‘1:2 Coffee’ จะเป็น ‘Starbucks เมืองไทย’ ? วางเป้าอีก 5 ปี เปิดให้ครบ 400 แห่งทั่วประเทศ

‘1:2 Coffee’ จะเป็น ‘Starbucks เมืองไทย’ ? วางเป้าอีก 5 ปี เปิดให้ครบ 400 แห่งทั่วประเทศ

ราคาเข้าถึงง่าย-กินได้ทุกวันเหมือนข้าวราดแกง! คุยกับ “เคน-ทวิวัฒน์” ผู้ก่อตั้ง “1:2 Coffee” ตั้งเป้าใหญ่อีก 5 ปี กระจาย 400 สาขา ฝันไกลเป็นเครือร้านกาแฟมีสาขาทั่วประเทศ ชี้ โตได้เพราะลูกค้าบอกต่อปากต่อปาก เคยใช้งบการตลาดมากสุดเพียง 2,000 บาทเท่านั้น

KEY

POINTS

  • ธุรกิจร้านกาแฟแข่งขันกันดุเดือด แต่กลับมีร้านน้องใหม่ที่เข้าสู่ตลาดได้ไม่นานก็เข้าสู่ “Winning Zone” ได้สำเร็จ เรากำลังพูดถึงร้านกาแฟ “1:2 Coffee” ที่ตอนนี้มีทั้งหมด 54 สาขาทั่วประเทศ
  • ก่อนจะมาเป็น “1:2 Coffee” เจ้าของร้านทำคาเฟ่แมวมาก่อน จากนั้นเริ่มเห็นอินไซด์ว่า คนกินให้ความสำคัญเรื่องรสชาติกาแฟ จึงตัดสินใจเปิดร้านกาแฟในจังหวัดเชียงราย เป็นแห่งแรก
  • ปัจจุบัน “1:2 Coffee” มีชื่อเสียงจากการสเกลสาขาในกรุงเทพฯ อย่างต่อเนื่อง ปีนี้จะเปิดเพิ่มอีก 50 สาขา และในอนาคตหากโรงคั่วกาแฟแล้วเสร็จจะสามารถสเกลได้สูงสุด “400 สาขา”

แม้ว่า “กาแฟ” จะเป็นเครื่องดื่มที่มีฐานลูกค้าขนาดใหญ่ แต่ขณะเดียวกันเซกเมนต์นี้ก็มีแนวโน้มการแข่งขันที่รุนแรงมาก ยุคหนึ่งร้านกาแฟคือ ความฝันของวัยรุ่นสร้างตัวหลายคน ทว่า ฝันหวานเหล่านั้นก็ปรับลดไปตามเศรษฐกิจที่หดตัวลง เพราะไม่ใช่ทุกคนที่ลุกขึ้นมาทำธุรกิจแล้วจะประสบความสำเร็จ บ้างต้องปิดตัวไปแบบทุนหายกำไรหด ส่วนที่ยังไปต่อได้บางส่วนก็เป็นเพียงธุรกิจแต่งหน้าแต่งตัวคู่ขนานไปกับการเพิ่มมูลค่าที่ดินเท่านั้น

ท่ามกลางบรรยากาศที่ยากลำบากของธุรกิจร้านอาหารโดยเฉพาะร้านกาแฟ เรากลับพบดาวรุ่งพุ่งแรงทั้งในเชิงรายได้ และการรุกคืบขยายสาขาทั่วกรุงเทพฯ มากไปกว่านั้น คือ ราคาขายที่ทำให้ “1:2 Coffee” (วันทูทูว์คอฟฟี่) อยู่ในสถานะ “กาแฟต่ำร้อย” คือ มีราคาขายไม่เกิน 100 บาททุกแก้ว สวนทางกับบรรยากาศการตกแต่งที่หลายคนมองว่า เจ้าของร้านใจกล้าบ้าบิ่นมากๆ กับราคา และโลเคชันใจกลางเมืองเช่นนี้

