สยามพิวรรธน์ โชว์เคส โลกแห่งลักชัวรี - Luxury for All ต้นแบบลักชัวรีของโลก

สยามพิวรรธน์ โชว์เคส โลกแห่งลักชัวรี - Luxury for All ต้นแบบลักชัวรีของโลก

สยามพิวรรธน์ เสริมศักยภาพการทำตลาดแบรนด์หรู เปิด "โลกแห่งลักชัวรี - Luxury for All" ต้นแบบจุดหมายปลายทางลักชัวรีที่ดีของเอเชีย ยกระดับที่สุดของการสร้างประสบการณ์ลักชัวรีให้ล้ำสมัยและตอบโจทย์การใช้ชีวิตแห่งโลกอนาคตในทุกมิติที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้

ประเทศไทยเป็นตลาดที่เติบโตอย่างร้อนแรงของแบรนด์หรูหรา หรือลักชัวรีแบรนด์ทั่วโลกต่างมุ่งหน้าขยายตลาดเจาะขุมทรัพย์กลุ่มคนมั่งคั่ง คนรุ่นใหม่ Gen Z อายุน้อย แต่ประสบความสำเร็จเร็ว มีกำลังซื้อสูง มองหาประสบการณ์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และความสมบูรณ์แบบของชีวิตยิ่งขึ้น ผู้บริโภคกลุ่มนี้มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นที่จับตามองของแบรนด์อย่างไม่ละสายตา เช่นเดียวกับการพุ่งเป้าหมายยึดครองทำเลยุทธศาสตร์ย่านใจกลางกรุงเทพฯ ที่ขึ้นชื่อว่าเป็น Global Destination อย่าง "สยามพารากอน" และ "ไอคอนสยาม" ฐานที่มั่นสำคัญของบรรดาลักชัวรีแบรนด์ ที่เรียกได้ว่าครบครันแห่งหนึ่งในการปักหลักให้บริการแฟนคลับ! ที่เวลานี้ยังคงมี Waiting List ของแบรนด์ชั้นนำจำนวนมากจดจ่อรอพื้นที่ศักยภาพเพื่อเปิดตลาด ขยายธุรกิจในประเทศไทย

การเป็นหมุดหมายของลักชัวรีแบรนด์ชั้นนำที่ครบครันแห่งหนึ่ง ไว้วางใจเปิดแฟลกชิปสโตร์ คอนเซปต์สโตร์ ป๊อปอัพสโตร์ คอลเลกชันใหม่ และแบรนด์ Exclusive เป็นครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียนั้น ทำให้ "สยามพารากอน" และ "ไอคอนสยาม" ภายใต้การขับเคลื่อนของ กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจค้าปลีกชั้นนำ นำทัพโดย ชฎาทิพ จูตระกูล NO.1 Luxury Destination เป็นจุดแข็งของ สยามพิวรรธน์ ที่แตกต่างจากคู่แข่ง และเป็นความโดดเด่นที่เหนือกว่าในการดึงดูดเหล่าสาวกแบรนด์และลูกค้าใหม่ๆ เข้ามาสัมผัสประสบการณ์สินค้าและบริการหรูหรา หนุนยอดขายลักชัวรีแบรนด์ที่สยามพารากอน และไอคอนสยาม รั้งอันดับสูงสุดในภูมิภาค บางแบรนด์ติดอันดับระดับ TOP 5 ของโลก ครองแชมป์มาร์เก็ตแชร์สูงสุดในตลาด Luxury Retail ในประเทศไทย

สยามพิวรรธน์ โชว์เคส โลกแห่งลักชัวรี - Luxury for All ต้นแบบลักชัวรีของโลก

 

หากย้อนกลับไป หลังวิกฤติโควิด-19 ท่ามกลางการฟื้นตัวของธุรกิจและเศรษฐกิจไทย เทรนด์ของแบรนด์หรูพาเหรดเข้าไทยอย่างต่อเนื่อง โดยมี สยามพารากอน และ ไอคอนสยาม เป็น Preferred Destination สำหรับแบรนด์ต่างๆ ที่ต้องการเปิดร้านค้าแห่งแรก หรือสร้างแฟลกชิปสโตร์ระดับโลก เพื่อส่งมอบประสบการณ์พิเศษและแตกต่างก่อนใคร

