสรัชย์ บอกว่า วิธีการบริหารต้นทุนของผู้เล่นแต่ละรายไม่เท่ากัน อีกทั้งการศึกษาตลาดคนดูฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ทำให้รู้ว่าราคา 199 บาทต่อเดือน(สำหรับลูกค้าเอไอเอเอส) และโมโนแม็กซ์ 299 บาทต่อเดือน กับสมาชิก 2-3 ล้านราย ธุรกิจอยู่ได้

หากเจาะกลยุทธ์ราคาดังกล่าว บริษัทมองตลาดกว้าง(Mass) คือคนดูฟุตบอลจริงจัง 6.5-7 ล้านราย หากนับที่แซวหรือขิงกันบนโลกออนไลน์มีราว 10 ล้านราย “ส่วนคนดูที่พร้อมจ่ายมี 1.5-2 ล้านราย” สอดรับที่ทำแผนธุรกิจไว้ แต่บริษัทยังหวังคนที่เคยดูแบบไม่ถูกลิขสิทธิ์หันมาจ่ายเงินดูอย่างถูกต้องด้วย

ราคาเปิด 2 ใบแดงมีทอน เอื้อให้คอบอลเข้าถึงคอนเทนต์โปรดง่ายขึ้น และการรับชมเงื่อนไขคือ 1 อุปกรณ์เท่านั้น ยังไม่มีการทำแพ็คเกจสำหรับคนดูหลายจอ เพราะนั่นคือตลาดส่วนน้อยอยู่ แม้พันธมิตรอย่างเอไอเอสอยากให้มีก็ตาม

“เราพยายามทำราคาบุฟเฟต์ให้ชัด (เทียบร้านอาหาร)ลูกค้าจะอารมณ์เสียมาก หากเข้าไปแล้วเจอบวกน้ำแร่ 100 บาท น้ำแข็ง 50 บาท ของเราไม่มี จ่ายจบเลย เป็น One price for all”

คว้าถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีก..แฮปปี้!

กรุงเทพธุรกิจโยนคำถาม ดร.โสรัชย์ ถึงการทุ่มทุนเงินก้อนโตหมื่นล้านบาทคว้าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดมาครอง 6 ฤดูกาล เป็นเดิมพันที่ใหญ่ และเป็น Big Move ของบริษัทท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจชะลอตัว คำตอบสั้นๆ “ถ้าถามผม..แฮปปี้นะ”

มิติธุรกิจ บริษัทศึกษาตั้งแต่ก่อนประมูลลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดแล้ว ทั้งราคาที่เคาะขาย สมาชิก 2 ล้านรายเอาอยู่! และยังคาดหวังสมาชิกไปแตะ 3 ล้านรายด้วย ยังมีคอนเทนต์กีฬาอื่น โดยเฉพาะฟุตบอลไทยลีกทั้ง 3 ระดับชั้น คอนเทนต์บันเทิง ซีรีย์เกาหลี ญี่ปุ่น จีน ต้นตำรับหรือออริจินัลของไทย รวมถึงภาพยนต์ฮอลลีวูด นำมาเสิร์ฟครบ

นอกจากนี้ การได้ทั้งฟุตบอลพรีเมียร์ลีก รวมถึงลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลไทยลีก ยังทำให้บริษัทครองส่วนแบ่งตลาดของคนดูหรือ Eyeball แทบจะส่วนใหญ่ ขณะที่เซ็กเมนต์อื่นๆ มีขนาดเล็กลงไปตามลำดับ

“เราคิดว่า 2 รายการนี้เพียงพอที่เราจะสร้างธุรกิจที่แข็งแกร่งเป็นพื้นฐาน” ดร.โสรัชย์ ย้ำและขยายความว่า “เรียนตรงๆว่าเราไม่ได้ฝันบนปุยเมฆนะครับ..งานยากยังรอเราอยู่”

สำหรับงานยากที่นอกเหนือจากลุยแพ็คเกจราคาต่ำดึงสมาชิกให้ได้ตามเป้า การได้ฟุตบอลไทยลีกที่มีความตั้งใจจะถ่ายทอดสดทุกลีกทั้ง 3 ระดับชั้นรวม “พันกว่าแมทช์” ไม่ง่าย ซึ่งครั้งนี้ ดร.โสรัชย์ ยังยกเครดิตให้กับ “เอไอเอส” ที่เป็นโต้โผ เป็นผู้สนับสนุน และให้ความร่วมมืออย่างดี

นอกจากกีฬาฟุตบอลเป็น King of Content สารตั้งต้นวางรากฐานธุรกิจให้แกร่ง สเต็ปต่อไปยังมองการคว้าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดกีฬาชนิดอื่นๆมาครองด้วย หนึ่งในนั้นคือ “วอลเล่ย์บอล” รวมถึง “ตะกร้อ” อีกกีฬายอดฮิตของคนไทย

“จะ move สู่กีฬาอื่นอีกมั้ย one at the time น่าจะทำสิ่งที่เราได้มาให้ดียิ่งขึ้นในระดับหนึ่งก่อน”

