‘ทรูวิชั่นส์’ ลุยโอทีที TrueVisions NOW ชูบันเทิงตรึงคนดูหลังไร้ EPL

ธุรกิจสื่อทีวี ยังคงเปลี่ยนแปลงต่อเนื่อง แม้คนดูทีวีซึ่งเป็นอุปกรณ์(Device) ลดลง แต่ “คอนเทนต์” ยังเป็นสิ่งที่ทุกคนดู ไม่ว่าจะเป็นกีฬา ความบันเทิง การถ่ายทอดสดต่างๆ

“ทรูวิชั่นส์” ผู้ให้บริการโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิกหรือเพย์ทีวี หนึ่งเดียวที่ยืนหยัดในตลาด วันนี้เผชิญการแข่งขันสูงจากการรับชมคอนเทนต์ผ่าน “โอทีที”(over-the-top) ที่เข้ามาเสิร์ฟคนดูแบบไร้พรมแดน ไม่เท่านั้นยังสูญเสียแม่เหล็กใหญ่ King of Content อย่าง “ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ” หรือ EPL 6 ฤดูกาล ตั้งแต่ปี 2568-2574 หลังมีคู่แข่งประมูลคว้าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดด้วยมูลค่ากว่า 1.91 หมื่นล้านบาท สูงกว่า “หลายเท่าตัว”

หมากรบต่อไปของ “ทรูวิชั่นส์” เดินเกมรุกตลาดเต็มสูบกับแพลตฟอร์มโอทีที ภายใต้ “TrueVisions NOW” ชูนาวเทนเมนท์ ครบจบทุกความบันเทิงในแอปพลิเคชันเดียว มุ่งสู่การเป็น Home of Entertainment ตัวจริง

พลิกกระบวนท่าครั้งใหญ่

“ถือเป็นการพลิกกระบวนท่าครั้งใหญ่ในรอบหลายปีของทรูวิชั่นส์ การมีโอทีที TrueVisions NOW คือการก้าวไปข้างหน้า” องอาจ ประภากมล หัวหน้าสายงานทรูวิชั่นส์ และมีเดีย บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) ฉายภาพ

ทั้งนี้ บริบทโลกธุรกิจ พฤติกรรมคนดูเปลี่ยนไป โดยเฉพาะ 10 ปีที่ผ่านมา เพราะการเกิดขึ้นของโอทีทีทำให้คนดูรายการโปรดแบบไร้พรมแดนผ่านมือถือ อินเตอร์เน็ต เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างง่ายดาย บริษัทจึงต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับสถานการณ์เพื่อรักษาบัลลังก์ผู้นำ

หากย้อนอดีตไกลหลายทศวรรษ จากยูบีซี สู่ทรูวิชั่นส์ “องอาจ” ย้ำว่า ธุรกิจขับเคลื่อนยั่งยืนเป็น “ผู้นำ” ได้ด้วย “คอนเทนต์” หรือเนื้อหารายการโปรดตอบโจทย์คนดูแบบ “เอ็กซ์คลูสีพ” ซึ่งผ่านช่วงคอนเทนต์ดี แพลฟตฟอร์มสุดยอดตามยุคสมัยทั้งจานดาวเทียม เคเบิล ฯ การเป็นผู้ให้บริการเนื้อหากว่า “ร้อยช่อง” บนทีวี ทั้งยังเป็นเจ้าแห่งนวัตกรรม นำบริการทรูวิชั่นส์ เอชดี พีวีอาร์มาใช้ให้คนอัดรายการโปรดไว้ดูย้อนหลัง การนำเทคโนโลยี 4K มาเพิ่มอรรถรสความคมชัดในการรับชม เป็นต้น

“เราชนะใจลูกค้ามาตลอดคือคอนเทนต์ต้องดีสุด เอ็กซ์คลูสีพ และแพลตฟอร์มพร้อม ดีสุด”

