เวลาเป็นสิ่งที่มีค่าสุดของนักธุรกิจ MJets ขยายลงทุน 1,000 ล้าน

เวลาเป็นสิ่งที่มีค่าสุดของนักธุรกิจ MJets ขยายลงทุน 1,000 ล้าน

MJets (เอ็มเจ็ท) วางงบลงทุน 2568 รวม 1,000 ล้านบาท ขยายธุรกิจเครื่องบินส่วนตัว ตามอาเซียนโตพุ่ง เพราะเวลาเป็นสิ่งที่มีค่าสูงสุดของนักธุรกิจ พร้อมสนใจลงทุนอีอีซี

เอ็มเจ็ท (MJets) ผู้ดำเนินธุรกิจเครื่องบินเช่าเหมาลำอย่างครบวงจร ที่มีเจ้าของร่วมคือ "วิลเลียม เอ็ลล์วู๊ด ไฮเน็ค" จากกลุ่มไมเนอร์ และ "กิริต ชาห์" สามารถสร้างแบรนด์ เอ็มเจ็ท จากยุคแรกในช่วง 17 ปีก่อน ที่ไม่มีลูกค้ารู้จักมากนัก มีการขยายลงทุนและการบริการ จึงสร้างความเชื่อมั่น ทำให้มีการขยายธุรกิจจากไทยไปสู่ตลาดในภูมิภาคอาเซียน และภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จนสามารถได้รับรางวัล Best FBO in Asia-Pacific หลายปีซ้อน รวมถึง FBO แห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน IS-BAO ระดับ 3

ณัฏฐภัทร สีบุญเรือง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็มเจ็ท จำกัด กล่าวว่า แผนของบริษัทในปี 2568 เตรียมงบการลงทุนขยายธุรกิจไว้ประมาณ 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1,000 ล้านบาท ในการขยายธุรกิจให้บริการเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวและการบินส่วนบุคคลไปในภูมิภาคภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก มุ่งตลาดหลักทั้งประเทศสิงคโปร์ และประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอาเซียน รวมถึงมีอีกโครงการที่อยู่ระหว่างการเจรจากับรัฐบาลของประเทศอาเซียน เพื่อรองรับการให้บริการที่ครอบคลุม และการมุ่งเป้าหมายผู้นำในตลาดภูมิภาคอาเซียนภายในสองปีข้างหน้า หรือในปี 2569 

ขณะเดียวกันบริษัทได้มีการขยายสู่การเปิดประเทศไปสู่ตลาดอินเดียเป็นครั้งแรก ด้วยการไปเปิดสำนักงานและศูนย์ให้บริการอย่างเป็นทางการ จากในปัจจุบันมีการเปิดสำนักงานทั้งในประเทศไทย สิงคโปร์ กัมพูชา และเมียนมา สำหรับการขยายธุรกิจในภูมิภาคอาเซียนอย่างต่อเนื่อง มาจากการประเมินว่าบริการเครื่องบินเช่าเหมาลำ ภายในช่วง 10 ปีนับจากนี้ จะมีการเติบโตสูงถึง 3 เท่าตัว ตามภาพรวมเศรษฐกิจที่มีการเติบโตและบริษัทเอกชนขนาดใหญ่ ขยายลงทุนไปในประเทศเพื่อนบ้าน จึงทำให้ความต้องการใช้บริการธุรกิจเครื่องบินเจ็ทและการบินส่วนบุคคลมีเพิ่มสูงขึ้นสอดคล้องกัน 

เวลาเป็นสิ่งที่มีค่าสุดของนักธุรกิจ MJets ขยายลงทุน 1,000 ล้าน

นอกจากการขยายธุรกิจไปสู่ตลาดต่างประเทศแล้ว อีกโครงการสำคัญคือ การลงทุนในประเทศไทยและการสร้างอีโคซิสเต็มของธุรกิจ บริการเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวและการบินส่วนบุคคล ให้มีความแข็งแกร่ง จึงสนใจขยายโครงการลงทุนไปในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) กับสนามบินอู่ตะเภา โดยสนใจลงทุนสู่ ศูนย์ซ่อมบำรุงอย่างครบวงจร เพื่อดึงพาร์ทเนอร์ต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย เนื่องจากปัจจุบันการซ่อมบำรุงเครื่องบิน ส่วนใหญ่ต้องใช้บริการจากต่างประเทศ เช่น สิงคโปร์ และ สหรัฐ รวมถึงยุโรป

