AWC จุดพลุ ‘จูราสสิค เวิลด์’ ปลุกเอเชียทีค พลิกโมเมนตัมประเทศ ชี้ ‘จีนเที่ยวไทย’ ไร้แววคึก

AWC จุดพลุ ‘จูราสสิค เวิลด์’ ปลุกเอเชียทีค พลิกโมเมนตัมประเทศ ชี้ ‘จีนเที่ยวไทย’ ไร้แววคึก

“วัลลภา” ซีอีโอ “AWC” อาณาจักรอสังหาฯ 2 แสนล้าน ชี้“จีนเที่ยวไทย” ไร้แววกลับมาคึกคักเต็มที่ ปรับ “เอเชียทีค” มุ่งหลากหลายไม่ยึดจีน ส่ง“จูราสสิค เวิลด์ฯ” พลิกโมเมนตัมการท่องเที่ยว ทุ่มงบ 5 พันล้าน “เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน แบงค็อกฯ ” ผงาด“ล้ง 1919” และ “ย่านทรงวาด”

จากสถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยในช่วง 5 เดือนแรก (ม.ค.-พ.ค.) ของปี 2568 มีจำนวนสะสม 14,362,694 คน ลดลง 2.7% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว พบว่าตลาดนักท่องเที่ยวจีนมีจำนวน 1,958,939 คน ยังเดินทางเข้าไทยมากเป็นอันดับ 1 แต่ลดลงถึง 32.7% ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างและแลนด์สเคปครั้งสำคัญของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย กูรูและภาคเอกชนท่องเที่ยวต่างประเมินแนวโน้มว่าปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยไม่ถึง 5 ล้านคน ห่างไกลจากยุคทองปี 2562 ที่ตลาดนักท่องเที่ยวจีนเฟื่องฟูสูงสุดด้วยจำนวนกว่า 11 ล้านคน

นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC กล่าวว่า แม้ว่าสถานการณ์นักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยใน 5 เดือนแรกจะลดลงไปค่อนข้างมาก แต่สำหรับโครงการเอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น ซึ่งเคยมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาจำนวนมาก ครองสัดส่วนกว่า 70% ของปริมาณทราฟฟิกทั้งหมดในยุคก่อนโควิดระบาด ได้ปรับกลยุทธ์กระจายความหลากหลายของตลาดมากขึ้น เพราะยังไม่เห็นวี่แววว่าตลาดนักท่องเที่ยวจีนจะกลับมาแบบคึกคักอย่างเต็มที่

“หลังจากบริษัทได้ประกาศลงทุนราว 1,400 ล้านบาทเพื่อพัฒนาโครงการจูราสสิค เวิลด์ : ดิ เอ็กซ์พีเรียนส์ (Jurassic World: The Experience) ในโครงการเอเชียทีค เตรียมเปิดให้บริการเดือน ก.ค. 2568 ทำให้มีผู้เช่าพื้นที่กลุ่มอื่นๆ เข้ามาเสริมมากขึ้น เห็นแรงส่ง (โมเมนตัม) ที่ดีและเพิ่มขึ้นของปริมาณทราฟฟิกนักท่องเที่ยว โดยบริษัทตั้งเป้าดึงทราฟฟิกนักท่องเที่ยวมาเยือนโครงการจูราสสิคฯ 30,000 คนต่อวัน และมองว่าจะเป็นหนึ่งในไฮไลต์ของประเทศไทย มีส่วนช่วยเปลี่ยนโมเมนตัมเรื่องการท่องเที่ยวของประเทศไทย ว่ามาเที่ยวแล้วสนุก เพื่อสร้างความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัวให้กลับมาเดินทางกันต่อ”

 

“การท่องเที่ยว” ยังเป็นจุดแข็งประเทศ

ขณะที่ โรงแรมอื่นๆ ในเครือ AWC ซึ่งกระจายทั่วเมืองท่องเที่ยวหลักของประเทศไทย ได้ใช้กลยุทธ์สร้างความหลากหลายของประเทศต้นทางลูกค้าอยู่แล้ว ปัจจุบันมีสัดส่วนนักท่องเที่ยวจีน 10% จากทุกตลาด และยังเห็นการเติบโตที่ดีของรายได้ต่อห้องพัก (RevPAR) ในไตรมาส 1 ส่วนการเข้าสู่โลว์ซีซันในไตรมาส 2 แม้นักท่องเที่ยวจีนมีแนวโน้มลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน แต่ก็ได้เห็นนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่นๆ เข้ามาชดเชยตลาดจีนมากขึ้น

“จากภาพรวมสถานการณ์ท่องเที่ยวไทยในตอนนี้ ทำให้บริษัทเน้นดึงนักท่องเที่ยวคุณภาพผ่านเครือข่ายพันธมิตรต่างๆ และทำการตลาดดึงนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่นๆ มาเพิ่ม โดยถือว่าโชคดีที่การท่องเที่ยวยังเป็นไฮไลต์และจุดแข็งของประเทศไทย หวังว่าประเทศไทยจะมีแคมเปญเรียกความเชื่อมั่นเพื่อเชื่อมนักท่องเที่ยวทั่วโลก”

AWC จุดพลุ ‘จูราสสิค เวิลด์’ ปลุกเอเชียทีค พลิกโมเมนตัมประเทศ ชี้ ‘จีนเที่ยวไทย’ ไร้แววคึก

ส่วนเซกเมนต์ที่บริษัทยังกังวลคือตลาดประชุมสัมมนาที่ได้รับผลกระทบ เพราะหลังจากเกิดเหตุแผ่นดินไหวเมื่อปลายเดือน มี.ค. แม้ลูกค้าจะยังคงยืนยันการเดินทาง แต่พบว่ายอดจองใหม่เข้ามาช้าลง บริษัทจึงต้องร่วมกันพันธมิตรทั่วโลกเร่งบูสต์ความเชื่อมั่นกลับมา

