ภาพลักษณ์ ‘ท่องเที่ยวเชิงอาหาร’ ของไทย แกร่งอันดับ 2 ยังเป็นรอง ‘ญี่ปุ่น’ ในปี 67

ภาพลักษณ์ ‘ท่องเที่ยวเชิงอาหาร’ ของไทย  แกร่งอันดับ 2 ยังเป็นรอง ‘ญี่ปุ่น’ ในปี 67

ภาพลักษณ์ “การท่องเที่ยวเชิงอาหาร” (Gastronomy Tourism) เป็นหนึ่งในจุดขายอันโดดเด่น สะท้อนถึงพลังของ “ซอฟต์พาวเวอร์” แบบจับต้องได้จริงและครองชื่อเสียงมายาวนาน ดึงดูดชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยในยุคการแข่งขันของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวกลับมาดุเดือด!

และมองว่า “อาหาร” เป็นปัจจัยที่ทรงอิทธิพลต่อการเดินทางไปท่องเที่ยวและจับจ่ายประเทศนั้นๆ ไม่แพ้ความสวยงามของแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและวัฒนธรรม

ล่าสุดจากการสำรวจความคิดเห็นของ “นักท่องเที่ยวต่างชาติ” (ช่องทางออนไลน์ 1,800 ตัวอย่าง การสัมภาษณ์ตัวต่อตัว 1,200 ตัวอย่าง) และ “นักท่องเที่ยวชาวไทย” (ช่องทางออนไลน์ 800 ตัวอย่าง การสัมภาษณ์ตัวต่อตัว 400 ตัวอย่าง) จัดทำโดย บริษัท เคเนติกส์ คอนซัลจิ้ง จำกัด ภายใต้โครงการ “ประเมินภาพลักษณ์การท่องเที่ยวด้านอาหารของประเทศไทย ประจำปี 2567” ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)

พบว่านักท่องเที่ยวมอง “ประเทศไทย” ว่าเป็นจุดหมายปลายทางที่มีภาพลักษณ์การท่องเที่ยวเชิงอาหารโดดเด่น ด้วยคะแนนระดับ 53% เพิ่มขึ้นจาก 44% ของปี 2566 รั้งตำแหน่ง “อันดับ 2” รองจาก “ญี่ปุ่น” ที่ในปี 2567 มีคะแนน 64% เพิ่มขึ้นจาก 56% ของปีก่อน โดดเด่นมากเป็นอันดับ 1 ต่อเนื่องอีกปี

ส่วนอันดับ 3 “จีน” มีคะแนน 35% เพิ่มขึ้นจาก 30% อันดับ 4 “เกาหลีใต้” มีคะแนน 33% เพิ่มขึ้นจาก 28% และอันดับ 5 “สิงคโปร์” มีคะแนน 28% เพิ่มขึ้นจาก 27% เบียดขึ้นมาติด TOP 5 ได้สำเร็จ

ภาพลักษณ์ ‘ท่องเที่ยวเชิงอาหาร’ ของไทย  แกร่งอันดับ 2 ยังเป็นรอง ‘ญี่ปุ่น’ ในปี 67

เมื่อถามเจาะลึกเกี่ยวกับ “อัตราการรับรู้” และ “ประสิทธิผล” ของโครงการ “มิชลิน ไกด์ ประเทศไทย ปี 2567” (MICHELIN Guide Thailand 2024) ผลสำรวจระบุว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติรู้จักคู่มือแนะนำร้านอาหารและที่พัก “มิชลิน ไกด์” (MICHELIN Guide) 83% ขณะที่นักท่องเที่ยวชาวไทยรู้จัก 57%

โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติรู้จัก “มิชลิน ไกด์ ประเทศไทย” (MICHELIN Guide Thailand) 24% ส่วนนักท่องเที่ยวชาวไทยรู้จัก 48% และมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจอยากเดินทางท่องเที่ยวไทย 58% จากเฉพาะผู้ที่รู้จักโครงการ มิชลิน ไกด์ ประเทศไทย