ในช่วงปี 2566-2567 แบรนด์ดังระดับโลกมากกว่า 50 แบรนด์ ทยอยเปิดบริการทั้งที่สยามพารากอนและไอคอนสยาม ไม่ว่าจะ Loro Piana แบรนด์แฟชั่นเรียบหรูจากอิตาลีเปิดบูติกแห่งแรกในไทย แบรนด์ยอดนิยม Louis Vuitton และ Fendi เปิดบูติกสำหรับผู้ชายแห่งแรกที่สยามพารากอน บูติกใหม่ของแบรนด์นาฬิกาหรู อาทิ Breitling, Chopard, Franck Muller, Gucci Watch, IWC, Jaeger Le Coultre, Panerai, Piaget, Rolex, Tag Heuer, Tudor, Vacheron Constantin และ Zenith ส่วนใหญ่เปิดครั้งแรกในไทยและเป็นเอกซ์คลูซิฟเฉพาะสยามพารากอน ขณะที่ไอคอนสยามขยายพื้นที่สำหรับลักชัวรีเพิ่มอีก "เท่าตัว" พร้อมร้านใหม่แบบ Duplex

สยามพิวรรธน์ โชว์เคส โลกแห่งลักชัวรี - Luxury for All ต้นแบบลักชัวรีของโลก

 

จากกลยุทธ์ The New World of Luxury เสริมศักยภาพการทำตลาดแบรนด์หรูของกลุ่มสยามพิวรรธน์ก้าวหน้าไปอีกขั้นด้วยการเดินหน้าสร้างต้นแบบใหม่ "Luxury for All" ยกระดับที่สุดของการสร้างประสบการณ์ลักชัวรีให้ล้ำสมัยและตอบโจทย์การใช้ชีวิตแห่งโลกอนาคตในทุกมิติที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้! นั่นหมายความว่าจะเป็นการขยายตลาดอย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้นไปอีกไม่จำกัดเฉพาะแฟชั่น แต่ครอบคลุมการใช้ชีวิตในหลายมิติ

ทิพาณัท เลณบุรี รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ผู้บริหารสายการขายและธุรกิจสัมพันธ์ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ขยายความว่า ในปี 2568 สยามพารากอน และ ไอคอนสยาม เตรียมขยายพื้นที่สำหรับลักชัวรีแบรนด์อีกเท่าตัว! เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการที่ครบครันครอบคลุมมากที่สุด

มีการเปิดร้านลักชัวรีแบรนด์ใหม่ในรูปแบบเอกซ์คลูซิฟที่ไม่เคยมีมาก่อน รวมทั้งการขยาย Duplex luxury boutique ที่มีจำนวนมากที่สุดในประเทศไทย ในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 "สยามพารากอน" ยังเตรียมเปิดโซนใหม่ Luxury Dining แห่งแรกของประเทศไทย นำเสนอประสบการณ์อาหารระดับเวิลด์คลาส รวบรวมร้านอาหารจากแบรนด์ชั้นนำที่เปิดตัวในเมืองไทยเป็นครั้งแรก พร้อมเชฟมิชลินสตาร์มาร่วมสร้างสรรค์คอนเซปต์ใหม่สุดเอกซ์คลูซิฟเฉพาะที่สยามพารากอนเท่านั้น

สยามพิวรรธน์ โชว์เคส โลกแห่งลักชัวรี - Luxury for All ต้นแบบลักชัวรีของโลก

"กลุ่มสยามพิวรรธน์ มีพื้นฐานที่แข็งแกร่งในตลาดลักชัวรี มีส่วนแบ่งตลาดรวมกันถึง 70% สูงสุดในตลาด Luxury Retail และมีรายได้ต่อตารางเมตรสูงสุดในประเทศไทย นอกจากการรวบรวมสินค้าและบริการที่ตอบการใช้ชีวิตแบบลักชัวรีที่ครบครันที่สุดแห่งหนึ่งของโลก กลุ่มสยามพิวรรธน์ยังคงได้รับความไว้วางใจในการเปิดแฟลกชิปสโตร์ คอนเซปต์สโตร์ พร้อมกับการจัดป๊อบอัพสโตร์ และเปิดตัวคอลเลกชันพิเศษ นิทรรศการและแฟชั่นโชว์ระดับโลกมากที่สุดถึง 132 งาน"