“คอนเทนต์บันเทิง” หมัดฮุกตรึงคนดูคู่ King of Sports

เมื่อไร้ซึ่งการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษหรือ EPL ยังเป็นตัวเร่งให้ “ทรูวิชั่นส์” ต้องเบนเข็มสรรหา “คอนเทนต์บันเทิงจากทั่วโลก” มาป้อนคนดู ซึ่งจังหวะนี้ ได้ใช้จุดแข็งจากการมี “พันธมิตร” ยาวนาน 3 ทศวรรษ ทั้งในประเทศจีน เกาหลี ญี่ปุ่น ฯ ซึ่งมั่นใจด้านการจ่ายเงิน เพื่อนำความบันเทิงมาให้คนได้รับชม เช่น มังกรหยก จอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่ ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์จากแดนมังกร มีแม่เหล็ก “เซียวจ้าน” แสดงนำ รวมถึงซีรีส์ต้นตำรับหรือออริจินัล ที่ทรูวิชั่นส์ สร้างสรรค์เอง

กลยุทธ์ตรึงคนดู ยังผสานกับพันธมิตร “แพลตฟอร์มโอทีที” ยักษ์ใหญ่ของโลกไม่ว่าจะเป็น IQIYI, WeTV, MAX, VIU และ NETFLIX มัดรวมไว้ให้คนดูอีกด้วย

ไม่เพียงความบันเทิงที่เพิ่มเข้ามา แต่ “รายการกีฬาดัง” ทรูวิชั่นส์ ยังคงตอกย้ำจุดแข็งการเป็นราชันย์แห่งกีฬาหรือ “King of Sports” กับลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด เช่น F1, MotoGP, NFL, NBA, เทนนิสวิมเบิลดันยูเอสโอเพ่น, แบดมินตัน, กอล์ฟไรเดอร์คัพ, ดิโอเพ่น, วอลเลย์บอล, สนุกเกอร์ ส่วนฟุตบอลยังคับคั่งแข็งแกร่งจากลีกชั้นนำ เช่น ลาลีกา, บุนเดสลีกา, ซาอุดิลีก, ยูฟ่าแชมเปียนส์ ลีก, ยูโรปา ลีก, คอนเฟอเรนซ์ ลีก, ฟุตซอลไทยลีก ฯ

พร้อมย้ำการรับชมกีฬาดังเหล่านี้แบบ “เอ็กซ์คลูซีฟ” ผ่านแอปพลิเคชัน “TrueVisions NOW” เท่านั้น ส่วนแพ็คเกจดึงดูดลูกค้า ได้แก่ TrueVisions NOW POP ราคา 119 บาทต่อเดือน ดูซีรีส์ หนังสุดฮิตจากไทย และเชียร์ทัพนักกีฬาไทย TrueVisions NOW PLUSราคา 249 บาทต่อเดือน เอาใจคอซีรีส์ตัวจริง ชมสดกีฬาดัง F1, ฟุตบอลลีก และถ้วยยุโรปชั้นนำ ฟินครบรส ซีรีส์ไทย จีน, เกาหลี, ญี่ปุ่น อนิเมะ และชมฟรีซีรีส์ดังจากแอป IQIYI TrueVisions NOW PRIME ราคา 449 บาทต่อเดือน เสิร์ฟสนุกพร้อมกันทั้งครอบครัวกับภาพยนตร์ วาไรตี้ สารคดี กีฬาดังระดับโลก MOTO GP, NBA, NFLซีรีส์จีนสุดฮิต และ อนิเมะสุดปังจากแอป IQIYI และ We TV

ส่วนTrueVisions NOW MAX ราคา 2,155 บาทต่อเดือน จัดเต็มทุกความบันเทิง และครบทุกกีฬา รวมถึงรายการจากแอปพาร์ทเนอร์สุดฮิต IQIYI, We TV, MAX, VIU และ NETFLIX