ด้านประเด็นเกี่ยวกับ “ความพึงพอใจ ผลเชิงพฤติกรรม และทัศนคติของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ” ที่รับประทานอาหารที่ “ร้านมิชลิน” พบว่าคะแนนความพึงพอใจโดยรวมในปี 2567 อยู่ที่ 93% และมีคะแนนในแง่มุมต่างๆ ดังนี้ 1.แนะนำร้านอาหารนี้ให้คนอื่น 97% 2.แนะนำบุคคลอื่นว่าประเทศไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอาหาร 97% 3.ลองทานอาหารที่ร้านอาหารมิชลินร้านอื่นในประเทศไทย 94% 4.จะมารับประทานอาหารที่ร้านนี้อีกหากมีโอกาส 92% และ 5.แชร์รูปภาพ ประสบการณ์ การทานอาหารมื้อนี้ทางออนไลน์ 84%

ส่วน “ความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวชาวไทย” ที่รับประทานอาหารที่ร้านมิชลินในปี 2567 อยู่ที่ 96% เพิ่มขึ้นจาก 92% เมื่อปี 2566

ภาพลักษณ์ ‘ท่องเที่ยวเชิงอาหาร’ ของไทย  แกร่งอันดับ 2 ยังเป็นรอง ‘ญี่ปุ่น’ ในปี 67

สำหรับประเด็น “รายได้ส่วนเพิ่มของค่าใช้จ่ายด้านอาหาร” ในปี 2567 พบว่ามีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่รับรู้และได้มารับประทานที่ร้านมิชลิน 1.83 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ซึ่งมีจำนวน 1.33 ล้านคน ขณะที่รายได้ส่วนเพิ่มด้านอาหารต่อคนต่อทริปอยู่ที่ 262 บาท เพิ่มขึ้นจาก 197 บาท ค่าอาหารเฉลี่ยต่อมื้อที่ร้านอาหารมิชลินอยู่ที่ 729 บาท เพิ่มขึ้นจาก 618 บาท ค่าใช้จ่ายด้านอาหารที่ใช้จ่ายในร้านอาหารทั่วไปเฉลี่ยต่อมื้อ 618 บาท เพิ่มขึ้น 529 บาท และจำนวนมื้ออาหารที่ร้านรางวัลมิชลินต่อทริปอยู่ที่ 2.36 มื้อ เพิ่มขึ้นจาก 2.21 มื้อของปีก่อน

เมื่อคำนวณรายได้ส่วนเพิ่มของค่าใช้จ่ายด้านอาหารจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทย อันเป็นผลจากการดำเนินโครงการ “มิชลิน ไกด์ ประเทศไทย” ในปี 2567 อยู่ที่ประมาณ 479.85 ล้านบาท จากฐานจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่รับรู้และได้มารับประทานที่ร้านมิชลิน 1.83 ล้านคน คูณกับส่วนเพิ่มค่าอาหารต่อคนต่อทริป 262 บาทนั่นเอง

ภาพลักษณ์ ‘ท่องเที่ยวเชิงอาหาร’ ของไทย  แกร่งอันดับ 2 ยังเป็นรอง ‘ญี่ปุ่น’ ในปี 67

นอกจากนี้ ผลสำรวจของโครงการฯ ยังระบุถึงการรับรู้เกี่ยวกับ “มิชลิน กรีน สตาร์” (MICHELIN Green Star) หรือ ดาวมิชลินรักษ์โลก ซึ่งเป็นรางวัลที่ประกาศประจำปีเพื่อมอบแก่ร้านอาหารแถวหน้าของวงการที่โดดเด่นเรื่องแนวทางปฏิบัติเพื่อความยั่งยืน แสดงถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างมีมาตรฐาน พบว่านักท่องเที่ยวต่างชาติรับรู้เกี่ยวกับ มิชลิน กรีน สตาร์ 28% และนักท่องเที่ยวชาวไทยรับรู้ 21%