ราคาประมูลเท่ารายเก่า ที่เจ็บตัวเพราะเทคโนโลยีไม่เอื้อ

JAS ชนะประมูลลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีก และเอฟเอ คัพ 6 ฤดูกาล 1.9 หมื่นล้านบาท ครอบคลุม 3 ประเทศ “ดร.โสรัชย์” บอกว่าราคาดังกล่าวเท่าๆกับรายเดิมที่เคยจ่าย ก็คือ “ซีทีเอช”(FYI ซีทีเอชควักเงินราว 9,000 ล้านบาท คว้าสิทธิ์ถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีก 3 ฤดูกาล ล้มตำนานทรูวิชั่นส์)

รายเก่ามีบทเรียนเจ็บ!เจ๊ง! มาแล้ว

ดร.โสรัชย์ ย้ำว่า บริษัทมีความมั่นใจในการกระโดดสู่สังเวียนคอนเทนต์ชิงคนดูที่ผ่านมาศึกษาตลาดมาแล้ว ใช้บริษัทวิจัยระดับโลก รวมถึงในไทยเพื่อวิเคราะห์ ศึกษาความเป็นไปได้ ช่องว่างตลาด อย่างเต็มฝีมือด้วยความชำนาญหรือ craft และหากย้อนดูรายเก่าจะเห็นว่าใช้กลยุทธ์พรีเมียม เจาะคอบอลครีมๆ จึงเห็นราคาที่สูง แพ็คเกจมีการขยับขึ้น เป็นต้น

ย้อนดูผู้ท้าชิงในอดีต ข้อเสียเปรียบยุคนั้นคือเรื่องของเทคโนโลยี ต้องดูผ่านจานดาวเทียม ซึ่งปรับตัวไม่ทันกระทั่งฤดูกาลแข่งขันเปิดแล้ว ส่วนยุคดิจิทัลเพียงเปิดแอปพลิเคชันโมโนแม็กซ์ไม่เกิน 5 นาที รับชมได้เลย

“ย้อนไปไกลๆ รายอื่น(FYI:ซีทีเอช)ก็ซื้อราคาเท่าเราแหละ เรามั่นใจอยู่แล้วกับการกระโดดทำธุรกิจหมื่นล้าน เพราะตัวเลขบอกตั้งแต่ทำฟีซ(feasibility study) การที่เราเป็นผู้บริหาร โจทย์นี้สำหรับผมมันคือการ Think over เราเตรียมตัวตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว มีการรัน scenario ทั้ง base-case, best-case และ worst-case scenario เราอยู่ได้เทาไหร่”

สปอนเซอร์เพียบ! ใจป้ำด้วย

การลงทุนใหญ่ เปิดตัวยิ่งใหญ่ เดิมพันใหญ่ ทำให้บ้านใหม่ของการถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีก เต็มไปด้วย “พันธมิตร” ที่เป็นผู้สนับสนุนมากมาย จนถึงตอนนี้ยังคาดว่าจะมีเพิ่มด้วย

ขณะที่พี่เบิ้มอย่างเอไอเอส รายแรกใจป้ำควัก 1,000 ล้านบาท ร่วมเคลื่อนธุรกิจคอนเทนต์กีฬา สปอนเซอร์ใหญ่ “ลีโอ” ควัก 200 ล้านบาทร่วมหนุน แพลนบี ให้พื้นที่สื่อโฆษณานอกบ้านมูลค่า 100 ล้านบาท หากหาสปอนเซอร์ได้ ยังแบ่งรายได้หรือ Revenue Sharing อีกด้วย เป็นต้น

“รายได้สปอนเซอร์จากพาร์ทเนอร์ชิปสูงกว่าเดิม ทำให้การทำมาร์เก็ตติงครั้งนี้ใช้เงินไม่เยอะ เพราะเรามีสปอนเซอร์เยอะ อย่างสิงห์ คอร์เปอเรชั่น หากทำกิจกรรมทั้ง Sport Marketing Music Marketing หรือ Night Entertainment เราขอไปด้วยกัน”

New S-Curve หนุนรายได้ JAS

JAS หลังขายกิจการ 3BB ออกไป ภาพของบริษัทเป็นเสมือนบริษัทลงทุนหรือ Holding แต่การได้พรีเมียร์ลีก หรือรายการกีฬาใหญ่ในมือกลายเป็นขุมทรัพย์รายได้ใหม่ให้บริษัทหรือ New S-Curve เฉพาะปีแรกคาดการณ์เพิ่มรายได้ระดับ 5,500-6,500 ล้านบาท อีกด้านจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนด้วย โดยเฉพาะหากบริษัทโกยยอดสมาชิกทะลุ “ล้านราย” สำเร็จตามเป้าหมาย

“นักลงทุนอาจติดภาพของเจ้าเดิม ที่มีสมาชิกจำนวนน้อย แต่ถ้าเรามีจำนวนสมาชิกทะลุล้านได้เร็ว จะยิ่งสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน”

จากนี้ไป JAS ยังมองหาธุรกิจใหม่เสริมแกร่งต่อเนื่อง ในเครือมีทั้งการลุยพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอ ธุรกิจบิทคอยน์ที่มีเหมืองขุดอยู่ที่ราชบุรี ฯ ล่าสุด “Sport Entertainment” คือจิ๊กซอว์เคลื่อนการต่อเติบโต ยังมีธุรกิจอื่นที่อยู่ในการพิจารณาด้วย

“การคว้าสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีก เดิมพันนี้ยิ่งใหญ่ แต่ชัยชนะที่ได้มาย่อมต้องเสี่ยง แต่เราเสี่ยงด้วยฝีมือนะ และเราศึกษาดีแล้ว”