“เคน-ทวิวัฒน์ ลาภผาติกุล” ผู้ก่อตั้งและเจ้าของร้าน “1:2 Coffee” บอกว่า คอนเซปต์ในใจที่มีมาตั้งแต่คิดริเริ่ม คือ ราคาต้องเข้าถึงง่าย กินได้ทุกวันโดยที่ไม่รู้สึกว่า เป็นสินค้าราคาแพงจนเกินไป ภาพของกาแฟสเปเชียลตี้อาจถูกมองว่า เป็นสินค้าที่มี “Entry Price Point” สูง แต่ “1:2 Coffee” ไม่ได้เป็นเช่นนั้น

ตนอยากวางคาแรกเตอร์เหมือนกับข้าวราดแกงที่คุณภาพดี เข้าถึงกลุ่มแมสได้ “ทวิวัฒน์” ตัดสินใจพักจากการทำธุรกิจกงสี เดินทางมาปักหลักที่จังหวัดเชียงราย พร้อมกับแฟนสาวที่ต้องการลาออกจากอาชีพแอร์โฮสเตส นั่นคือ ก้าวแรกของธุรกิจคาเฟ่ในเวลาต่อมา

‘1:2 Coffee’ จะเป็น ‘Starbucks เมืองไทย’ ? วางเป้าอีก 5 ปี เปิดให้ครบ 400 แห่งทั่วประเทศ

จากคาเฟ่แมว ทำร้าน Half-on สู่ “1:2 Coffee”

แรกเริ่มเดิมที “เคน-ทวิวัฒน์” เรียนจบวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล เขากลับมาสานต่อธุรกิจครอบครัวในฐานะหลานชายคนโต แต่จุดเปลี่ยนก็เกิดขึ้นเมื่อต้องไปช่วยคนรักก่อร่างธุรกิจที่เชียงราย ทวิวัฒน์เอ่ยปากขอพักเบรกกับที่บ้านราว 1-2 ปี เพื่อปลีกตัวมาทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ ใจหนึ่งก็อยากทำอะไรเป็นของตัวเองสักอย่างเหมือนกัน ซึ่งไม่นานหลังจากนั้นธุรกิจที่ทั้งคู่ช่วยกันสร้างก็เกิดขึ้น ไม่ใช่ร้านกาแฟ ไม่ได้ชื่อร้าน 1:2 Coffee แต่เป็นคาเฟ่แมวที่อยู่ใกล้กับเชียงรายไนท์บาซาร์

ทั้งคู่ตัดสินใจเลือกโลเคชันใกล้แหล่งท่องเที่ยว เปิดได้ไม่ถึง 1 ปีก็พบว่า คาเฟ่แมวติดตลาดเป็นที่เรียบร้อย ถือเป็นระยะเวลาที่เร็วกว่าคาดจากไทม์ไลน์เดิมที่ “ทวิวัฒน์” เคยพูดคุยกับครอบครัวไว้ เขาจึงใช้เวลาที่เหลืออีก 1 ปี หันไปตั้งไข่ธุรกิจร้านกาแฟอย่างจริงจัง หลังจากเจออินไซด์ระหว่างทำคาเฟ่แมวโดยพบว่า ลูกค้าบางส่วนไม่ได้ตั้งใจมาเล่นกับน้องแมวเท่านั้น แต่ยังให้น้ำหนักกับรสชาติของกาแฟด้วย เป็นโอกาสที่เขามองเห็นจนนำไปสู่การเปิดร้านกาแฟแห่งแรกในชื่อ “Half-on”

“ทวิวัฒน์” เปิดร้านกาแฟแห่งแรกภายในร้านขายวัสดุก่อสร้าง ปรากฏว่า ยอดขายทรงตัว และไม่ได้มีการเติบโตมากนัก บทเรียนสำคัญที่ได้จากการทำร้านนี้ คือ โลเคชัน และทราฟิกเป็นสิ่งสำคัญ คนที่เดินเข้าออกร้านขายวัสดุก่อสร้างไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อมากินกาแฟตั้งแต่แรก ทำให้หลังจากนั้นทวิวัฒน์ต้องกลับมาศึกษาเรื่องพื้นที่มากขึ้น กระทั่งไปเจอทำเลบริเวณกาดหลวงเชียงราย ล้อมรอบไปด้วยตลาด ธนาคาร สถานที่ราชการ จังหวะนี้ทวิวัฒน์คิดเปลี่ยนชื่อร้านใหม่ด้วย เป็นจุดเริ่มต้นของ “1:2 Coffee” สาขาแรก