“ด้านภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่ชะงักไป อาจเป็นเพราะนักท่องเที่ยวบางส่วนไม่แน่ใจเรื่องการเดินทาง สำหรับบริษัทยังไม่เห็นผลกระทบโดยตรงจากปัจจัยนี้ แต่ยังต้องติดตามและประเมินสถานการณ์ท่องเที่ยวในไตรมาส 2 อย่างใกล้ชิด”

AWC จุดพลุ ‘จูราสสิค เวิลด์’ ปลุกเอเชียทีค พลิกโมเมนตัมประเทศ ชี้ ‘จีนเที่ยวไทย’ ไร้แววคึก

 

เมินดีมานด์ซึมลุยโปรเจกต์ระยะยาว

ทั้งนี้ บริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาระยะยาวหลายโครงการ พอเห็นดีมานด์ภาพรวมนักท่องเที่ยวต่างชาติชะลอตัว ตอนแรกก็เป็นห่วง แต่พอเห็นผลตอบรับของโรงแรมมีเลีย พัทยา โฮเต็ล ประเทศไทย ที่เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อเดือน ม.ค. เป็นโครงการแรกของบริษัทในพัทยา พบว่าดีมานด์ตลาดในประเทศยังคงแข็งแกร่ง หนุนยอดจองโรงแรมนี้ดีมาก แม้ว่าก่อนโควิดระบาดพัทยาจะมีนักท่องเที่ยวจีนและรัสเซียครองตลาดเป็นหลักก็ตาม 

แต่ยุคหลังโควิดนั้นมีความหลากหลายของตลาดมากขึ้น และในวันที่ 20 มิ.ย. จะเปิดโรงแรมพัทยา แมริออท รีสอร์ต แอนด์ สปา น่าจะได้เห็นโมเมนตัมที่ดีเช่นกัน

“พอภาพรวมดีมานด์ชะลอตัว เราเลยเลือกเดสติเนชันที่ดีมานด์การเดินทางแข็งแกร่ง เช่น โครงการในพัทยา โดยไม่ได้หวังเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างเดียว แต่หวังตลาดในประเทศด้วย”

AWC จุดพลุ ‘จูราสสิค เวิลด์’ ปลุกเอเชียทีค พลิกโมเมนตัมประเทศ ชี้ ‘จีนเที่ยวไทย’ ไร้แววคึก

 

ทุ่ม 5 พันล้านผุด “เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน” ริม 2 ฝั่งเจ้าพระยา

นางวัลลภา กล่าวเพิ่มเติมว่า วานนี้ (9 มิ.ย.) บริษัทลงเสาเอกเริ่มก่อสร้าง โรงแรมเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน แบงค็อก เดอะ ริเวอร์ไซด์ ภายใต้โครงการ AWC River Journey Project ให้เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ในการสร้างดีมานด์ใหม่ ด้วยจุดเด่นของที่ตั้งรีสอร์ตใจกลางเมืองและตั้งริมแม่น้ำเจ้าพระยา เพิ่มตัวเลือกการเดินทางแก่นักท่องเที่ยวว่าเมื่อมาถึงกรุงเทพฯแล้ว ไม่ใช่มาเข้าพักแค่โรงแรมในเมือง (City Hotel) เท่านั้น สามารถสัมผัสประสบการณ์การพักผ่อนแบบหลากหลายในกรุงเทพฯ

สำหรับโรงแรมเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน แบงค็อก เดอะ ริเวอร์ไซด์ กระจายที่ตั้งอาคารบนที่ดิน 3 แปลงด้วยกัน ได้แก่ 1 แปลงใหญ่ตรง เดอะ ล้ง 1919 ริเวอร์ไซด์ เฮอริเทจ เดสติเนชั่น โดยอาคารหลักสูง 20 ชั้น ประกอบด้วยห้องพักระดับลักชัวรี 167 ห้อง ห้องอาหารรูฟท็อปพร้อมวิวแบบพาโนรามา ห้องบอลรูมขนาดใหญ่ และห้องอาหารอีกหลากหลายแห่ง ไฮไลต์คือห้องพักแบบสวีทขนาดใหญ่ที่จะพัฒนาให้เป็นห้องพักราคาแพงที่สุดในกรุงเทพฯ 

AWC จุดพลุ ‘จูราสสิค เวิลด์’ ปลุกเอเชียทีค พลิกโมเมนตัมประเทศ ชี้ ‘จีนเที่ยวไทย’ ไร้แววคึก

ทั้งนี้ยังออกแบบห้องพักกว่า 20% ของห้องพักทั้งหมดให้มีขนาด 2-3 ห้องนอนเพื่อรองรับการเดินทางเป็นกลุ่มใหญ่และพำนักนาน ส่วนอีก 2 แปลงย่านทรงวาด อีกฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยา จะมีห้องพักระดับลักชัวรีอีก 24 ห้อง ห้องคอนเวนชั่น และห้องอาหารให้บริการ

“โรงแรมเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน แบงค็อก เดอะ ริเวอร์ไซด์ ซึ่งกระจายที่ตั้งบนสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ใช้งบลงทุนรวม 5,000 ล้านบาท คาดพัฒนาเสร็จสมบูรณ์ เปิดอย่างเป็นทางการในปี 2571 หรืออีก 4 ปีข้างหน้า” นางวัลลภา กล่าว

AWC จุดพลุ ‘จูราสสิค เวิลด์’ ปลุกเอเชียทีค พลิกโมเมนตัมประเทศ ชี้ ‘จีนเที่ยวไทย’ ไร้แววคึก