ทางด้าน เอ็มเจ็ท สามารถให้บริการดูแล และซ่อมบำรุงได้ แต่อาจยังไม่ครอบคลุม ดังนั้น การดึงต่างชาติเข้ามาลงทุนในไทยจึงช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจและเสริมศักยภาพของประเทศไทยในตลาดโลก 

ทั้งนี้ประเมินว่า จะเสนอแผนโครงการนี้ต่อคณะกรรมการ อีอีซี ได้ในช่วงต้นปี 2569 ร่วมถึงสามารถดึงพาร์ทเนอร์อื่นๆ เข้ามาร่วมมือได้เช่นกัน โดยโครงการต้องใช้การลงทุนแบ่งเป็นเฟสๆ และใช้เวลาหลายปี ประเมินว่าจะมีมูลค่าโครงการไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท ส่วนการลงทุนเฟสแรก อาจจะมีรูปแบบคล้ายกับ เอ็มเจ็ท ที่มีการลงทุนสร้างเทอร์มินอลและศูนย์บริการที่สนามบินดอนเมือง และใช้งบลงทุนประมาณ 300 ล้านบาทในระยะแรก รวมถึงการมีโครงการขนาดใหญ่ในประเทศไทยจึงช่วยกระตุ้นอุตสาหกรรมการบินและธุรกิจที่เกี่ยวข้องขยายตัวดีตามไปด้วย 

สำหรับภาพรวมของเอ็มเจ็ทมีบริการหลักรวม 7 ด้าน ประกอบด้วย 

1. บริการเครื่องบินเช่าเหมาลำ ได้แก่เครื่องบินรุ่น Cessna Citation Bravo จำนวน 2 ลำ, Cessna Citation X 1 ลำ ซึ่งเป็นเครื่องบินเจ็ทที่บินได้เร็วที่สุดเป็นอันดับ 2 หรือ 3 ของโลก, Gulfstream GV 1 ลำ ซึ่งเป็นเครื่องบินขนาด 14 ที่นั่ง สามารถบินเส้นทางกรุงเทพฯ – ลอนดอน ได้โดยไม่ต้องจอดพัก และเครื่องบินลำล่าสุด Gulfstream G550 1 ลำ 2. บริการเครื่องบินพยาบาล 3. การบริหารเครื่องบิน 4. บริการอาคารผู้โดยสารส่วนบุคคลพร้อมห้องรับรองพิเศษ 5. บริการซ่อมบำรุงเครื่องบิน 6. บริหารธุรกิจการบินส่วนบุคคลและการบริการภาคพื้นแบบครบวงจร 7. บริการให้คำปรึกษาและดำเนินการซื้อขายเครื่องบิน ทั้งนี้ จึงถือว่า เป็นบริษัทที่ให้บริการครอบคลุมมากที่สุดในภูมิภาคอาเซียน 

ขณะเดียวกันธุรกิจของบริษัท 7 ด้านหลัก โดยธุรกิจที่มีการขยายตัวสูงกับ บริการเครื่องบินเช่าเหมาลำ ซึ่งมีการขยายตัวแบบก้าวกระโดดอย่างมาก ตั้งแต่โควิดที่ผ่านมา จากกลุ่มลูกค้าในตลาดอาเซียนสนใจใช้บริการมากขึ้น ตามธุรกิจที่มีการขยายตัว ทำให้ตลาดจากอาเซียนกลายเป็นลูกค้าสำคัญ ทดแทนตลาดจากประเทศจีน ที่มีการชะลอตัวลงตั้งแต่โควิด อีกทั้งยังมีลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ จากยุโรปและสหรัฐ สนใจเข้ามาท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้มากขึ้น ทั้งหมดทำให้บริษัทมีกลุ่มลูกค้าหลักคืออาเซียน รองลงมาคนไทย และยุโรป สหรัฐ และชาวจีน 

