หมดยุค ‘จีนเที่ยวไทย’ 10 ล้านคนต่อปี? ‘แอตต้า’ ชี้ปี 68 ต่างชาติเข้าไทย 37 ล้านคน ไปไม่ถึงเป้ารัฐบาล

หมดยุค ‘จีนเที่ยวไทย’ 10 ล้านคนต่อปี? ‘แอตต้า’ ชี้ปี 68 ต่างชาติเข้าไทย 37 ล้านคน ไปไม่ถึงเป้ารัฐบาล

“สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว” (แอตต้า) ประเมินสถานการณ์ตลาด “จีนเที่ยวไทย” ในปัจจุบัน ระบุชัดว่าเป็นไปได้ยากที่จะเห็นยุคนักท่องเที่ยวจีนทะลักเข้าไทยในระดับ 10 ล้านคนต่อปีอีกครั้ง! เหมือนปี 2562 ก่อนโควิด-19 ระบาดซึ่งมีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทย 11.13 ล้านคน ทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกแอตต้า กล่าวว่า แม้แต่การดึง “นักท่องเที่ยวจีน” เข้าไทยให้ได้ถึง 8 ล้านคนในปี 2568 ยังเป็นไปได้ยาก แนวโน้มน่าจะเห็นที่ 7 ล้านคน มากกว่าปีที่แล้วเล็กน้อยซึ่งปิดที่ตัวเลข 6.7 ล้านคน จากสถานการณ์เศรษฐกิจจีนไม่ค่อยดี และประเทศไทยยังคงมีปัญหาภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัยในตอนนี้ อาจจะหมดยุคจีนเที่ยวไทยมากกว่า 10 ล้านคนต่อปีแล้วก็เป็นได้

“ปัญหาความเชื่อมั่นต่อภาพลักษณ์ความปลอดภัยในไทย เป็นปัจจัยที่แอตต้าให้น้ำหนักมากเป็นอันดับ 1 ที่มีผลต่อตลาดนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทย เพราะคนจีนบางส่วนยังกังวลว่ามาเที่ยวไทยแล้วจะไม่ปลอดภัย นอกจากนี้ยังกังวลต่อสถานการณ์เศรษฐกิจจีนชะลอตัว สงครามการค้าปะทุอีกรอบ ขณะเดียวกันรัฐบาลจีนเองก็มุ่งส่งเสริมให้คนจีนเที่ยวในประเทศอย่างต่อเนื่อง”

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากสถิตินักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยในช่วงเดือน ก.พ. 2568 พบว่า ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 15 เดือน เหลือจำนวน 371,542 คน และหดตัวสูงถึง 44.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2567 ส่งผลทำให้ในช่วง 2 เดือนแรก (ม.ค.-ก.พ.) ของปี 2568 มีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนสะสม 1.18 ล้านคน หดตัว 12.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สะท้อนถึงความท้าทายของรัฐบาลที่ต้องดึงนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งมีผลต่อภาพรวมนักท่องเที่ยวต่างชาติต่างชาติทั้งปีนี้ไปให้ถึงเป้าหมาย

ศิษฎิวัชร กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อแนวโน้มนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยปีนี้อยู่ที่ 7 ล้านคน แอตต้าจึงคาดการณ์ภาพรวม “นักท่องเที่ยวต่างชาติ” เดินทางเข้าไทยทั้งหมดในปีนี้ เต็มที่น่าจะได้ประมาณ 37 ล้านคน มากกว่าปีที่แล้วซึ่งมีจำนวน 35.54 ล้านคน และมองว่าเป้าหมายของรัฐบาลที่อยากเห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ 39 ล้านคนนั้นเป็นเรื่องยากตามไปด้วย ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันที่ยังมี “ปัจจัยลบ” อยู่มาก

“การที่ประเทศไทยจะรักษาแชมป์มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือนมากเป็นอันดับ 1 ในเอเชีย คงเป็นเรื่องยาก หากรัฐบาลไม่ทำอะไร มองท่องเที่ยวเป็นของตาย เป็นแค่เครื่องจักรปั๊มรายได้ โดยไม่มีการลงทุนพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวและสิ่งอำนวยความสะดวกเพิ่มเติม”

แอตต้ามองว่าสิ่งที่รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการคือ “การฟื้นความเชื่อมั่น” ให้กลับคืนมา โดยเฉพาะด้านความปลอดภัยและความมั่นคงของประเทศไทย! การบังคับใช้กฎหมายต้องตรงไปตรงมา หากทำได้ แนวโน้มภาคท่องเที่ยวไทยจะเป็นบวกมากกว่านี้ แต่ถ้าความเชื่อมั่นยังไม่กลับมา ภาคท่องเที่ยวไทยก็จะย่ำอยู่กับที่!

อีกเรื่องคือการวางแผนยุทธศาสตร์บูรณาการขับเคลื่อนภาคท่องเที่ยวอย่างชัดเจน ว่าจะพัฒนาด้านใด ส่งเสริมและสนับสนุนรูปแบบใดอย่างเป็นรูปธรรม มีงบประมาณสนับสนุน โดยเฉพาะเรื่องงบลงทุน ไม่ใช่เพียงคำพูดหรือประกาศแคมเปญออกมาเท่านั้น ต้องมีแผนดำเนินการชัด เพื่อให้ภาคท่องเที่ยวเป็นเครื่องจักรปั๊มรายได้แก่เศรษฐกิจไทยจริงๆ เช่น การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเพิ่มเติม แม้ประเทศไทยจะมีธรรมชาติที่สวยงามอยู่แล้ว แต่ยังจำเป็นต้องพัฒนาเพิ่มเพื่อเสริมให้งดงามยิ่งขึ้น รวมถึงการปรับปรุงสร้างห้องน้ำสะอาดกระจายตามจุดต่างๆ ถือเป็นรายละเอียดสำคัญที่ไม่อยากให้มองข้าม ทั้งหมดก็เพื่อรักษาฐานลูกค้านักท่องเที่ยวต่างชาติเอาไว้

“ต้องยอมรับว่าประเทศไทยโชคดี ภาคการท่องเที่ยวได้กินบุญเก่ามาอย่างต่อเนื่อง แต่ต้องไม่ลืมว่าประเทศอื่นๆ เขาก็มีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน เพื่อแย่งชิงนักท่องเที่ยวต่างชาติกระจายไปยังประเทศต่างๆ เหล่านั้น”

อย่างเช่น ญี่ปุ่น จีน และเวียดนาม ล้วนเป็นจุดหมายปลายทางที่ดึงดูดคนไทยกลุ่มมีกำลังซื้อดีออกไปเที่ยวและใช้จ่ายมากขึ้นด้วย หรือแม้แต่นักท่องเที่ยวจีน เมื่อปีที่แล้วก็นิยมไปเที่ยวญี่ปุ่นมากกว่า โดยมีจำนวนทั้งปีที่ 6.98 ล้านคน ส่วนตลาดนักท่องเที่ยวจีนมาไทยอยู่ที่ 6.7 ล้านคน

“การกำหนดเป้าหมายของภาคท่องเที่ยวในอนาคต อยากให้รัฐบาลมองสภาพความเป็นจริงประกอบด้วย เข้าใจว่าที่ผ่านมาประเทศไทยบอบช้ำจากปัจจัยต่างๆ มามาก แต่ภาคเอกชนก็มีหน้าที่ต้องนำความจริงมาสะท้อนไปให้ถึงรัฐบาล ไม่ใช่แค่คล้อยตามไปด้วยเท่านั้น” นายกแอตต้ากล่าว