‘1:2 Coffee’ จะเป็น ‘Starbucks เมืองไทย’ ? วางเป้าอีก 5 ปี เปิดให้ครบ 400 แห่งทั่วประเทศ -เคน-ทวิวัฒน์ ลาภผาติกุล ผู้ก่อตั้ง และเจ้าของร้าน 1:2 Coffee-

ชื่อ “1:2 Coffee” มีความหมายง่ายๆ จากอัตราส่วนในการสกัดกาแฟเอสเพรสโซ และแม้จะเปลี่ยนชื่อร้านแต่สิ่งที่มีเหมือนกันทั้ง “Half-on” และ “1:2 Coffee” คือปณิธานในการทำกาแฟที่กินได้ทุกวัน เป็นกาแฟสเปเชียลตี้ที่ไม่ต้องจ่ายแพงก็เข้าถึงได้ หลังจากนั้นอีก 3 ปี ร้านกาแฟสเปเชียลตี้แห่งนี้ก็ได้ฤกษ์ขยายไป 5 แห่งทั่วเชียงราย

กระทั่งได้เริ่มแชปเตอร์ใหม่อีกครั้ง เมื่อลูกพี่ลูกน้องของ “ทวิวัฒน์” เอ่ยปากชวนไปเปิดร้านที่กรุงเทพฯ ในช่วงที่โรคระบาดยังไม่จบลงดี แต่เขาไม่ได้มองเป็นวิกฤติคิดเพียงแค่ว่า อย่างน้อยที่สุดการเดินทางครั้งนี้ก็ไม่ได้ไปเพียงลำพัง ลงเอยที่ “1:2 Coffee” ตัดสินใจสยายปีกสู่กรุงเทพฯ ในปี 2564

กาแฟอร่อยขายได้ด้วยตัวเอง เปิดมาเกือบ 10 ปี เสียค่ายิงแอดไป 2,000 บาท

“เมืองทองธานี” และ “ทาวน์อินทาวน์” คือ สองสาขาแรกสุดในกรุงเทพฯ และปริมณฑลของ “1:2 Coffee” เจ้าของร้านตั้งใจใช้สองแห่งนี้เป็นสาขานำร่องในการศึกษาโลเคชันไปด้วย อาจจะเรียกว่า เป็นความโชคดีที่ตัดสินใจขยายธุรกิจในช่วงโควิด-19 จึงได้ค่าเช่าในราคาที่เหมาะสมพร้อมกับตัวเลือกที่เยอะขึ้น

สำหรับเมืองทองธานีที่มีทั้งหมู่บ้าน และออฟฟิศคนทำงานทำให้กลุ่มลูกค้ามีความหลากหลาย ส่วนสาขาทาวน์อินทาวน์อยู่ในโซน “Residential Area” หรือย่านที่อยู่อาศัย ซึ่งทั้งสองแห่งได้รับฟีดแบ็กที่ดี และกลายเป็นโมเดลในการสเกลสาขาอื่นๆ ถัดจากนั้น

กลยุทธ์ในการเลือกโลเคชันคือ การปักหมุดจุดยืนว่า “1:2 Coffee” จะไม่เป็น “ร้านลับ” ต้องสังเกตเห็นได้ง่าย ติดถนนได้ยิ่งดี เลือกโลเคชันผ่านสามแกนเป็นหลัก ได้แก่ ตึกออฟฟิศ ห้างสรรพสินค้า และย่านที่พักอาศัย ทั้งสามแห่งมีข้อดี ข้อเสียแตกต่างกันจึงมีการกระจายความเสี่ยงไปประจำการหลายๆ โลเคชัน โซนออฟฟิศให้คนซื้อตอนเช้า ในห้างให้คนเดินซื้อตอนเย็น ส่วนเสาร์-อาทิตย์ ก็หากินแถวบ้านได้

‘1:2 Coffee’ จะเป็น ‘Starbucks เมืองไทย’ ? วางเป้าอีก 5 ปี เปิดให้ครบ 400 แห่งทั่วประเทศ -บรรยากาศภายในร้าน 1:2 Coffee-