“ไม่ใช่ไร้พรีเมียร์ลีก เราจึงหันเหรุกโอทีที แต่ผู้บริโภคไม่ได้ต้องการดูรายการกีฬาถ่ายทอดสดเท่านั้น ยังมีความบันเทิง ซีรีส์ ดูย้อนหลัง ซึ่งทิศทางของเราเริ่มมุ่งบันเทิงตั้งแต่ปีที่แล้ว และตลาดความบันเทิงคนดูใหญ่กว่า ส่วนด้าน King of Sports เรายังยึดไว้ เพราะฐานลูกค้าคือแฟนกีฬา ยังดูเทนนิส กอล์ฟ วอลเลย์บอล บาสเก็ตบอล เอฟวัน ฯมีหลายหมัดฮุกที่ดึงลูกค้า ภาพรวมทรูวิชั่นส์เรายังอยู่ในฐานะผู้นำได้ เพียงแต่ความบันเทิงมีผู้เล่นแบ่งเค้กมากขึ้น”

ยอมรับสมาชิก-รายได้ลดลง

องอาจ กล่าวอีกว่า เมื่อไม่ต้องทุ่มเงินประมูลลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด EPL ทำให้บริษัทมี “เงินทอนก้อนใหญ่” ไปลงทุนกับการซื้อคอนเทนต์บันเทิงมากขึ้น

ทว่า ด้านภาพรวมรายได้ยอมรับว่า “อาจลดลง” จากปี 2567 ทรูวิชั่นส์ มีรายได้จากการให้บริการ 6,637 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.2% จากปีก่อน ส่วนจำนวนผู้ใช้บริการมี 1.23 ล้านราย รายได้ต่อผู้ใช้บริการต่อเดือน(ARPU)อยู่ที่ 290 บาท

นอกจากรายได้ลดลง ด้าน "ต้นทุน" ก็ลดลงด้วย เนื่องจากลิขสิทธิ์ EPL มีต้นทุนที่สูง สถานการณ์ดังกล่าวจะส่งผลต่อการทำกำไรจากธุรกิจ

ยอมรับเสียดาย EPL แต่รู้ต้นทุนดี

อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่สามารถประมูล EPL มาได้ “องอาจ” ยอมรับว่า “เสียดาย” แต่เชื่อมั่นว่าทุกอย่างมีต้นทุนและราคาที่ต้องจ่าย ทุ่มทุนแล้วต้องนำมาสร้างโมเดลธุรกิจ ต่อยอดรายได้เป็นสิ่งสำคัญ

“ทุกอย่างมีต้นทุน ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก ฟุตบอลยูโร ใครซื้อมาถ่ายทอดฟรีทีวี รายได้ ค่าโฆษณาไม่สามารถรับต้นทุนได้ ทำยังไงไม่ให้ขาดทุน พรีเมียร์ลีก แพงสุดหลายเท่าตัว เราทำมา 30 ปี รู้ว่าต้นทุนเท่านี้ โอกาสทางธุรกิจรายได้ และคนดูยินดีจ่ายในราคาเท่านี้ เรารู้ดีสุดว่าต้นทุนอยู่ตรงไหน ปลายปีก่อนเราจึงประมูลเพราะต้องการ EPL แต่เมื่อไม่ได้ก็รู้สึกเสียดาย และขอให้ผู้ที่ได้ไปโชคดี”

ย้อนไปราว 10 ปี ทรูวิชั่นส์ พลาดคว้าสิทธิ์ EPL ครั้งแรก มีหน้าใหม่ทุ่มเงินก้อนโตซื้อสิทธิ์เพื่อเข้าสู่สนามเพย์ทีวี บทเรียนครั้งนั้น “องอาจ” เปรียบคู่แข่งเหมือนร้านอาหารที่มีเพียง “1 เมนูเด็ด” ขายลูกค้า แต่ทรูวิชั่นส์มีเมนูครบทั้งคาว หวาน ซีฟู้ด ฯ ซึ่งขายอาหารจานเดียวอร่อยจริง(EPL) แต่ยอดใช้จ่ายไม่สูงเท่ากับลูกค้ามาทานหลายเมนู และทานได้บ่อย

“วันนี้ไม่เหมือนกัน เพราะแอปพลิเคชันอื่นๆเสิร์ฟความบันเทิง มีทางเลือกให้คนดู แต่เรายังยืนอยู่บน King of Sports ตอบโจทย์ลูกค้า มีหมัดฮุกเพิ่มด้วยความบนเทิง”