การผนึกพลังความแข็งแกร่งของพันธมิตรแบรนด์ระดับโลกในปี 2568 จะมีอีก 15 แบรนด์ใหม่เปิดร้านแห่งแรกในไทย ทั้งในสยามพารากอน และไอคอนสยาม อาทิ Delvaux (เดลโวซ์) แบรนด์เครื่องหนังชั้นสูงจากเบลเยียม และ Faure Le Page (ฟอร์เล เลอ พาจ) แบรนด์แฟชั่นชั้นนำจากฝรั่งเศส ซึ่งทั้งสองแบรนด์จะเปิดที่สยามพารากอนเป็นแห่งแรก และเตรียมเปิดแฟลกชิปสโตร์แบบดูเพล็กซ์ 2 ชั้น ถึง 13 แห่ง เรียกได้ว่า มากที่สุดในประเทศไทย! ประกอบด้วย ดูเพล็กซ์ 6 แห่ง และทรีเพล็กซ์ แบบ 3 ชั้น 1 แห่ง ที่สยามพารากอน และดูเพล็กซ์ 6 แห่ง ที่ไอคอนสยาม

ทิพาณัท กล่าวย้ำว่า ตลาดลักชัวรี ในประเทศไทยยังคงแสดงศักยภาพการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และได้รับความสนใจมากขึ้นจากแบรนด์ชั้นนำที่สนใจเข้ามาลงทุน ขณะที่ความสำเร็จของสยามพารากอน และไอคอนสยาม โดยเฉพาะในกลุ่มเครื่องประดับชั้นสูง (Fine Jewelry) และนาฬิกา ซึ่งยังคงมีศักยภาพในการเติบโตอย่างต่อเนื่องได้เสริมความแข็งแกร่งของสยามพิวรรธน์ในฐานะผู้พัฒนา Luxury Destination ระดับโลก ที่มีฐานลูกค้ากำลังซื้อสูงมากที่สุดในประเทศไทยจะสร้างการเติบโตได้อย่างแข็งแรง มั่นคง

สยามพิวรรธน์ โชว์เคส โลกแห่งลักชัวรี - Luxury for All ต้นแบบลักชัวรีของโลก

พลัง Gen Z ดันลักชัวรีแบรนด์โตก้าวกระโดด

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งสำหรับเทรนด์การเติบโตของกลุ่มสินค้าหรูหราที่เติบโตแบบก้าวกระโดดสวนทางเศรษฐกิจทั่วโลกที่อยู่ในภาวะถดถอย ธณพร ตันติยานนท์ ผู้บริหารหน่วยธุรกิจสยามพารากอน กล่าวเสริมว่า ตลาดลักชัวรีกำลังก้าวสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ โดยเทรนด์ใหม่ที่ถูกขับเคลื่อนโดยพลังของผู้บริโภครุ่นใหม่ และกลุ่ม Gen Z ซึ่งให้ความสำคัญกับคุณค่าของสินค้าอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ชื่นชอบสินค้าที่หายากมีคุณภาพสูง ตอบโจทย์การใช้งานได้จริง โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยเฉพาะสินค้าที่ผลิตในแบบเฉพาะบุคคล ไม่เหมือนใคร

"โดยไม่จำเป็นต้องมาจากแบรนด์ใหญ่ แต่ต้องเป็นที่สุด (Best in Class) และคุ้มค่า"

สยามพิวรรธน์ โชว์เคส โลกแห่งลักชัวรี - Luxury for All ต้นแบบลักชัวรีของโลก

ถอดสูตรสร้างโลกแห่งลักชัวรีดีที่สุดแห่งเอเชีย

"สยามพิวรรธน์" ได้ตีโจทย์พฤติกรรมลูกค้าและเมกะเทรนด์โลกออกมาเป็นกลยุทธ์ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมลักชัวรีสู่มาตรฐานใหม่แห่งอนาคต ตอกย้ำความเป็นผู้นำในการสร้างโลกแห่งลักชัวรี "Luxury for All" ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้!

