คนไทยคลั่ง ‘มัทฉะ’ ไม่หยุด! กินไปแล้ว ‘5 ล้านแก้ว’ แพงก็ยอมจ่าย ถ้าใช้ของดีชงขาย

มัทฉะฟีเวอร์ยังพุ่งต่อ! ปี 2567 ยอดสั่งมัทฉะโตขึ้น 78% คนไทยกินท่วมๆ ทะลุ “5 ล้านแก้ว” พบ ย่านจตุจักร-สยาม-คลองเตย ขายมัทฉะมากสุด ชี้ คนไทยมองหาผงชาพรีเมียม ราคาสูงก็สู้ถ้าใช้วัตถุดิบดี
จากยุคชาไทยฟีเวอร์ แตะมือสู่ “มัทฉะฟีเวอร์” เป็นที่เรียบร้อย ไม่ปรากฏแน่ชัดว่า จุดหักเลี้ยวที่ทำให้เครื่องดื่มชาเขียวมัทฉะโตแรงเริ่มจากตรงไหน ทว่า ตลอดปี 2567 ลากยาวมาจนถึงตอนนี้ก็พบว่า กระแสมัทฉะยังแรงดีไม่มีตก ไม่ใช่แค่ในไทยเท่านั้นแต่ปรากฏการณ์ผงมัทฉะขาดตลาดยังเกิดขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศต้นกำเนิดอย่าง “ญี่ปุ่น” ที่กำลังเร่งแก้ปัญหามัทฉะหมดสต๊อก ซึ่งต้องผ่านกรรมวิธีการเพาะปลูกเก็บเกี่ยวอย่างพิถีพิถันตามฤดูกาล
สำหรับประเทศไทยความนิยมของมัทฉะยังเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยข้อมูลสถิติจาก “LINE MAN Wongnai” ชี้ว่า ปี 2567 กระแสมัทฉะฟีเวอร์ดันยอดขายโตแบบก้าวกระโดด เฉพาะปีที่ผ่านมามียอดสั่งซื้อมัทฉะมากถึง “5 ล้านแก้ว” โตจากปีก่อนหน้า 78% และหากพลิกดูตัวเลขย้อนหลังไปอีก 5 ปี (ระหว่างปี 2563 ถึง 2567) พบว่า ปี 2563 ยอดสั่งซื้อมัทฉะยังโตต่ำกว่า 1 ล้านแก้ว จนมาถึงปี 2564 ที่พบว่า ยอดสั่งซื้อมัทฉะทะยานสู่ “2 ล้านแก้ว” และมาโตแบบก้าวกระโดดสุดๆ อีกครั้ง ในปี 2567
ทั้งนี้ พื้นที่ที่มีเมนูมัทฉะขายมากที่สุดยังตกเป็นของกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะพื้นที่จตุจักร ปทุมวัน และวัฒนา ตามมาด้วยจังหวัดนนทบุรี และจังหวัดชลบุรี ด้านผู้บริหาร “LINE MAN Wongnai” ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า เทรนด์การกินมัทฉะ ณ ตอนนี้ สะท้อนให้เห็นว่า ผู้บริโภคไม่ได้พิจารณาเรื่องรสชาติเพียงอย่างเดียว แต่ยังให้ความสำคัญกับวัตถุดิบที่ดีต่อสุขภาพ ส่งผลให้ผงมัทฉะเกรดพรีเมียมขายดีจนขาดตลาดนั่นเอง
สำหรับเครื่องดื่มหมวดหมู่อื่นๆ อย่าง “กาแฟ” และ “ชาไทย” พบว่า ยังคงติดอันดับสินค้าขายดี-ยอดสั่งซื้อสูงเช่นกัน โดยเมนูขายดีมาแรงบนแอปพลิเคชันเดวิเลอรีไลน์แมน (LINE MAN) ปี 2567 มี “อเมริกาโน่” และ “แบล็คคอฟฟี่” รั้งอันดับ 1 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 38.4% “เอสเพรสโซ” ติดอันดับ 4 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 35.1% และ “คาปูชิโน่” ติดอันดับ 7 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 31.9% สะท้อนว่า กาแฟยังคงได้รับความนิยมเป็นเบอร์ต้นๆ ของคนไทยเสมอ
ส่วนเทรนด์ที่น่าจับตามองอีกอย่างนอกจากมัทฉะ ได้แก่ “ชาชีส” ที่พบว่า ติดอันดับเมนูที่ถูกค้นหามากที่สุด ดันยอดสั่งชาชีสบนไลน์แมนโตขึ้นกว่า 7 เท่า ที่ผ่านมามีธุรกิจร้านชาชีสเปิดร้านบนแอปพลิเคชั่นไลน์แมนเพิ่มขึ้นมากถึง 4,000 แห่งทั่วประเทศ ตัวอย่างร้านที่ติดอันดับขายดี ได้แก่ OWLCHA, Bearhouse และ Nose Tea เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าภาพรวมของธุรกิจร้านอาหารจะไปได้สวยสำหรับหมวดหมู่สินค้า “Rising Star” แต่ก็พบว่า ในภาพรวมธุรกิจร้านอาหารยังต้องเผชิญกับความท้าทายอย่างหนัก พบว่า ร้านอาหารเปิดใหม่โดยเฉลี่ยราว 50% มีอันต้องปิดตัวลงตั้งแต่ปีแรก และมีมากกว่า 65% ที่ต้องปิดตัวลงภายใน 3 ปีให้หลัง ความหมายก็คือจากจำนวน 100 ร้าน จะเหลือเพียง 35 ร้านเท่านั้น
การแข่งขันที่สูงเช่นนี้มาจากหลายปัจจัยโดยเฉพาะผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ อีกทั้งยังพบรายละเอียดปลีกย่อยจากการเก็บข้อมูลเชิงลึกหน้าร้านอาหารที่นำไปสู่การปิดตัวด้วย โดยความท้าทายอันดับแรกกว่า 77% มาจากเรื่องต้นทุนหาย-กำไรจม ร้านอาหารมักเผชิญกับการบริหารจัดการต้นทุนที่ยากลำยาก จากราคาวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้น
อีก 58% มาจากการพลาดโอกาสทางรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ต้องการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเท่านั้น และอื่นๆ คือเรื่องการทุจริตฉ้อโกง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องการปลอมแปลงสลิปโอนเงิน โอนยอดไม่ครบ พนักงานทุจริต รวมถึงจำนวนธุรกรรมเป็นจำนวนมากจากสังคมไร้เงินสดที่อาจเสี่ยงต่อการจัดการบัญชีได้ด้วย