“ทวิวัฒน์” บอกว่า สาขาที่ขายดีที่สุดคือ สาขานาคนิวาส และสาขารัชโยธิน โดยเฉพาะสาขานาคนิวาส ที่เขาบอกว่า พูดไปก็อาจจะไม่มีใครเชื่อว่า นี่คือ สาขาที่ขายดีที่สุด เพราะไม่ได้ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้าหรือตึกออฟฟิศ มองว่า เพราะทรัพยากรที่สาขาดังกล่าวมีพร้อม ด้วยตัวบาร์ที่มีขนาดใหญ่ Workflow จึงจัดการง่าย บวกกับแถบนั้นอยู่ใกล้กับโซนหมู่บ้านจัดสรรด้วย

หากถามว่า อะไรทำให้ “1:2 Coffee” ขายดีติดตลาดทั้งๆ ที่กรุงเทพฯ ก็มีสารพัดร้านกาแฟตั้งแต่เชนใหญ่ไปจนถึงแบรนด์เล็กก่อนแล้ว “ทวิวัฒน์” บอกว่า ตั้งแต่เปิดร้านมาตนไม่เคยใช้งบการตลาดไปกับการโปรโมตแบรนด์ การจ้างอินฟลูเอนเซอร์ก็ไม่มีเช่นกัน มากที่สุดคือ ใช้เงินไปกับการโปรโมตโฆษณาบนโซเชียลมีเดียเพียง 2,000 บาทในปีแรกๆ สุดท้ายทุกอย่างจึงวนกลับไปยังเรื่องพื้นฐานที่สุดคือ คุณภาพสินค้าที่ทำให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ จนกลายเป็น “แฟนพันธุ์แท้”

“Key Success ของเรามีหลายอย่าง เช่น วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ต้องใช้แบบไฮเอนด์ โดยเฉพาะเครื่องชงกาแฟกับเครื่องบดกาแฟที่เป็นหัวใจ ต่อมา คือระบบปฏิบัติการหลังบ้าน รวมถึงระบบโลจิสติกส์ต่างๆ ของซัพพลายเชน ส่วนที่สาม คือ “Business Partner” เราโชคดีที่มีพาร์ตเนอร์ที่ดี นักลงทุนส่วนใหญ่เป็นญาติพี่น้องหรือเพื่อนสนิทที่รู้จักกันมานาน คอยช่วยเรื่องลงเงิน ลงแรง ลงความคิดกันมาตลอด ส่วนสุดท้าย คือ น้องๆ พนักงานทุกคนที่ผมคิดว่า เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ถ้าไม่มีพนักงานที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจ 1:2 Coffee คงมาถึงจุดนี้ไม่ได้”

‘1:2 Coffee’ จะเป็น ‘Starbucks เมืองไทย’ ? วางเป้าอีก 5 ปี เปิดให้ครบ 400 แห่งทั่วประเทศ

ขายได้ 500 แก้วต่อวัน ปีนี้เพิ่มอีก 50 สาขา อีก 5 ปี ไปได้สูงสุด “400 สาขา”

ปัจจุบัน “1:2 Coffee” ทั้ง 54 สาขา บริหารกันเองภายในกลุ่มนักลงทุนที่มีเพียงวงศาคณาญาติ และเพื่อนสนิท “ทวิวัฒน์” บอกว่า ตนยังไม่มีแผนขายแฟรนไชส์เร็วๆ นี้ และคิดว่า ในอนาคตอันใกล้ก็ยังไม่คิดขยายธุรกิจผ่านโมเดลแฟรนไชส์แน่นอน โดยในปีนี้แผนของ บริษัท หนึ่งต่อสอง จำกัด อยากขยายสาขาแบบเท่าตัวอีก 50 สาขา นั่นเท่ากับว่า สิ้นปี 2568 เราจะได้เห็นร้านกาแฟแห่งนี้มีทั้งสิ้น 100 สาขา โดยสัดส่วนที่จะขยายแบ่งเป็นกรุงเทพฯ​ 90% และต่างจังหวัดอีก 10%