เริ่มจากกลยุทธ์แรก "Curation & Co-creation" คัดสรรแบรนด์ชั้นนำที่หลากหลายตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้า โดยสยามพิวรรธน์ร่วมมือกับแบรนด์และพันธมิตรระดับโลกผ่านการ Co-creation เพื่อสร้าง Ecosystem ที่นำเสนอประสบการณ์เหนือความคาดหมาย ซึ่งสยามพารากอน และไอคอนสยาม ยังคงเป็นศูนย์กลางที่รวบรวมร้านค้าและแบรนด์หรูครอบคลุมและครบครันมากที่สุดในประเทศไทย ทั้งสินค้าแฟชั่น เครื่องประดับชั้นสูง นาฬิกา และรถยนต์ไฮเอนด์

สำหรับไฮไลต์ร้านเปิดใหม่ที่สยามพารากอน ได้แก่ Delvaux (เดลโวซ์) เปิดบูติกแห่งแรกในไทย เมื่อ 22 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา ถือเป็นการขยายฐานครั้งสำคัญสู่ภูมิภาคเอเชีย Boucheron แบรนด์เครื่องประดับชั้นสูงจากฝรั่งเศส เปิดบูติกแห่งแรกของไทย โรลส์-รอยซ์ เปิดโชวรูมใหม่ Galleria ในสยามพารากอนแห่งแรกในเอเชียแปซิฟิก และอันดับ 5 ในเอเชีย Loewe ช็อปแห่งแรกในไทยที่เป็นรูปแบบ Loewe Casa  Prada เปิดบูติคสำหรับผู้ชายแห่งแรกในไทย Dolce & Gabbana คอนเซปต์สโตร์ใหม่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ BVLGARI เปิดดูเพล็กซ์แห่งแรกใหญ่ที่สุดในไทย ส่วนไอคอนสยามเปิด Chaumet แห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย

สยามพิวรรธน์ โชว์เคส โลกแห่งลักชัวรี - Luxury for All ต้นแบบลักชัวรีของโลก

Luxury for all เข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม

กลยุทธ์ที่สอง "Luxury for all" ลักชัวรีสำหรับทุกคนที่เข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม นำเสนอสินค้าที่ครบทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต มีเอกลักษณ์ และตอบความต้องการเฉพาะบุคคลที่ดีขึ้น โดยสยามพิวรรธน์เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้สัมผัสลักชัวรีแบรนด์ผ่าน Pop-up Stores ที่ผสมผสานระหว่างความล้ำสมัยและเอกลักษณ์เฉพาะตัว สะท้อนความเป็นตัวตน ซึ่งปีนี้มีหลายแบรนด์ดังที่เป็นที่ชื่นชอบของคนรุ่นใหม่เข้ามาร่วมสร้างปรากฏการณ์ในสยามพารากอน และไอคอนสยาม อาทิ Chanel Coco Crush Exhibition ครั้งแรกในไทย Gucci Ancora Pop Up ครั้งแรกในการเปิดคอลเลกชันแรกของครีเอทีฟไดเรกเตอร์ Sabato de Sarno Gentle Monster X Jennie Pop Up แห่งเดียวในประเทศไทย A. Lange & Söhne Precious in Motion Exhibition ครั้งแรกในไทย Chanel L’ Avant-Premiere Pop Up ครั้งแรกในตะวันออกเฉียงใต้และอีกกว่า 15 pop up stores คอนเซปต์พิเศษครั้งแรกในไทย

กลยุทธ์ที่สาม "Extraordinary Experiences" สร้างประสบการณ์ลักชัวรีเหนือระดับแบบครบวงจร โดยการยกระดับประสบการณ์การช้อปปิ้งสู่มิติใหม่ที่ครบวงจรที่รวมถึง "Luxury Dining" การผสมผสานผลงานศิลปะที่รังสรรค์มาในพื้นที่ และบริการพิเศษเหนือระดับ

