‘ร้านเครื่องเขียน’ ใกล้ตาย ? เด็กรุ่นใหม่ใช้ iPad แทนกระดาษ ปากกา-ดินสอ กอดคอยอดขายร่วง

‘ร้านเครื่องเขียน’ ใกล้ตาย ? เด็กรุ่นใหม่ใช้ iPad แทนกระดาษ ปากกา-ดินสอ กอดคอยอดขายร่วง

กล่องดินสอสองชั้น-ปากกาเมจิกหลายสีหลบไป! ยักษ์เครื่องเขียนฉายภาพความเปลี่ยนแปลง ยอดขาย “ปากกา-สมุด-ดินสอ” กอดคอร่วง ส่วนใหญ่ซื้อเท่าที่จำเป็น มากสุดเพียง 1-2 ด้าม/คน เน้นจดในแท็บเล็ต เร่งเพิ่มสินค้าขายดีกลุ่มงานช่าง รับเศรษฐกิจแย่ลงกว่าช่วงโควิด-19 เห็นชัดผู้ปกครองหยิบของออกจากตะกร้าก่อนจ่ายเงิน

แม้จะเป็นของใช้จำเป็นที่ต้องมีติดตัวแทบทุกคน แต่ภาพรวมธุรกิจร้านเครื่องเขียนทุกวันนี้ไม่ได้เฟื่องฟูเหมือนเดิมแล้ว หากแต่เป็นธุรกิจ “Sunset” หรือธุรกิจที่พร้อมจะร่วงโรยตลอดเวลา ยักษ์เครื่องเขียนหลายแห่งจึงเร่งปรับตัวไม่ได้ให้น้ำหนักไปที่สินค้าประเภทเดิม จากที่เคยใช้กลยุทธ์เปิดหน้าร้านเยอะเพื่อเพิ่มโอกาสในการปั๊มยอดขาย ทว่า วันนี้ดีมานด์เริ่มหายไป ถ้าไม่สร้างความแตกต่างก็ยากที่จะเป็นผู้รอดชีวิต

“ตาล-นพนารี พัวรัตนอรุณกร” ทายาทรุ่นที่ 3 ร้านเครื่องเขียนสมใจ ธุรกิจเครื่องเขียนอายุ 70 ปี ปัจจุบันมีทั้งหมด 22 สาขา บอกกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า พฤติกรรมของลูกค้ายุคก่อนหน้านี้นิยมซื้อปากกาหลายสี พกกระเป๋าใส่ปากกาดินสอใบใหญ่ๆ แต่วันนี้ภาพทุกอย่างเปลี่ยนไป ที่เห็นชัดคือสินค้าหมวดเครื่องเขียนมีสัดส่วนการเติบโตน้อยลง ลูกค้าเดินเข้ามาซื้อสินค้าจำพวกปากกา ดินสอ สมุดจดโน้ตน้อยลงเรื่อยๆ เด็กยุคนี้พกปากกามากสุดเพียง 1-2 ด้ามเท่านั้น 

แต่ขณะเดียวกันก็พบว่า หมวดหมู่สินค้าที่มีการเติบโตเพิ่มขึ้น คือสินค้างานช่าง และสินค้า D.I.Y. “สมใจ” ต้องปรับตัวไปตามความต้องการของลูกค้า ไม่หยุดอยู่กับที่ ลูกค้าอยากได้อะไรต้องหามาให้ ไม่ดึงดันจะขายแต่ปากกาเท่านั้น ทั้งยังต้องลงรายละเอียดในแต่ละสาขาด้วยว่า ลูกค้าในพื้นที่นิยมสินค้าประเภทไหนมากเป็นพิเศษ จะขายเหมือนกันทุกสาขาไม่ได้

‘ร้านเครื่องเขียน’ ใกล้ตาย ? เด็กรุ่นใหม่ใช้ iPad แทนกระดาษ ปากกา-ดินสอ กอดคอยอดขายร่วง