“ทวิวัฒน์” บอกว่า บริษัท หนึ่งต่อสอง จำกัด เป็นเพียงพอร์ตธุรกิจเดียวเท่านั้น เพราะจริงๆ เครือ “1:2 Coffee Company” ยังมีอีกหลายสาขา แผนในอนาคตอยากเป็นร้านกาแฟที่มีสาขาทั่วประเทศ เจ้าตัวบอกว่า แม้จะไม่ได้ขายแฟรนไชส์แต่สามารถขยายสาขาได้เยอะขึ้นเรื่อยๆ เพราะกลุ่มนักลงทุนที่เข้ามาลงเงินลงแรงตอนนี้มีจำนวนมากพอสมควร พอญาติพี่น้องเห็นว่า ตนทำธุรกิจประสบความสำเร็จก็อยากเข้ามาร่วมทุนด้วย ซึ่งแต่ละสาขาก็จะมีผู้ถือหุ้นแตกต่างกัน ทุนที่ได้มาก็มาจากส่วนนี้ผสมกับการ “Re-invest” ด้วย

ส่วนแผนที่จะเดินคู่ขนานไปกับการสเกลหน้าร้านคือ การเปิดโรงคั่วกาแฟหากแล้วเสร็จโรงคั่วแห่งนี้ จะสามารถรองรับกำลังการผลิตได้มากถึง 400 สาขา สำหรับเป้าในการขยายสาขาตอนนี้เฉลี่ยอยู่ที่ปีละ 50-100 แห่ง ในอีก 3-5 ปีข้างหน้าก็จะยังเป็นตัวเลขนี้อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งก็ต้องดูความเป็นไปได้ระหว่างทางด้วย

อย่างไรก็ตาม “ทวิวัฒน์” บอกว่า ตอนนี้ยังไม่มีแผน IPO แม้จะสเกลสาขาค่อนข้างมากแต่ยังบริหารจัดการภายในกันเองได้คล่องตัว แง้มว่า ทุกวันนี้มีแลนด์ลอร์ดมาเสนอพื้นที่ให้ไปเปิดร้านเยอะมาก แต่ด้วยกำลังคนตอนนี้คงไม่สามารถไปได้ทุกพื้นที่ ทำนองเดียวกับการเข้าตลาดหลักทรัพย์ที่แม้จะได้ทุนมาแต่ก็คงสเกลได้ในสัดส่วนเดิม

‘1:2 Coffee’ จะเป็น ‘Starbucks เมืองไทย’ ? วางเป้าอีก 5 ปี เปิดให้ครบ 400 แห่งทั่วประเทศ

ตั้งแต่เปิดร้านมา “ทวิวัฒน์” ระบุว่า โต Double-Digits แทบทุกปี ปีนี้ก็อยากโตเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวสอดรับไปกับจำนวนสาขาที่เพิ่มขึ้น ส่วนการเดินทางไกลในอนาคตหากในประเทศอิ่มตัวแล้วก็ไม่แน่ว่า เราอาจได้เห็นร้านกาแฟคนไทยค่อยๆ ขยายสู่ระดับโลกก็เป็นไปได้ 

“วันหนึ่งถ้าในไทยไม่มีที่ไปต่อแล้วก็อาจจะต้อง Global แต่วันนี้ก็ค่อยๆ ขยาย เราทำโรงคั่วกาแฟอยู่ด้วย น่าจะไปได้ถึงประมาณ 400 สาขา โรงคั่วนี้รองรับได้ 400 สาขา อาจจะสัก 3-5 ปี ปีนี้เป้าเราคือ 50 แห่ง ดูความเป็นไปได้ว่า มีมากน้อยแค่ไหน แล้วเราขายไม่แพง เน้นวอลุ่ม ทุกวันนี้ขายได้ประมาณ 500 แก้วต่อวันต่อสาขา ธุรกิจร้านกาแฟแม้จะเป็น Red ocean แต่มันก็ถูกพิสูจน์มาแล้วว่า ถึงคู่แข่งจะมีอยู่เยอะ แต่ก็ยังมีลูกค้ามากมายมหาศาลเช่นกัน ควรหาความแตกต่างให้เจอว่า เราแตกต่างอย่างไรกับคู่แข่งในท้องตลาด ถ้าเราหาเจอโอกาสก็จะเป็นของเราได้ไม่ยาก”

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์