สยามพิวรรธน์ โชว์เคส โลกแห่งลักชัวรี - Luxury for All ต้นแบบลักชัวรีของโลก

ทั้งนี้ เมื่อต้นปี 2567 กลุ่มสยามพิวรรธน์ ได้ดำเนินการบริหาร Le Café Louis Vuitton ร้านคาเฟ่สุดหรูแห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพฯ รวมทั้งการเปิดประสบการณ์การรับประทานอาหารแบบเหนือระดับด้วย Blue by Alain Ducasse (บลู บาย อลัง ดูคาส) ร้านอาหารฝรั่งเศสไฟน์ไดนิ่งร่วมสมัยที่ไอคอนสยาม ซึ่งประสบความสำเร็จคว้าดาวมิชลินติดต่อกัน 5 ปี ความไว้วางใจจากแบรนด์ระดับโลกนี้ตอกย้ำบทบาทของสยามพิวรรธน์ในฐานะผู้นำด้านการสร้าง Holistic Experience

นอกจากนี้ ยังมีการจัดนิทรรศการและอีเวนต์ที่นำความคิดสร้างสรรค์ งานศิลปะ เทคโนโลยีและนวัตกรรมล้ำสมัยมาใช้ช่วยยกระดับประสบการณ์ของผู้เยี่ยมชมให้เหนือความคาดหมายและน่าประทับใจ

ต่อยอดขยายฐานคนรุ่นใหม่

กลยุทธ์ที่สี่ "New affluent community" การสร้างฐานลูกค้ากำลังซื้อสูงคนรุ่นใหม่ ถือเป็นหัวใจสำคัญของสยามพิวรรธน์ในการครองความเป็นหนึ่งในกลุ่มลูกค้ากำลังซื้อสูงที่สุดในประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง จากการต่อยอดความสำเร็จด้วยการเพิ่มศักยภาพและยกระดับ Luxury CRM สำหรับลูกค้าสมาชิกในรูปแบบใหม่เพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่ม Global citizen พร้อมเปิดตัว JAI by ONESIAM ลักชัวรีไลฟ์สไตล์คลับระดับโลก เพื่อสร้างคอมมูนิตีที่ไร้พรมแดน นำเสนอประสบการณ์แบบ Exclusive นับเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับการบริหารลูกค้าสัมพันธ์ในกลุ่มลักชัวรีสู่มาตรฐานใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน

กลยุทธ์สุดท้าย "Sustainable luxury" ส่งเสริมแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน ตั้งแต่การคัดเลือกวัสดุ กระบวนการผลิต บรรจุภัณฑ์ การดูแลผู้มีส่วนได้เสีย สร้างผลกระทบเชิงบวก ส่งเสริมไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภครุ่นใหม่ที่ตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสังคมและโลกใบนี้

พร้อมสนับสนุนแบรนด์พันธมิตรที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน โดยการพัฒนาแนวปฏิบัติการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนสำหรับผู้เช่า การจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อเพิ่มการรีไซเคิลและลดการฝังกลบ การแสวงหาพลังหมุนเวียน (Renewable Energy) ทั้งแบบ On-site และ Off-site เพื่อการบรรลุเป้าหมาย Net Zero ร่วมกัน

สยามพิวรรธน์ โชว์เคส โลกแห่งลักชัวรี - Luxury for All ต้นแบบลักชัวรีของโลก

ความสำเร็จของกลุ่มสยามพิวรรธน์ยังสะท้อนผ่านรางวัลด้านลักชัวรีจากสถาบันชั้นนำกว่า 25 รางวัล โดยเฉพาะในปี 2567 ไอคอนสยามคว้ารางวัล Asia’s Most Innovative Shopping Experience จาก Cathay Members’ Choice Awards 2024 ถูกคัดเลือกโดย CNBC ให้เป็นหนึ่งในที่สุดของจุดหมายปลายทางระดับลักชัวรีในประเทศไทย ได้รับการจัดอันดับเป็นสุดยอดจุดหมายปลายทางลักชัวรีที่ดีในเอเชีย และติดอันดับ 4 ของโลกจาก The World’s Most Luxurious Shopping Malls of 2024 โดย Luxurious by Marketing Mentor คว้ารางวัล Best Luxury Shopping Mall in Thailand จาก Luxury Lifestyle Awards 2024 และรางวัล Iconic Thai Brand จาก Tatler Asia

สยามพิวรรธน์ โชว์เคส โลกแห่งลักชัวรี - Luxury for All ต้นแบบลักชัวรีของโลก