ผู้บริหาร “สมใจ” บอกว่า ยุคของ Gen Y อาจจะเน้นกล่องใส่ดินสอปากกาที่มีลวดลายเยอะหน่อย แต่เด็กเจนนี้ใช้เพียงกล่องเหล็กเรียบๆ เน้นความมินิมอล สมุดจดยังซื้ออยู่บ้างแต่ไม่เยอะมีติดตัวเพียงคนละ 1 เล่ม ส่วนปากกาก็ไม่พกหลากหลายสี ไม่เน้นลวดลายภายนอก ตัดสินใจจากคุณภาพเรื่องเขียนดี ใช้ดี ยอมรับว่า ในหมวดเครื่องเขียนมียอดขายลดลงจริง เว้นแต่ประเภทสีไม้ที่ยังมียอดขายดีต่อเนื่อง ซึ่งในหมวดนี้ก็จะเพิ่มสัดส่วนสินค้าประเภทสีไม้เข้ามาเสริมทัพ

ปัจจัยเรื่องการมาถึงของเทคโนโลยีมีผลแน่นอน ยอดขายปากกา ดินสอ และสมุดจดโน้ตที่ลดลงถูกแทนที่ด้วย “iPad” หรือ “แท็บเล็ต” ส่วนสีไม้ยังไม่มีอะไรมาทดแทนได้ รวมถึงในโรงเรียนเองก็ยังไม่ได้เปลี่ยนผ่านจากระบายสีในกระดาษสู่การระบายสีบนแท็บเล็ต สินค้าประเภทนี้ยังขายได้เรื่อยๆ 

อย่างไรก็ตาม ความเปลี่ยนแปลงเรื่องพฤติกรรมการซื้อปากกาและดินสอที่เห็นได้ชัดอีกอย่าง คือซื้อแบบ “ยกแพ็ค” เป็นการซื้อโดยผู้ปกครองที่บ้านแบบ “50 ด้าม แถม 10 ด้าม” ร้านสมใจจะเน้นขายสินค้าแนวนี้มากขึ้น อาจเรียกได้ว่า พฤติกรรมแบบเจนก่อนที่เน้นความสวยงามของรูปลักษณ์ภายนอกไม่ได้เกิดขึ้นกับเด็กยุคนี้อีกแล้ว

‘ร้านเครื่องเขียน’ ใกล้ตาย ? เด็กรุ่นใหม่ใช้ iPad แทนกระดาษ ปากกา-ดินสอ กอดคอยอดขายร่วง -ตาล-นพนารี พัวรัตนอรุณกร ผู้บริหารและทายาทรุ่นที่ 3 ร้านสมใจ-

“ปากกาดินสอยอดขายลดลง ไม่ใช่สินค้าหลักของสมใจแล้ว มองว่า ถ้ายังทู่ซี้ขายยอดเราก็จะตกไปด้วย ตอนนี้สินค้า Top 3 ขายดีจะเป็นประเภทศิลปะและเฮ้าส์แบรนด์ มีสินค้า D.I.Y. สินค้างานช่าง อย่างปากกาที่ขายดีเดี๋ยวนี้ คือปากกาลูกลื่นซื้อ 50 แถม 10 เหมือนที่บ้านซื้อไป เด็กก็จะเหน็บไปใช้ด้วย ฉะนั้น เวลามาซื้อก็จะยกไปทั้งแผง ขายแบบนี้เราก็จะได้การตอบรับที่ดี แต่ที่เห็นชัด คือใช้ iPad จดแทนสมุดเยอะขึ้น”

เมื่อถามว่า ยอดขายช่วงเปิดเทอมเติบโตขึ้นมากน้อยเพียงใด เศรษฐกิจแย่กระทบหรือไม่ “ตาล” บอกว่า กำลังซื้อลดลงอย่างเห็นได้ชัด หายไปอย่างน้อยๆ 10-15% ผู้ปกครองเน้นของถูกและดี จากเดิมที่เคยซื้อสีไม้ 48 สี ก็ลดลงเหลือ 24 สี ยังมีการจับจ่ายแต่มาด้วยสเกลที่เล็กลง คิดถึงความคุ้มค่ามากขึ้น หยิบมาใส่ตระกร้า คิดอีกรอบแล้วหยิบออกจากตะกร้าก็มี หมายความว่า ตลาดเครื่องเขียนก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน มองว่า ถ้าเศรษฐกิจยังเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ “สมใจ” ก็น่าจะต้องปรับตัว เน้นหมวดหมู่สินค้าราคาไม่แรง อยู่ในขอบข่าย “Budget Friendly” มาตอบโจทย์