อีกทั้งจากความต้องการอยู่ในระดับสูงมาก ทำให้ธุรกิจให้บริการเครื่องบินให้บริการขนาดกลาง มีจำนวนยอดชั่วโมงการให้บริการสูงถึง 700-800 ชั่วโมงต่อปี ส่วนเครื่องบินขนาดเล็ก ประมาณ 500 ชั่วโมงต่อปี สะท้อนถึงการให้บริการของบริษัทสูงกว่าค่าเฉลี่ยโดยรวมของภูมิภาค

"การขยายลงทุนใหม่ๆ ไปสู่ภูมิภาคอาเซียน มาจากความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น โดยตลาดในอาเซียนมีความต้องการใช้บริการสูงถึง 3 เท่าตัว ในช่วง 10 ปีนับจากนี้ ซึ่งตลาดหลักมาจากนักธุรกิจ ที่ขยายใช้บริการ ตามการลงทุนในภูมิภาคที่สูงขึ้น เพราะผู้บริหารที่มีธุรกิจในหลายประเทศ จึงจำเป็นต้องเดินทางจำนวนมาก ดังนั้น เวลาจึงเป็นสิ่งสำคัญมากของนักธุรกิจ" 

นอกจากนี้ ธุรกิจการบริหารเครื่องบิน มีกลุ่มลูกค้าภาคเอกชนขนาดใหญ่ สนใจเข้ามาใช้บริการประมาณ 30 บริษัท มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเช่นกัน เนื่องจากเอกชนมองว่า การมีเครื่องบินส่วนตัว จึงช่วยประหยัดเวลาในการเดินทาง และไม่ต้องรอเวลาในการขึ้นเครื่อง โดยเฉลี่ยแล้วเมื่อลูกค้าเดินทางเข้ามาถึงเทอร์มินอลและขึ้นเครื่องบิน จะใช้เวลาประมาณ 5-7 นาทีเท่านั้น ทำให้ธุรกิจขนาดใหญ่ต่างปรับมาลงทุนสร้างเครื่องบินส่วนตัวสำหรับการเดินทางของผู้บริหาร แต่บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มีจำนวนน้อยมากที่มีธุรกิจเครื่องบินส่วนตัว หรือมีการลงทุนด้านนี้  อีกทั้งหากเครื่องบินไม่มีลูกค้าใช้บริการ สามารถเข้ามาปล่อยเช่ากับบริษัทได้ เพื่อทำให้ต้นทุนในการดูแลและซ่อมบำรุงต่อปีของเครื่องบินต่อลำมีความคุ้มค่ามากที่สุด 

ขณะเดียวกัน บริษัทประเมินจากธุรกิจการบินที่กลับมาขยายตัว จะทำให้ผลประกอบการโดยรวมในปี 2568 สามารถสร้าง EBIDA ขยายตัว 20-30% โดยมีรายได้และกำไรจากการดำเนินธุรกิจสูงขึ้น ส่วนลูกค้าหลักทั้ง บุคคลที่มีมูลค่าทรัพย์สินสูง (UHNWIs) ผู้บริหารองค์กรและนักธุรกิจระดับสูง เจ้าหน้าที่รัฐบาลและนักการทูต และ ผู้ป่วยที่ต้องการเดินทางฉุกเฉินทางการแพทย์

สำหรับภาพรวมผลประกอบการมีรายได้และกำไรขยายตัวต่อเนื่องตั้งแต่หลังโควิด อีกทั้งในปีต่อไป 2569 จะสามารถรับมอบเครื่องบินรุ่นใหม่จำนวน 2 ลำขนาดเล็ก 

พร้อมกันนี้ บริษัทวางเป้าหมายระยะยาว จะก้าวสู่ผู้นำการให้บริการในภูมิภาคเอเชีย จากการมุ่งมั่นขยายบริการและการลงทุนใหม่ๆ ไปในประเทศต่างๆ โดยเน้นตลาดที่กำลังมีการเติบโต รวมถึงการมีบริการอย่างครบวงจร และการมุ่งมั่นพัฒนาบุคลากรรุ่นใหม่เข้ามาขับเคลื่อนองค์กร